Breaking News

รีวิว Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

รีวิว ทดสอบ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition ให้สัมผัสในการขับขี่ที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด เกาะหนึบ, เฉียบคม และกลมกล่อม

รีวิว ทดสอบ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

รีวิว ทดสอบ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

รีวิว ทดสอบ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

รีวิว ทดสอบ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

รีวิว ทดสอบ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
A4 Avant ยังคงใช้ประตูทั้งสี่บานจากรุ่นซีดาน แต่ไปกันได้ดีกับส่วนท้ายของเอสเตท ฝาท้ายทำจากอลูมิเนียมเพื่อตัดน้ำหนักออกให้ได้มากที่สุด ส่งผลให้รถมีน้ำหนักรวมเพียง 1.6 ตัน

Audi คือแบรนด์ที่มีรถแบบเอสเตทที่งดงามที่สุด โดยเฉพาะกับเวอร์ชั่น “Black Edition”… เมื่อรวมกับประสิทธิภาพการเกาะถนน, แฮนด์ลิ่ง และพละกำลัง A4 Avant ทำให้เราตกหลุมรักมันเข้าอย่างจัง

ผมพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องของความสวยงาม ในทุกบทความที่เขียน เพราะมันขึ้นอยู่กับ “รสนิยม” ส่วนบุคคล แต่กับ A4 Avant ผมคงต้องกล่าวถึงสักเล็กน้อย เรื่องแรกก็คือรถแบบ Avant ของ Audi มีดีไซน์ที่กลมกลืนลงตัวมาแต่ไหนแต่ไร

พวกเขาเชี่ยวชาญในการดีไซน์รถประเภทนี้และรู้ดีว่าจะทำอย่างไรจึงไม่รู้สึกว่า “ก็แค่รถซีดาน ที่มีกระจกหลังและฝาท้ายเพิ่มขึ้นมา” ผลลัพธ์ที่ได้คือรถเอสเตทที่ดูราวกับถูกออกแบบขึ้นอย่างเฉพาะเจาะจง มีสัดส่วนที่ลื่นไหลต่อเนื่องจากหัวจรดท้าย

รีวิว ทดสอบ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ในรุ่น Black Edition ใช้การตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสีดำเงาแทนที่โครเมี่ยม (หรือสีอื่นๆ) อาทิ กรอบกระจังหน้า, กรอบกระจากหน้าต่าง เป็นต้น เมื่อรวมกับตัวถังสีดำ ส่งให้ภาพรวมของรถดูน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
รีวิว ทดสอบ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ไฟหน้าเป็นแบบ LED ธรรมดา ไม่ใช่ระบบ Matrix LED และไม่มีสปอตไลต์มาให้ แต่เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ก็ให้ความสว่างได้เพียงพอ ชุดไฟ DRL เป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็น Audi ได้ชัดเจน
Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว มีโทนสีที่ลงตัวกับสีดำของรถ ใช้ยาง 245/35 เท่ากันทั้งสี่ล้อ
Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ระบบเบรกอาจไม่ถึงกับทรงพลัง แต่ก็สามารถจัดการกลับ 249 แรงม้าได้อย่างอยู่หมัด

ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาระหว่างที่เราเซ็ตอุปกรณ์เพื่อเตรียมถ่ายภาพสวยๆ มาให้แฟนๆ ของ Torque Magazine ได้ชม น่าจะยืนยันความโดดเด่นของ A4 Avant ได้เป็นอย่างดี พวกเขาจอดรถเพื่อถามราคาของมัน, ความแรงของเครื่องยนต์ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ชะลอเพื่อมองมันอย่างพินิจพิเคราะห์

อีกเรื่องที่ Audi โด่งดังและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาก็คือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่เฉิดฉายอย่างยิ่งเมื่ออยู่บนถนนลื่นๆ แบบเดียวกับที่เราเผชิญฝนกระหน่ำอยู่ตอนนี้

(ก่อนที่จะเริ่มถ่ายภาพหลังฝนหยุดตก) คันทดสอบของเรามาพร้อมกับช่วงล่างแบบสปอร์ต – สปริง ไม่ใช่ถุงลม – ที่ทำให้รถเตี้ยลงถึง 23 มม. เมื่อร่วมกับ quattro

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ติดตั้งชุดแต่ง S Line มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งประกอบไปด้วยกันชนหน้าและหลังทรงสปอร์ต พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายในอื่นๆ อีกหลายรายการ

