รีวิว ทดสอบรถ: New Mazda2 ที่มาพร้อมระบบ GVC Plus ที่ทำให้ New Mazda2 มีช่วงล่างที่ดีที่สุดในรถรุ่นเดียวกัน ณ สนามช้างฯ จังหวัดบุรีรัมย์
รีวิว ทดสอบรถ: New Mazda2 แบบเต็มพิกัด ณ สนามช้างฯ จังหวัดบุรีรัมย์
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
ทดสอบสมรรถนะ New Mazda2 แบบเต็มพิกัดที่สนามช้างฯ
ตลาด Eco Car ในบ้านเราถือว่ามีความร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง หลาย ๆ ค่าย นำเสนอรถรุ่นใหม่ที่น่าสนใจออกมาได้อย่างเป็นที่จับตามอง ซึ่งทางมาสด้าเองก็ได้มีการปรับโฉมเสริมสมรรถนะในการขับขี่ และความเงียบที่มากขึ้น พร้อมชูจุดขายในความยอดเยี่ยมของระบบ GVC Plus ที่ทำให้ New Mazda2 เป็นสองที่มีช่วงล่างที่ดีที่สุดในรถรุ่นเดียวกัน
สำหรับการเปลี่ยนแปลงใน New Mazda2 กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเก่าพร้อมดีเทลตะแกรงทรงสปอร์ตใหม่ ชุดโคมไฟหน้าปรับใหม่แบบ โปรเจคเตอร์ LED แต่ไฟเลี้ยวยังเป็นแบบฮาโรเจน
สำหรับ Daytime Running Light ดีไซน์ใหม่แบบทรงกลม ส่วนไฟตัดหมอกถูกตัดออกเช่นเดียวกันกับ Mazda3 สำหรับตัวถัง Sedan และ Hatchback จะดีไซน์ด้านหน้าเหมือนกันทุกมิติ เพิ่มเติมล้อลวดลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว รวมไปถึงด้านท้ายมีการปรับเปลี่ยนใหม่ (เฉพาะตัวถังแฮทช์แบค) เช่นชุดโคมไฟท้ายดีไซน์ใหม่ และกันชนท้ายที่เน้นความเรียบหรู กว่ารุ่นเก่า ด้วยการดีไซน์แนวนอน
แผงแดชบอร์ดปรับเปลี่ยนสีเป็นสีเทาฟ้า รวมไปถึงชุดเบาะนั่งหนังแท้ดีไซน์ใหม่ รับสรีระร่างกายมากขึ้น และเพิ่มชิ้นหนังอาคันทาร่า เพื่อการยึดเกาะร่างกายในการเข้าโค้งให้สมูทขึ้น สำหรับวัสดุบุประตูถูกปรับปลี่ยนไปเป็นแบบหนังอาคันทาร่าเช่นกัน พร้อมเสริมตะเข็บสีฟ้าอ่อนด้านออฟชั่นเพิ่มเติมระบบเอนเตอร์เทรนเมนท์ ได้ติดตั้ง Apple Carplay มาให้ สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการณ์ iOS ด้านชุดมาตรวัดยังคงดีไซน์เช่นเดิม
จุดขายใน New Mazda2 รุ่นใหม่คงไม่พ้นจะมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus หรือ GVC Plus จะทำงานถึง 200 ครั้ง/วินาที ซึ่งจะต่างไปจากรุ่นก่อนหน้านี้ที่เป็นแค่ GVC ยังไม่มี Plus มาต่อท้าย โดยในรถรุ่นใหม่จะมีการจับสัญญาณถี่ขึ้น ทำให้การตอบสนองของรถยนต์ได้ความราบรื่น และมีประสิทธิภาพมากกว่า
ระบบนี้จะเหนือกว่ารถที่มีแทร็คชั่นคอนโทรลเพียงอย่างเดียว กับการควบคุมการหมุน (YAW) ผ่านระบบเบรกเพื่อทำให้รถมีเสถียรภาพมากขึ้นตอนเข้าโค้ง โดยระบบ GVC Plus จะทำการเบรกเพียงเล็กน้อยที่ล้อด้านนอกโค้งเพื่อให้พวงมาลัยหมุนคืนเข้าสู่ตำแหน่งเดิมที่จุดกึ่งกลาง ทำให้รถกลับมาวิ่งในทางตรงได้อีกครั้งหนึ่ง
