ข่าว รถยนต์ วันนี้: GM เร่งเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ลงนามข้อตกลงขายโรงงานผลิตในไทยให้บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ส (GWM)
ข่าว รถยนต์ วันนี้: GM เร่งเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศ
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
ดีทรอยต์: PRNewswire/InfoQuest บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือ จีเอ็ม (NYSE: GM) กำลังดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศตามกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างครอบคลุมเมื่อปี 2558 เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของบริษัท เพิ่มความคุ้มทุน และจัดการกับตลาดที่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้มากพอ
วันนี้ จีเอ็มได้ประกาศว่าจะลดการออกแบบ ผลิต และจำหน่ายรถในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และยุติธุรกิจรถยนต์โฮลเดนภายในปี 2564 โดยจะโฟกัสไปที่ธุรกิจรถเฉพาะกิจแทน นอกจากนั้นยังประกาศว่า บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ส ของจีน ได้ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อซื้อโรงงานผลิตรถยนต์ของจีเอ็มในจังหวัดระยอง และจีเอ็มจะถอนธุรกิจรถยนต์เชฟโรเลตออกจากไทยภายในสิ้นปี 2563
“ดิฉันพูดเสมอว่าเราจะทำสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่ามันจะยากก็ตาม และครั้งนี้ก็เช่นกัน” แมรี บาร์รา ประธานและซีอีโอบริษัทจีเอ็ม กล่าว “เรากำลังปรับโครงสร้างธุรกิจในต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับตลาดที่มีกลยุทธ์เหมาะสมในการสร้างผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ รวมถึงการลงทุนทั่วโลกที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของยานยนต์แห่งอนาคต โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และยานยนต์อัตโนมัติ (AV)”
“การดำเนินการเช่นนี้จะสนับสนุนกลยุทธ์ระดับโลกของเรา แต่เราก็เข้าใจดีว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่ทุ่มเทให้กับบริษัทเช่นกัน เราจะสนับสนุนคนของเรา ลูกค้าของเรา และหุ้นส่วนของเรา เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านในตลาดที่ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างราบรื่นและให้ความเคารพกับทุกฝ่าย”
มาร์ค รีอุสส์ ประธานกรรมการบริษัทจีเอ็ม ระบุว่า บริษัทได้พิจารณาทางเลือกต่าง ๆ ในการทำแบรนด์โฮลเดนต่อไป แต่ไม่มีทางใดสามารถตอบโจทย์ความท้าทายของการลงทุนในตลาดรถพวงมาลัยขวาที่มีขนาดเล็ก รวมถึงเศรษฐศาสตร์ที่สนับสนุนการเติบโตของแบรนด์ และการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมจากการลงทุน
“เรามีความเคารพอย่างสูงสุดต่อมรดกตกทอดและคุณูปการของแบรนด์โฮลเดน รวมทั้งต่อตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์”
“หลังจากทบทวนทางเลือกมากมาย โดยไม่คำนึงถึงความต้องการส่วนตัวของเราในการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและตลาด เราได้ข้อสรุปว่าเราไม่สามารถให้ความสำคัญกับการลงทุนเพิ่มเติมเหนือปัจจัยอื่น ๆ ท่ามกลางอุตสาหกรรมโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”
“เราเชื่อว่าเรามีโอกาสสร้างกำไรจากธุรกิจรถเฉพาะกิจ และตั้งใจจะร่วมมือกับหุ้นส่วนเพื่อทำธุรกิจนี้” เขาสรุป
นอกจากนี้ จีเอ็มยังวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับการผลิตในอนาคตของโรงงานที่จังหวัดระยอง โดยพบว่าอัตราการใช้ประโยชน์โรงงานและปริมาณการผลิตในระดับต่ำทำให้การผลิตที่โรงงานแห่งนี้ไม่มีความยั่งยืน และเมื่อไม่มีการผลิตในประเทศ เชฟโรเลตก็ไม่สามารถแข่งขันในตลาดรถใหม่ของไทย
สตีฟ คีเฟอร์ รองประธานอาวุโสบริษัทจีเอ็ม และประธานกรรมการบริษัท จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า การตัดสินใจเช่นนี้สอดคล้องกับการประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่าจีเอ็มจะขายโรงงานผลิตในเมืองทาเลกอน ประเทศอินเดีย ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในเกาหลี รวมถึงลงทุนและยกระดับการดำเนินงานในอเมริกาใต้
“การตัดสินใจเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการผลักดันให้จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เดินหน้าไปสู่การเติบโตและการสร้างกำไร”
“จีเอ็มมีสถานะที่ดีในตลาดหลัก ๆ ของจีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ได้แก่ อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และเกาหลี”
จูเลียน บลิสเส็ต รองประธานอาวุโสของจีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่นส์ กล่าวว่า นอกจากการดำเนินการตามแผนในตลาดหลัก ๆ ในต่างประเทศแล้ว จีเอ็มยังเดินหน้ายกระดับความร่วมมือในตลาดอื่น ๆ เช่น อุซเบกิสถาน ด้วยการถ่ายโอนสินทรัพย์และสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งเพื่อลดต้นทุนในตลาดที่มีการเติบโต
“ในตลาดที่ธุรกิจของเราไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เช่น ญี่ปุ่น รัสเซีย และยุโรป เราจะเน้นตลาดเฉพาะกลุ่มด้วยการจำหน่ายรถยนต์นำเข้าระดับไฮเอนด์ที่ทำกำไร ด้วยการสนับสนุนจากโครงสร้างที่คล่องตัวของจีเอ็ม”
“เราจะดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญเหล่านี้ต่อไป พร้อมกับเดินหน้าเปลี่ยนผ่านในตลาดที่ได้รับผลกระทบอย่างราบรื่นและให้ความเคารพกับทุกฝ่าย”
ในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไทย และตลาดส่งออกอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจีเอ็มจะรับผิดชอบการรับประกันทั้งหมด รวมถึงให้บริการและจัดหาอะไหล่ ตลอดจนจัดการกับการเรียกคืนหรือปัญหาด้านความปลอดภัยต่อไป โดยจะมีการประสานงานกับหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ในส่วนนี้
บริษัทคาดว่าผลจากการเปลี่ยนแปลงในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย จะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสุทธิที่เป็นเงินสดราว 300 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินสดและที่ไม่ใช่เงินสดรวม 1.1 พันล้านดอลลาร์ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกและต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสสี่ของปี 2563 โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับการปรับกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี กำไรต่อหุ้นปรับลด และกระแสเงินสดอิสระ