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

รีวิว ทดสอบ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ขุมพลัง 2.0 ลิตร เทอร์โบ มาพร้อมกับระบบ Mild Hybrid ที่สามารถกู้คืนพลังงานส่งกลับไปยังแบตเตอรี่ขนาด 10 Ah ได้สูงสุด 5 กิโลวัตต์ โดยเมื่อระบบ Start-stop ทำงาน มันสามารถติดเครื่องยนต์ขึ้นเองทันทีที่กล้องหน้าจับได้ว่า รถคันหน้าเริ่มเคลื่อนที่ออกไปอีกครั้ง แม้ผู้ขับจะเหยียบเบรกอยู่ก็ตาม นอกจากนั้น ยังดับเครื่องยนต์ก่อนถึงจุดหยุดนิ่งได้อีกด้วย

ผลที่ได้จึงออกมาน่าประทับใจอย่างยิ่ง ตัวถังเอียงตัวไม่มากนักแม้อยู่ในโค้งแคบๆ ก็ตาม คุณไม่รู้สึกถึงการทำงานอย่างทุ่มเทของระบบควบคุมแทร็คชั่น

แต่จะสัมผัสสิ่งที่พวกมันกำลังทำอยู่ได้ผ่านการยึดเกาะระดับสูง A4 Avant เข้าโค้งได้ราวกับวิ่งอยู่บนราง มีอาการอันเดอร์สเตียร์เล็กน้อย และคุณจัดการกับมันได้อย่างง่ายดายด้วยการหักเลี้ยวเพิ่มอีกนิดหน่อย

มันเร่งออกจากโค้งได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน ต้องขอบคุณแรงบิดที่พร้อมส่งมอบทันทีที่คุณกดเท้าขวาลงไป สิ่งนี้ได้มาจากขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ร่วมด้วยระบบ Mild Hybrid ทำกำลังได้ 249 แรงม้า

และมีแรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ให้ใช้เต็มเพดานตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,600 รอบ/นาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ คลัตช์คู่ ที่จัดสรรอัตราทดมาได้อย่างเข้าขากับบุคลิกของเครื่องยนต์

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
บรรยากาศโดยรวมดูสงบเสงี่ยมด้วยโทนสีเคร่งขรึมเข้ากับการตกแต่งภายนอก ใช้ชุดควบคุมระบบปรับอากาศแบบปุ่มกดและหมุนที่เรียบง่าย อาจไม่หวือหว่าเหมือนการใช้หน้าจอแบบรุ่นแพงกว่านี้ แต่ใช้งานได้สะดวกกว่าเยอะเลย
Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ระบบบังคับเลี้ยวแบบแปรผันสามารถจัดสรรน้ำหนักได้อย่างเหมาะสมในทุกย่านความเร็ว อาจสื่อสารได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ตอบสนองฉับไวทีเดียว พวงมาลัยแบบสปอร์ตเป็นส่วนหนึ่งของชุดแต่ง S Line

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
มีเพียงครูสคอนโทรลแบบธรรมดาติดตั้งมาให้ เช่นเดียวกับ Audi รุ่นอื่นๆ ที่มีจำหน่ายในไทย การตัดระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ออกไปทำให้ราคารถถูกลง แต่ก็เป็นดาบสองคมเช่นกัน

การตอบสนองคันเร่งเป็นไปอย่างทันอกทันใจ ให้สัมผัสใกล้เคียงกับพวกเครื่องยนต์ดีเซล 400 นิวตันเมตร เลยทีเดียว รถยังคงเร่งได้อย่างต่อเนื่องตลอด 6 เกียร์ของมัน และเริ่มแผ่วเมื่อขึ้นสู่เกียร์ 7 ที่เซ็ตอัตราทดไว้

เพื่อการลดอัตราสิ้นเปลืองโดยเฉพาะ A4 Avant ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 6.0 วินาที และความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 250 กม./ชม. ไม่เลวทีเดียวสำหรับรถไซส์นี้

ที่ความเร็วเดินทางปกติ ขุมพลังเทอร์โบถ่ายทอดพละกำลังออกมาได้ตามคำสั่งของคุณ สามารถเร่งแซงหรือเพิ่มความเร็วไปสู่ 120 กม./ชม. ได้อย่างรวดเร็ว ช่วงล่างแบบสปอร์ต ร่วมด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่เซ็ตน้ำหนักได้สอดคล้องทุกย่านความเร็ว

