ข่าว รถยนต์ วันนี้: MINI Cooper SE รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกจากมินิ พร้อมเปิดพรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563
ข่าว รถยนต์ วันนี้: MINI Cooper SE รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
MINI Cooper SE รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกจากมินิ
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ (MINI Cooper SE) สืบทอดตำนานความคลาสสิกตามแบบฉบับมินิ 3 ประตู แต่แทนที่เครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซลด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จึงทำให้มินิ คูเปอร์ เอสอี (MINI Cooper SE) ไร้การปล่อยมลพิษได้อย่างแท้จริง โดยระบบส่งกำลัง และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังระบบต่าง ๆ จะติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของรถในโครงสร้างรูปทรงท่อ
ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับมินิ คูเปอร์ เอสอี (MINI Cooper SE) โดยเฉพาะ ประกอบไปด้วยเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจำนวน 12 โมดูล ติดตั้งในรูปทรงตัว T บริเวณใต้รถ จุพลังงานไฟฟ้ารวม 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าในมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ไม่เพียงมีขนาดเล็กกว่าเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป แต่ยังมีน้ำหนักเบากว่ามาก จึงทำให้กระจายน้ำหนักสู่เพลาได้อย่างสมมาตรยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อผสานกับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของมินิ คูเปอร์ เอสอี จึงทำให้มีความคล่องตัว ควบคุมได้อย่างแม่นยำ และง่ายดายยิ่งขึ้นแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
และยังมีประสิทธิภาพในการเกาะถนนมากขึ้นจากตำแหน่งที่ตั้งของแบตเตอรี่แรงดันสูงบริเวณใต้ท้องรถ ระหว่างเบาะนั่งด้านหน้าไปจนถึงบริเวณใต้เบาะหลัง การติดตั้งแบตเตอรี่ที่ใต้ท้องรถเช่นนี้ ทำให้มินิ คูเปอร์ เอสอี (MINI Cooper SE) มีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระมากกว่ารุ่นอื่น ๆ และเพื่อเป็นการสร้างระยะห่างจากแบตเตอรี่ใต้ท้องรถ และพื้นถนน มินิ คูเปอร์ เอสอีจึงได้รับการออกแบบให้สูงกว่ามินิรุ่นอื่น ๆ 18 มิลลิเมตร
ขุมพลังไฟฟ้าใน มินิ คูเปอร์ เอสอี เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุดที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้พัฒนาขึ้น สามารถส่งพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า และด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จึงสามารถส่งแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรได้ทันทีที่เท้าแตะคันเร่งแม้จากรถหยุดนิ่ง ส่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.9 วินาที
มอบความแรงเร้าใจใน 60 เมตรแรกได้เทียบชั้นรถสปอร์ต และสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.3 วินาที มินิ คูเปอร์ เอสอี ทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในการวิ่งได้ระยะทางสูงสุดราว 217 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
สมรรถนะสุดสปอร์ตของมินิ คูเปอร์ เอสอี ไม่เพียงโดดเด่นด้วยการตอบสนองที่เฉียบพลันบนท้องถนนเท่านั้น แต่ยังแตกต่างด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานโดยแทบจะไร้เสียง ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีการติดตั้งระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน ซึ่งเป็นเสียงเฉพาะสำหรับรุ่นมินิ คูเปอร์ เอสอี เท่านั้น โดยจำลองเสียงผ่านทางระบบลำโพงสำหรับขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ สร้างความสุนทรีย์ขณะขับขี่ในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมินิ
คุณสมบัติด้านความปลอดภัยของมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ยังเป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป โดยทุกชิ้นส่วนของระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จะได้รับการปกป้องด้วยโครงสร้างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ และจะหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีหากได้เกิดการชน ในส่วนของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จะอยู่ภายใต้กันชนและโครงสร้างมอเตอร์ที่เสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงจะติดตั้งอยู่ภายในแผ่นรองฐานใต้ท้องรถทีออกแบบมาเพื่อป้องกันชิ้นส่วนแบตเตอรี่โดยเฉพาะ
