รีวิว ทดสอบรถ: Toyota Majesty เครื่องยนต์รหัส GD พิกัด 2.8 ลิตร รองรับน้ำมันดีเซล B20 ซึ่งให้เรี่ยวแรงสูงสุด 163 แรงม้า กับราคา 2,199,000 บาท
รีวิว ทดสอบรถ: Toyota Majesty เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดแห่งสาย “รถตู้”
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
Toyota Majesty
“ถ้าจะพูดถึง “รถตู้” ยอดนิยมบ้านเรา คงปฏิเสธไม่ได้ในความยิ่งใหญ่ของแบรนด์ Toyota ที่ว่ากันตั้งแต่ Entry Level อย่าง Commuter ไล่ขึ้นมาเป็นความสวยหรูอย่าง Ventury ที่ยึดหัวหาด ตลาด “รถตู้” เมืองไทยยาวนาน จนเชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามถึงโมเดลใหม่ ซึ่ง ณ วันนี้ Toyota จัดให้แล้วในชื่อ Majesty”
Toyota Majesty คือ เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดแห่งสาย “รถตู้” ที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ส่งมาประจำการแทน Toyota Ventury โดยมีเซอร์ไพรส์เป็นความ “สดใหม่” ทุกอณู ชนิดที่ใครพบเห็นจะต้องตื่นตะลึง ซึ่งว่ากันตั้งแต่ “ขนาด” อันใหญ่โต ที่ประกอบด้วยความยาวระดับ 5,265 มม. บวกกับความกว้าง และความยาวเกือบ ๆ 2 เมตร คือ 1,950 มม. และ 1,990 มม. โดยจะมากับระยะความยาวฐานล้อที่ 3,210 มม. และความแทรคล้อหน้า 1,675 มม. ล้อหลัง 1,670 มม.
วางคอนเซ็ปต์ในการสร้างสรรค์ด้วยแนวคิด “Luxury Mover” มุ่งเน้นไปที่ความสะดวกสบาย และความหรูหรา ซึ่งประกอบด้วยงานดีไซน์ทันสมัย เช่น ภายนอกทรงเหลี่ยมสันเสริมแต่งด้วยรายละเอียดความพรีเมี่ยม จากชุดกระจังหน้าโครเมียม ประกบชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights และเพิ่มทัศนวิสัยที่ดีด้วยชุดไฟตัดหมอก
ขณะที่ความมโหฬารในด้านข้างนั้น เติมแต่งอารมณ์ความปราดเปรียวด้วยงานออกแบบชุดกระจกมองข้าง ที่มากับสัญญาณไฟเลี้ยวในตัว, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 17 นิ้ว ไปจนถึงจุดเด่นด้านความเหนือระดับด้วยบานประตูทั้ง 2 ฝั่ง ทำงานด้วยระบบสไลด์อัตโนมัติ ที่มากับระบบป้องกันการหนีบ โดยมีมุมมองด้านหลังที่สะดุดตาด้วยชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED
ภายในห้องโดยสารเรียกว่ามากับความ “อลังการ” เต็มขั้น โดยเฉพาะในส่วนพักอาศัย เช่น เบาะที่นั่งแบบ Captain Seat พร้อมระบบบริหารหลังไฟฟ้า ตลอดจนสามารถปรับเอนนอนด้วยไฟฟ้า แถมมาพร้อมที่รองขาปรับอัตโนมัติ ไปจนถึงม่านบังแดด และไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
แต่สำหรับเราผู้ซึ่งรับหน้าที่ Driver และการใช้งานเป็นหลัก จึงต้องพุ่งเป้าไปยังฟังก์ชันต่าง ๆ ว่าเค้ามีอะไรมาให้บ้าง ซึ่งก็ว่ากันไปด้วยชุดพวงมาลัยตกแต่งด้วยลายไม้ และมาพร้อมปุ่มควบคุมฟังก์ชัน โดยมีด้านหลังเป็นชุดมาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron ที่ควงคู่มากับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ส่วนบนคอนโซลหน้าติดตั้งจอ Infotainment ขนาด 7 นิ้ว สำหรับมอบความบันเทิง ที่มีไฮไลท์เป็นระบบ T-Connect Telematics ซึ่งหลายคนน่าจะรู้จักกันดี
ตามด้วยตำแหน่งใต้จอที่เป็นชุดควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตไปอีกขั้นด้วยกรองอากาศแบบ Nanoe และเหนืออื่นใดก็คือความอเนกประสงค์ที่นอกจากการความสบายสำหรับ “ขนคน” แล้วก็ยังมีความสะดวกในการ “ขนสัมภาระ” ที่จัดว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องง่ายเช่นกัน ด้วยเบาะนั่งแถวหลังสุดที่ปรับพับได้แบบ 50:50 แล้วก็อย่างที่ว่าเราเองรับหน้าที่ Driver เป็นหลัก ทำให้จะมานั่งใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อสำรวจออฟชั่นก็ใช่เรื่อง
เพราะงั้นกดปุ่มสตาร์ทเครื่อง (Push Start) แล้วออกไปร่อนดีกว่า ซึ่งบอกตรง ๆ ว่า ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้น คือ “ความประหม่า” เนื่องจากคงทราบกันดีว่าเจ้าขนาดของเจ้า Majesty นั้นขยายมากไปกว่า Commuter หรือ Ventury ที่คุ้นเคยเอามาก ๆ จนทำให้การทำความเคยชินกับมุมมองผ่านกระจกต่าง ๆ ไปจนถึงขนาดตัวรถ กลายเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจำเป็น
ส่วนพละกำลังนั้นต้องบอกว่าเป็นอะไรที่คุ้นเคย กับเครื่องยนต์รหัส GD ในพิกัด 2.8 ลิตร รองรับน้ำมันดีเซล B20 ซึ่งให้เรี่ยวแรงสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และรองรับด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท จับคู่ด้านหลังแบบโฟร์ลิงค์ คอยล์สปริง
เสริมทัพด้วยบรรดาตัวช่วยด้านอิเล็กทรอนิกส์เพื่อยกระดับความมั่นใจ ไล่เรียงด้วย ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control), ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control), ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-Start Assist Control), ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Difference), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) และระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
ตลอดจน ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System), ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control), ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System), ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist), ระบบไฟกะพริบเมื่อเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal) และกล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาถือเป็น “ข้อดี” มาก ๆ เพราะจากความเห็นส่วนตัว จากการขับรถคันใหญ่ระดับนี้ “สมาธิคนขับ” เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ฉะนั้นขอตัวช่วยซักนิด เพื่อสร้างความมั่นใจมากขึ้น คือ เรื่องดีที่สุด โดยเฉพาะกับการขับขี่ที่เน้นใช้งานในเมืองแบบที่เรากำลังจะทำ
ซึ่ง “ข้อดี” อันดับแรกที่เราพบเจอหลังจากเริ่มออกเดินทางก็คือเรื่องของ “ทัศนวิสัย” ที่โดดเด่น จากขนาดของตัวรถที่มีทั้งความสูงของตัวรถ และตำแหน่งเบาะนั่งคนขับที่สูงมากพอ สำหรับการสร้างวิสัยทัศน์กว้างไกล มองเห็นได้ชัดเจน และแถมด้วยความโปร่งโล่งสบาย ชนิดที่ทำให้วิกฤตรถติดในเมืองใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก ๆ สำหรับเรา ขณะเดียวกันเรี่ยวแรงบิดระดับ 420 นิวตันเมตรในรอบต่ำตามสไตล์เครื่องยนต์ดีเซล ก็เอื้ออำนวยความคล่องตัวได้ดีกับการตอบสนองที่ฉับไวในการเรียกใช้ และไม่เท่านั้นเพราะยังมีความดีความชอบจากระบบพวงมาลัยที่ปรับอัตราทดใหม่ เพื่อให้สั่งการยักษ์ใหญ่ได้อย่างตรงไป ตรงมา