ทำให้คุณมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยสัมผัสหนักแน่นและการทรงตัวที่ไม่วอกแวกแม้ขณะวิ่งผ่านถนนที่เป็นคลื่นลอนก็ตาม ความนุ่มนวลน่าพอใจ และห้องโดยสารก็ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
จอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่แบบดิจิตอลเต็มพื้นที่ ให้ภาพที่คมชัดสดใส สามารถเปลี่ยนและเรียกดูการแสดงผลได้หลากหลาย แต่ยังปรับแต่งเองได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ทัชสกรีนขนาดใหญ่ มีไอคอนที่ใหญ่โตทำให้กดใช้งานได้โดยไม่ผิดพลาด น่าเสียดายที่ไม่มีชุดปุ่มควบคุมแยกมาให้ที่คอนโซลเกียร์ บางครั้งคุณจึงต้องเอื้อมมือมาไกลเพื่อกดที่หน้าจอ
Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ระบบ quattro จะทำงานเฉพาะล้อหน้าในภาวะปกติ และถ่ายแรงไปยังล้อคู่หลังเฉพาะตอนต้องการแทร็คชั่นเพิ่มเท่านั้น พวกมันทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ และมีเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รถเกาะหนึบเมื่ออยู่บนถนนลื่น
Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ติดตั้งไว้ค่อนข้างต่ำและไกลจากผู้ขับ จึงใช้งานได้ไม่สะดวกนัก โหมด Sport จะไม่ค่อยยอมเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงสุดนัก ดังนั้น หากคุณเดินทางไกลด้วยโหมดนี้ อย่าลืมคลิกที่แพดเดิลหลังพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนเป็นเกียร์ 7 จะได้ไม่เปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ

คู่แข่งในคลาสเดียวกันก็คือ Volvo V60 ที่มีราคาถูกกว่าถึง 7 แสนบาท แต่มีอุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ ติดตั้งมาให้อย่างครบถ้วน และพละกำลังที่เหนือกว่าอย่างมาก (407 แรงม้า, 0-100 กม./ชม. ใน 4.8 วินาที) เทียบกับ 3.4 ล้านบาท ของ A4 Avant

แล้วมีเหตุผลใดที่ต้องจ่ายมากกว่า?

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition
ชุดเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ คลัตช์คู่ ผสานสมรรถนะและการลดอัตราสิ้นเปลืองไว้ด้วยกัน จากการใช้อัตราทดชิดในช่วงเกียร์ต่ำ และอัตราทดห่างในเกียร์สูง โดยภาพรวมแล้ว ทำงานได้อย่างสอดคล้องกับเครื่องยนต์เป็นอย่างยิ่ง

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

โดยรวมแล้ว Audi A4 Avant ให้สัมผัสในการขับขี่ที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด เกาะหนึบ, เฉียบคม และกลมกล่อม ทั้งยังมีช่วงล่างนุ่มนวลกว่า และโดยส่วนตัว

ผมรู้สึกชอบบรรยากาศภายในห้องโดยสารของ Audi มากกว่า บวกด้วยรูปโฉมที่สวยงามลงตัวและความโดดเด่นกว่า เนื่องจากคุณไม่ได้เห็นมันบนถนนบ่อยๆ อย่างแน่นอน

ถ้านั่นฟังดูเหมือนเหตุผลที่ไม่ได้เรื่อง ก็อาจเป็นเพราะผมแค่ตกหลุมรักความงามของรถคันนี้เข้าอย่างจัง… แต่บางครั้งเราก็ไม่สนใจเหตุผลหรอก แค่ทำตามที่ใจต้องการก็พอ

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

รีวิว ทดสอบ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

SPECIFICATIONS : Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

  • Price : 3,399,000 Baht
  • Engine : 1984cc 4-cyl petrol turbo, 249hp @ 5000-6000rpm, 370Nm @ 1600-4500rpm
  • Transmission : 7-speed dual-clutch automatic, quattro all-wheel drive
  • Performance : 6.0sec 0-100km/h, 250km/h top speed (limit), 180g/km Co2
  • Weight : 1610kg
  • NCAP rating : n/a

Check Also

ISUZU MU-X 4x2 3.0 RS 2024

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS ลุคใหม่ที่สปอร์ตยิ่งกว่าเดิม เสริมความปลอดภัย ที่ยังคงเด่นในสมรรถนะและความประหยัดเฉกเช่นเดิม

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS A/T เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power 190 แรงม้า …