Breaking News

รีวิวทดสอบรถ MAZDA CX-3 ใหม่ 2018 เส้นทาง กรุงเทพฯ – หัวหิน 

รีวิวทดสอบรถ MAZDA CX-3 ใหม่ 2018 กับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย โดยใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปยังหัวหิน 

รีวิวทดสอบรถ MAZDA-CX-3-ใหม่-2018-กรุงเทพฯ- หัวหิน-2.jpg
รีวิวทดสอบรถ MAZDA CX-3 ใหม่ 2018 เส้นทาง กรุงเทพฯ – หัวหิน

รีวิวทดสอบรถ MAZDA CX-3ใหม่ 2018

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย พาสื่อมวลชนไปสัมผัสสมรรถนะของ Mazda CX-3 ใหม่ 2018 พร้อมพาไปชม กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย โดยใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปยังหัวหิน รวมระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร

MAZDA CX-3  ได้ถูกเปิดตัวในปี 2558 ภายใต้แนวคิด “การสร้างมาตรฐานสำหรับยุคใหม่” ในรูปแบบของรถ Crossover SUV ที่อยู่เหนือแนวความคิดของรถยนต์ในระดับเดียวกัน ทางมาสด้า ได้รวบรวมข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาปรับปรุงแก้ไขให้ตัวผลิตภัณฑ์ทั้งเรื่องของการออกแบบ สมรรถนะในการขับขี่ ความปลอดภัย

โดยใน MAZDA CX-3  มีการปรับปรุงในหลายจุดได้แก่ กระจังหน้า เน้นถึงการออกแบบที่ดูมั่นคง แต่ยังคงไว้ซึ่ง รายละเอียดอันประกอบไปด้วยเส้นของลายกระจัง 2 เส้นที่มีความหนาที่ต่างกัน ช่วยให้ไฟหน้าและซิกเนเจอร์วิง มีความโดดเด่นจากระยะไกล ดูเฉียบคมและมีมิติมากขึ้น เส้นโครเมียมที่ประดับบนกันชนหน้าให้ความรู้สึกเชื่อมต่อกับเส้นโครเมียมด้านข้างตัวรถ กรอบไฟตัดหมอกโคมไฟท้ายของรุ่นใหม่นี้ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบวงแหวนประกอบกับเส้นแนวนอน

ภายในห้องโดยสาร

ภายในมีการปรับเปลี่ยนโฉมใหญ่หลายจุดเช่นกันได้แก่ การเปลี่ยนมาใช้ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) เป็นระบบเบรกมือไฟฟ้าเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานเพียงแค่กดสวิตช์ ส่วนการยกเลิกการทำงานนั้นสามารถทำได้โดยการกดสวิตช์พร้อมเหยียบแป้นเบรก หรือยกเลิกการทำงานโดยง่ายด้วยการเหยียบคันเร่ง

นอกจากนี้ชุดคอลโซลได้มีการออกแบบใหม่หมด นอกจากนั้นแล้วยังทำให้พื้นที่ตรงบริเวณคอนโซลกลางเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยพนักวางแขน พร้อมช่องเก็บของที่ปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบอีกด้วย วัสดุสำหรับแผงคอนโซลหน้า, ที่นั่งและแผงประตูนั้นได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดด้วยวัสดุที่ดูหรูหรามากขึ้น

ระบบ Auto Hold ระบบนี้ช่วยให้รถหยุดอยู่กับที่หลักจากผู้ขับชะลอรถจนหยุดนิ่ง แม้ว่าผู้ขับจะถอนเท้าออกจากแป้นเบรก ระบบนี้ได้รับการออกแบบเพื่อลดภาระของผู้ขับ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่รถเคลื่อนที่เพียงเล็กน้อยสลับกับหยุดนิ่ง อย่างเช่น ตอนรอสัญญาณไฟจราจรหรือเคลื่อนตัวช้า ๆ ในสภาวะรถติด ระบบนี้สามารถเปิด-ปิดด้วยสวิตช์บนแผงคอนโซลกลาง

เครื่องยนต์

ส่วนของขุมพลังมีให้เลือกสองแบบคือ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตจร ที่ 1,600-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะเช่นกัน และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ รองรับเชื้อเพลิง E85 ได้

เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย

นอกจากนี้ ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยด้วยโครงสร้างตัวถัง SKYACTIV-BODY ที่มีน้ำหนักเบา แต่ยังคงมีความแข็งแรงสูง และเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ก้าวล้ำบนพื้นฐานของปรัชญาด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันของมาสด้า การพัฒนาครั้งนี้ทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าและตอบสนองการใช้งานได้มากขึ้นได้แก่

– Advanced Blind Spot Monitoring (ABSM) & Rear Cross Traffic Alert (RCTA) *มีในทุกรุ่นย่อย
ตรวจจับรถจากด้านข้างและด้านหลังที่กำลังใกล้เข้ามาบริเวณจุดบอด พร้อมทั้งเตือนเมื่อผู้ชัยขี่จะทำการเปลี่ยนเลน หรือขณะถอยหลัง

– Land Departure Warning System (LDWS)
คาดการณ์การเบี่ยงออกนอกเลน และเตือนผู้ขับขี่ถึงอันตรายผ่านทางเสี่ยง

– Adaptive LED Headlamps (ALH)
ปรับการทำงานของไฟหน้าที่ส่องไปยังพื้นถนนเพื่อช่วยในการขับขี่ที่ปลอดภัย

– Driver Attention Alert (DAA)
ลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ โดยการแนะนำให้หยุดพักเมื่อตรวจพบพฤติกรรมความเหนื่อยล้า และการสูญเสียสมาธิของผู้ขับขี่

– Mazda Radar Cruise Control (MRCC)
ช่วยปรับและรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าโดยอัตโนมัติ เพื่อลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่

– 360° View Monitor
ช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยแสดงพื้นที่รอบรถ ผ่านจอแสดงผลภายในรถ

– Smart City Brake Support (SCBS) & Smart City Brake Support – Reverse (SCBS-R)
ระบบที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนโดยตรวจจับระยะห่างระหว่างรถด้านหน้าและด้านหลัง

– Smart Brake Support (SBS)
ระบบที่ช่วยเตือนและเบรคอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากการชนในความเร็วกลางไปจนถึงความเร็วสูง

ในการขับขี่สิ่งที่สัมผัสได้คือช่วงล่างที่ดูนิ่มนวลขึ้น แต่ก็ไม่กระด้าง ทำให้ผู้ขับและผู้โดยสารนั่งได้สบาย ๆ ประกอบกับความเงียบในห้องโดยสารที่ทำออกมาได้ดีขึ้น ทำให้เราสามารถฟังเสียงเพลงขับกล่อมจากระบบเครื่องเสียงในรถได้อย่างสุนทรีย์ ในส่วนของการขับขี่ เราบอกได้เลยว่ามาสด้าไม่เคยทำให้ต้องผิดหวัง ทั้งในสองเครื่องยนต์ก็สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ทุกสไตส์ ซึ่งตลอดเส้นทางเราใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ตามกฎหมายกำหนดเพราะเส้นทางไปหัวหินมีการตั้งด่านความเร็วตลอดระยะทาง

โดยเราได้ลัดเลาะเข้าทางนาเกลือ เพื่อมุ่งหน้าไปยังโครงการศึกษาและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี โครงการดังกล่าวจัดตั้งขึ้นสืบเนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริด้านปัญหาขยะและน้ำเสีย

โดยวัตถุประสงค์หลักคือ การแก้ไขปัญหาน้ำเสียและขยะชุมชน โดยยึดหลักการ “ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ” นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้เป็นแหล่งประกอบอาชีพจากสภาพธรรมชาติที่ดีขึ้น เช่น เครื่องจักรสานกกธูป จากต้นกกที่ปลูกไว้ใช้กรองน้ำเสีย, การทำประมง และจับสัตว์น้ำในป่าชายเลนที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นต้น

นับเป็นอีกทริปที่ได้ทดสอบสมรรถนะของรถที่ถือว่ามาพร้อมด้วยอุปกรณ์ และเทคโนโลยีในระดับท็อปสุดของตลาดแล้ว ยังคงได้มีโอกาสได้ไปเรียนรู้โครงการของพ่อหลวง ที่ท่านได้มอบให้เราชาวไทยเอาไว้ แม้พระองค์ท่านจะเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้วก็ตาม ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์ 

Check Also

Volvo car dealer in Pitsanulok 2025

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ประกาศเปิดบริการ โชว์รูม วอลโว่ พิษณุโลก

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย นำโดย คุณภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย (กลาง), คุณถนอมศักดิ์ สันทนาประสิทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารประสบการณ์ลูกค้า …