และนั่นทำให้เราใช้เวลาเพียงไม่นานสำหรับปรับตัวให้เหมาะสม เพื่อควบคุม Toyota Majesty ยนตรกรรมอเนกประสงค์คันใหญ่ และกล้าที่จะค้นหา “ความสนุก” ซึ่งแน่นอนล่ะว่า คือ เรื่องของการตอบสนองอันฉับไวที่ผสมผสานกับทัศนวิสัยเหลือ ๆ ในการเอื้ออำนวย ในชนิดที่บางครั้ง บางจังหวะมันทำให้คุณลืมไปเลยถึงเรื่องของ “ขนาด” เพราะสายตาที่ยาวไกล ส่งต่อให้สมองคิดคำนวณ ขณะที่ร่างกายถูกสั่งการต่อเนื่องอย่างอัตโนมัติ และสร้างผลลัพธ์คือ เจ้ายักษ์ Toyota Majesty เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วผ่านเพื่อนร่วมท้องถนนไปในแบบที่รถเล็ก ๆ ยังต้อง “งง” ว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉะนั้นถ้าการ “ซิ่ง” ในเมือง หลังจากคุ้นชินแล้วไม่ได้สร้าง “ปัญหา” หรือ “ภาระ” ใด ๆ ล่ะก็ … คุณคงเดาไม่ยากว่าเราจะทำอะไรต่อไม่ได้ นอกจากการ “ลอยลำ” บนความเร็วเดินทาง หรือ ความเร็วสูง ด้วยทางด่านมุ่งหน้าออกนอกเมืองที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะเดินทางกลับ ที่ทำให้เราพบว่านี่คือพาหนะเดินทางที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง ตั้งแต่สมรรถนะที่มั่นใจได้จากเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ต่อเนื่องไปที่การควบคุมที่เหมาะสมกับพื้นฐานของฐานะรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ไปจนถึงตัวช่วยในการขับขี่ต่าง ๆ ที่ทำให้คนขับมี “สมาธิ” มากขึ้น โดยไม่ต้องพะวงกับเรื่องของ “ขนาด “ ที่ไม่คุ้นชิน
และสิ่งหนึ่งที่เราแนะนำให้ใช้เวลาปรับตัวมากกว่าปกตินิดหน่อย ก็คือเรื่องของระบบเบรกที่ดูเหมือนจะ “ตอบสนอง” ได้ว่องไว เกินกว่าใครจะคาดคิด ซึ่งอาจจะไม่ถูกจริตผู้โดยสารซักเท่าไหร่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภท “เมารถ” ง่าย ๆ ที่เราไม่แนะนำให้เลือกจับจองตำแหน่งนั่งในเบาะแถว 3 เพราะมันอาจจะสร้าง Effect ที่ทำให้รู้สึก “ไม่ปลื้ม” เท่าไหร่
แต่สำหรับฐานะ Driver ที่เพิ่งผ่านการ “ซิ่ง” มาทั้งวันไม่ว่าจะในเมือง หรือ นอกเมือง เรามองว่าถ้าจะมองหารถอเนกประสงค์แนวรถตู้ สำหรับครอบครัวซักคันล่ะก็ เราว่า Toyota Majesty ดูจะเป็นอะไรที่เหมาะ และโดยเฉพาะในกรณีครอบครัวเล็ก ๆ เพื่อที่จะเว้นเบาะนั่งแถวหลังไว้สำหรับปรับพับเพื่อเก็บข้าว เก็บของเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือก็แค่ปรับตัวให้คุ้นกับบุคลิกเท่านั้น เพื่อให้คุณสามารถครอบครอง Toyota Majesty และใช้งานได้ตามใจสั่งในแบบที่คุ้มค่า และตอบโจทย์ทุกความต้องการในครอบครัว
Specification: Toyota Majesty
- Price: 2,199,000 BHT
- Engine: 2,755 CC / Diesel / 4 Cylinder 16 Valve / Turbo / Intercooler 163 hp @ 3,600 rpm / 420 Nm @ 1,600-2,200 rpm
- Transmission: 6AT / Rear Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A, Top Speed @ N/A
- Weight: N/A