ข่าว รถยนต์ วันนี้: พรวิษณุ โลจิสติกส์ ผู้ให้บริการขนส่งพืชผลทางการเกษตรรายใหญ่ของไทย เดินหน้าใช้เทคโนโลยีสู้ตลาดโลจิสติกส์แข่งเดือด
ข่าว รถยนต์ วันนี้: พรวิษณุ โลจิสติกส์ เดินหน้าใช้เทคโนโลยีสู้ตลาดโลจิสติกส์
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
กลุ่มบริษัทพรวิษณุ โลจิสติกส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งพืชผลทางการเกษตรรายใหญ่ของไทย ประเมินการแข่งขันของธุรกิจการขนส่งที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการตัดราคาระหว่างผู้ให้บริการขนส่งไม่ต่ำกว่า 30% ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีรถให้บริการระหว่าง 1 – 3 คัน ต้องเลิกกิจการไป
นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทพรวิษณุ โลจิสติกส์ เปิดเผยว่าปัจจุบันมีการแข่งขันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการขนส่งข้ามพรหมแดนไทย-จีน และการเข้าทำธุรกิจของนายทุนจีน ทำให้ตัดราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีรถบรรทุกให้บริการระหว่าง 1 – 3 คันประสบความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ เพราะไม่สามารถแข่งขันกับผู้ให้บริการขนาดกลางและขนาดใหญ่ และหากการแข่งขันยังรุนแรงต่อไป จะสร้างปัญหาต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน
“ทุกวันนี้ ทุกรายแย่งกันหางาน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกหดตัวมานาน ราคาจึงเป็นตัววัดว่าจะได้งาน หรือไม่ กลุ่มเราเองก็จำเป็นต้องทำราคาแข่งกับคู่แข่งด้วย เพียงแต่เรามีจุดแข็งที่เครือข่ายธุรกิจที่แข็งแรง และแนวทางการลงทุนด้านรถบรรทุกที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อลดต้นทุนให้สามารถแข่งขันได้ในตลาด” นายบัญชา กล่าว
กลุ่มบริษัทพรวิษณุ โลจิสติกส์
กลุ่มบริษัทพรวิษณุ โลจิสติกส์ เริ่มต้นดำเนินกิจการจากธุรกิจการเกษตรและค้าข้าว กว่า 50 ปี โดยมีแปลงนาข้าวและโรงสีเป็นของตัวเอง กลุ่มบริษัทพรวิษณุ โลจิสติกส์ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2549 โดยก่อตั้ง หจก.เชียงของพืชผล ที่จังหวัดเชียงราย และปี พ.ศ. 2550 ก่อตั้ง หจก. เชียงใหม่ อินเตอร์ไรส์ และปี พ.ศ. 2560 ก่อตั้ง บจก.พรวิษณุ โลจิสติกส์ ซึ่งการดำเนินธุรกิจพืชผลทางการเกษตรจำเป็นต้องมีกองรถบรรทุกเป็นของตัวเอง โดยปัจจุบันมีรถบรรทุกให้บริการทั้งสิ้นประมาณ 150 คัน
นายบัญชา กล่าวว่าการก่อตั้งบริษัท พรวิษณุ โลจิสติกส์ ในปี พ.ศ. 2560 เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าการเกษตรจากประเทศไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยขนส่งสินค้า 2 ขา ซึ่งตลอดระยะการให้บริการเส้นทางดังกล่าว มีการแข่งขันทางด้านราคาอย่างรุนแรง จึงทำให้กลุ่มบริษัทพรวิษณุ โลจิสติกส์ ต้องปรับแนวทางการลงทุนจากการลงทุนรถที่เน้นราคามาเป็นการลงทุนในรถที่เน้นเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการให้บริการ
ยูดี ทรัคส์ ช่วยลดต้นทุนหลักทางธุรกิจ และยังช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ
“ปีที่ผ่านมา เราเริ่มปรับแนวลงทุนโดยเราสั่งซื้อรถหัวลากยูดี ทรัคส์ จำนวน 21 คัน เพื่อทดแทนรถเก่าที่ปลดระวางและขยายกองรถ เราพบว่าในบรรดารถบรรทุกญี่ปุ่น ยูดี ทรัคส์ เป็นรถที่มีนวัตกรรมผสมระหว่างเทคโนโลยีญี่ปุ่นและยุโรป อีกทั้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเป็นที่พอใจ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในตัวรถ
ที่ทำให้คนขับรถบรรทุกต้องการมาร่วมงานกับเราเพราะรถยูดี เควสเตอร์ ที่มีเกียร์กึ่งอัตโนมัติ Escot ทำให้ขับสบาย และปลอดภัยเมื่อต้องเดินทางไกล หรือขับขึ้นเขา นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์ที่เผาผลาญสมบูรณ์ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่นจิ๋ว PM2.5 อีกด้วย” นายบัญชา กล่าว และเสริมอีกว่าปัจจุบันทางบริษัทได้หันมาใช้น้ำมันดีเซล B20 เกือบ 100% ทั้งกองรถ เพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนหลักทางธุรกิจ และยังช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นายบัญชา กล่าวว่าปีที่ผ่านมารายได้ธุรกิจของกลุ่มบริษัท พรวิษณุ โลจิสติกส์ มีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 100% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 โดยธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน มีสัดส่วนประมาณ 70% ของธุรกิจทั้งหมด
“ช่วงที่มีปัญหาไวรัสโคโรนาในประเทศจีนขณะนี้ ต้องยอมรับว่ามันส่งผลกระทบกับธุรกิจของทุกคนที่ทำกับประเทศจีนเพราะทุกกิจกรรมถูกระงับโดยรัฐบาลจีน เราจึงคิดว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่เราต้องประคองธุรกิจของเราไม่ให้ตกต่ำไปกว่าปีที่แล้ว” นายบัญชา กล่าว
นายบัญชา กล่าวถึง แผนการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท พรวิษณุ โลจิสติกส์ ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมยื่นข้อเสนอการลงทุนแก่กระทรวงการคลังในโรงผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และชีวมวลที่จังหวัดนครสวรรค์ภายใต้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดนครสวรรค์ ด้วยงบประมาณลงทุนไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาทเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าประมาณ 6 เมกะวัตต์จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และ 3 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าชีวะมวล เพื่อป้อนให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต โดยคาดว่าจะคืนทุนภายใน 10 ปี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อรับผิดชอบธุรกิจไฟฟ้า
“ตอนนี้เราเตรียมพื้นที่ไว้ราว 50 ไร่เพื่อตั้งโรงไฟฟ้าทั้งสองโรง ซึ่งสาเหตุที่เราสนใจธุรกิจนี้เพราะนโยบายรัฐบาลเปิดกว้างให้กับทุกรายที่สนใจ เราเห็นอนาคตของธุรกิจนี้ อีกทั้งสอดคล้องกันนโยบายของเราที่ต้องการขยายแนวธุรกิจของเรา อีกทั้งธุรกิจนี้มีส่วนช่วยสังคมโดยรวมที่ต้องการพลังงานสะอาด รวมถึงเราเองมีวัตถุดิบเพื่อป้อนโรงไฟฟ้าชีวะมวล เช่น
วัสดุเหลือจากการปลูกมันสำปะหลัง ไม้เบญจพันธุ์ ฟางข้าว ใบอ้อยและแกลบ ซึ่งที่ผ่านมา เกษตรกรส่วนใหญ่จะใช้วิธีเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในรอบต่อไป เมื่อเรารับซื้อ การเผาก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการบังคับใช้กฎหมายห้ามการเผาเศษวัสดุเกษตรเหล่านี้ ซึ่งนี่จะเป็นอีกหนึ่งแผนงานที่ผมภูมิใจมากที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามลดมลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM2.5” นายบัญชา กล่าว