ขับสนุกเร้าใจได้ด้วยพลังงานไฟฟ้า
เอกลักษณ์ความเร้าใจในสไตล์โกคาร์ทที่เป็นตำนานของมินิได้ก้าวสู่มิติใหม่แห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า มาพร้อมการควบคุมที่ปราดเปรียว และแม่นยำด้วยเทคโนโลยีช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนา และตั้งค่ามาเพื่อมินิ คูเปอร์ เอสอี
โดยเฉพาะ โดยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าของมินิ คูเปอร์ เอส อย่างน้อย 30 มิลลิเมตร ยกระดับประสิทธิภาพในการกระจายน้ำหนัก และการเข้าโค้งให้เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์เดียวกัน นอกจากนี้ มินิ คูเปอร์ เอสอี ยังมาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ที่เสริมความสนุกสนานขณะโลดแล่นบนท้องถนนได้อย่างเร้าใจยิ่งขึ้น โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน
รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% จากมินิรุ่นแรกนี้ รองรับการตั้งค่าต่าง ๆ ตามสภาวะการขับขี่ และรูปแบบการขับขี่ที่เฉพาะตัวของแต่ละบุคคล โดยมาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN, และ GREEN+ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่โดยการจำกัด หรือหยุดการทำงานของระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่นระบบปรับอากาศหรือระบบอุ่นเบาะที่นั่ง เป็นต้น
อีกหนึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป คือการนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ (regenerative brake) ที่ทำให้รถชะลอความเร็วทันทีที่ผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่ง จึงสามารถลดความเร็วรถได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำโดยไม่ต้องแตะเบรก ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วได้โดยใช้เพียงคันเร่งเท่านั้น
หรือที่เรียกว่าเป็นประสบการณ์ในการขับขี่แบบ one-pedal feeling โดยมินิ คูเปอร์ เอสอี ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปที่ผู้ขับสามารถเลือกปรับเปลี่ยนระหว่างการขับขี่แบบ one-pedal feeling หรือเลือกลดระดับการนำพลังงานจากเบรกกลับมาใช้ใหม่ เพื่อทำให้รถชะลอตัวนุ่มนวลยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินได้ไม่ต่างจากมินิรุ่นอื่น ๆ
ชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้อย่างสะดวกง่ายดาย
พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อนมินิ คูเปอร์ เอสอี สามารถชาร์จจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้หลายรูปแบบ ทั้งจากปลั๊กไฟในบ้านโดยตรง (อุปกรณ์มาตรฐานของตัวรถ) จากเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallbox และจากสถานีชาร์จสาธารณะ โดยสามารถรองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2 ซึ่งจะมีไฟบอกสถานะการชาร์จปรากฎอยู่เหนือเต้าเสียบใน 3 สถานะด้วยกัน ได้แก่ ไฟสีส้มขณะเริ่มชาร์จ ไฟกระพริบสีเหลืองระหว่างการชาร์จ และไฟสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม
แบตเตอรี่แรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จทั้งแบบมาตรฐานและสายชาร์จจาก MINI ELECTRIC Wallbox ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายใน 2.5 ชั่วโมง และชาร์จเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ภายใน 3.5 ชั่วโมง และหากชาร์จจากสถานีที่เป็นหัวชาร์จแบบ DC fast-charging จะช่วยให้สำรองพลังงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งมินิ คูเปอร์ เอสอี ได้รับการออกแบบมาให้รองรับพลังงานในการชาร์จได้สูงสุด 50 กิโลวัตต์ ชาร์จได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในเพียง 36 นาที
นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallbox ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งในโรงรถ และบริเวณที่จอดรถที่มีหลังคา หรือเลือกใช้บริการจากสถานีชาร์จไฟสาธารณะ ChargeNow ซึ่งนับเป็นเครือข่ายสถานีชาร์จสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