ทางมาสด้าได้จัดสนามทดสอบเป็นสองสถานี โดยสถานีแรกจะเป็นเลนเชนจ์ คือ การหักหลบฉุกเฉิน โดยจะให้ได้ลองทั้งในรุ่นดีเซล และเบนซิน โดยรอบแรกให้ใช้ความเร็ว 80 กม./ชม โดยไม่ต้องกดคันเร่งช่วยให้ควบคุมพวงมาลัยอย่างเดียว
ซึ่งผลออกมาถ้าใช้สปีดที่สูงกว่าบอกรถมีอาการล้อลอยขึ้นให้เห็นกันทีเดียว ในรอบต่อมาใช้วิธีเดียวกันแต่ให้กดคันเร่งกรอกไปด้วยเวลาหักหลบ ซึ่งตัวรถมีเสียอาการน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการกดคันเร่งมีผลต่อระบบ GVC Plus ในการช่วยคอนโทรลรถ
สถานีที่สอง จะเป็นการทดลองให้ใช้สปีดในโค้งจริง ซึ่งเป็นโค้งที่ลึกในสนามช้างฯ จากการทดสอบโดยเข้าโค้งด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. โดยไม่กดคันเร่ง หน้าจะลอยเหมือนจะหลุดออกจากโค้งแต่ยังคงไปได้ ซึ่งในรอบต่อมาเข้าเช่นเดียวแต่ต้องกรอกคันเร่งไว้ด้วย ระบบ GVC Plus ทำให้เห็นถึงความแตกต่างในการขับขี่ตัวรถมีแรกจิกโค้ง ทำให้เข้าไปได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
รวมไปถึงไลน์ที่ขับขี่ก็คมขึ้น สามารถควบคุมได้ดั่งใจ ซึ่งปลายสถานีจะมีการวางเส้นเชือกให้เราทดสอบเรื่องเสียง ซึ่งในรุ่นใหม่มีการเพิ่มโฟนไปช่วยอุดเสียงเข้าในห้องโดยสารถึงสี่จุดไม่ว่าจะเป็นหลังคา ต้องจุดเชื่อมต่อระหว่างเสา A และบังโคลนหลัง รวมไปถึงฝาท้ายด้านบน ทำให้ New Mazda2 มีเก็บเสียงได้ดีขึ้น
ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ทำให้ New Mazda2 เป็นรถเล็กที่มีช่วงล่างที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้อย่างแน่นอน
หลังจากนั้นทางมาสด้าได้ปล่อยให้สื่อมวลชนลองวิ่งเต็มรอบสนามช้าง โดยมีรถนำเป็น Mazda MX-5 ซึ่งแบ่งเป็นสองกลุ่ม โดยเป็นรถดีเซล และเบนซินอย่างละกลุ่ม ซึ่งสามารถทำให้ใช้ความเร็วได้สูงถึง 120 กม./ชม. ในโค้ง โดยอาการที่เกิดขึ้นกับรถทุกคันเมื่อใช้ความเร็วเกินลิมิทในโค้งกับรถน้ำหนักเบาแบบนี้จะเกิดอาการ Oversteer ที่เกิดจากแรงเหวี่ยงของรถตอนเข้าโค้ง ทำให้รถดูเหมือนจะแหกออกจากโค้ง
แต่เมื่อยังเหยียบคันเร่งเอาไว้ ระบบ GVC Plus ก็เข้ามาควบคุมทำให้เกิดสไลด์ งานนี้จึงแทบจะไม่มีการยกคันเร่งมากนักยามที่ต้องเข้าโค้ง และทางตรงก็สามารถทำความเร็วทะลุไปถึง 180 กม./ชม.ได้อย่างสบาย ซึ่งนับเป็นรถเล็กที่มีช่วงล่างที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้อย่างแน่นอน
โดยเครื่องดีเซลทำอัตราเร่งได้ดีกว่าเบนซินพอสมควร แต่ก็เครื่องเบนซินก็ขับสนุกเพียงพอ ด้วยความฉลาดในการช่วยเปลี่ยนเกียร์ หรือดึงรอบมารอเวลาเบรกหนักข้อนี้ ทำให้รถมาสด้าเป็นรถที่ยังคงขับสนุกตลอดมา…