โดดเด่นสะดุดตาด้วยเอกลักษณ์มินิทั้งภายนอกและภายใน
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ (MINI Cooper SE) มอบความรู้สึกเอ็กซ์คลูซีฟด้วยดีเอ็นเอมินิพันธุ์แท้ ภายในมาพร้อมเบาะผ้าสีดำ Carbon Black ลาย Double Stripe หัวเกียร์ในดีไซน์เฉพาะสำหรับรุ่นมินิ คูเปอร์ เอสอี ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน แยกการระบายอากาศ และการควบคุมอุณหภูมิระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า รองรับการสั่งงานระยะไกลจากแอปพลิเคชั่น MINI Connected ในการตั้งเวลาออกเดินทางเพื่อเปิดระบบปรับอากาศล่วงหน้าได้ตามต้องการ
แผงหน้าปัดมาในดีไซน์เฉพาะรุ่นเช่นเดียวกัน โดดเด่นด้วยจอแสดงผลสีดิจิทัลขนาด 5.5 นิ้ว ในดีไซน์ Black Panel ด้านหลังพวงมาลัย โดยอัตราความเร็วในการขับขี่จะแสดงผลทั้งในแบบตัวเลข และแถบทรงกลมอยู่บริเวณกลางจอ ส่วนด้านข้างเป็นการแสดงข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลเกี่ยวกับระดับพลังงานของแบตเตอรี่แรงดันสูง โหมดการขับขี่ สถานะของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และสัญญาณแสดงสถานะการทำงานของระบบต่าง ๆ รวมทั้งเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่
โดยจะเปลี่ยนสีไฟตามสถานะการชาร์จ ได้แก่ สีส้มขณะเริ่มชาร์จ สีเหลืองขณะกำลังชาร์จ และสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม โดยหากมีความผิดปกติใด ๆ ในระหว่างการชาร์จ จะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยไฟสีแดง สำหรับจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วบริเวณแผงคอนโซล รองรับการแสดงผลจากบริการ MINI Connected ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ เช่น จอ eDrive ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานและระยะทางที่วิ่งได้ รวมถึงทางเลือกต่าง ๆ ในการเพิ่มระยะทางในการขับขี่
สัดส่วนต่าง ๆ ของตัวรถยังคงความคล่องตัวในสไตล์มินิ มาในโครงสร้าง 3 ส่วนเช่นมินิรุ่นอื่น ๆ ประกอบไปด้วยโครงสร้างตัวถัง หน้าต่างรอบด้านและหลังคารถ และการออกแบบให้ล้ออยู่ใกล้กับกันชน ซึ่งรวมถึงความกว้างของฐานล้อ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนสื่อถึงดีเอ็นเอความเป็นมินิพันธุ์แท้ที่ทำให้มินิ คูเปอร์ เอสอี แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด เส้นสายการออกแบบที่โดดเด่น และชัดเจนสะท้อนถึงเทคโนโลยีการขับขี่แห่งอนาคตที่ล้ำสมัย
ส่วนฝาครอบที่ชาร์จไฟฟ้าอยู่เหนือล้อหลังด้านขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับฝาถังน้ำมันของมินิ 3 ประตู บนฝาแสดงสัญลักษณ์ MINI Electric เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและการใช้พลังงานไฟฟ้า สัญลักษณ์นี้ยังปรากฎบริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้าง ประตูท้ายรถ และกระจังหน้า ซึ่งสะดุดตาด้วยแถบสีเหลืองรับกับฝาครอบกระจกข้างในสีเดียวกัน สร้างความโดดเด่นเฉพาะตัวให้แก่มินิ คูเปอร์ เอสอี ซึ่งมาพร้อมไฟหน้า LED เป็น
อุปกรณ์มาตรฐาน
ดีไซน์กระจังหน้าที่ปรากฎเฉพาะในมินิ คูเปอร์ เอสอี (MINI Cooper SE) ใต้ท้องรถที่มีแผ่นปิดเกือบรอบคัน และกระโปรงท้ายรถในรูปลักษณ์สะดุดตา ล้วนมีส่วนช่วยลดแรงต้านของอากาศ ซึ่งเมื่อปราศจากท่อไอเสีย อากาศจึงสามารถไหลผ่านใต้ท้องรถไปยังท้ายรถได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว ลาย MINI Electric Corona พร้อมยางรันแฟลต ที่มีเป็นพิเศษเฉพาะในรุ่นมินิ คูเปอร์ เอสอีเท่านั้น
MINI Cooper SE จะเปิดให้ลูกค้าพรีออเดอร์ผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14:14 น. เป็นต้นไป
ลูกค้าที่สนใจสามารถพรีออเดอร์ได้ทาง www.mini.co.th ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.14 น. เป็นต้นไป ที่ราคาจำหน่าย 2,290,000 ล้านบาท (จำนวนจำกัดเพียง 25 คันเท่านั้น) ทั้งนี้รวม
- โปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard ครอบคลุมการบำรุงรักษานาน 3 ปี / 60,000 กิโลเมตร
- การรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย