Breaking News

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ความลงตัวของสมรรถนะ และความปลอดภัย

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ความลงตัวของสมรรถนะ และความปลอดภัย พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II แบบฟูลไทม์ และพาร์ทไทม์เข้าไว้ด้วยกัน

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต-ความลงตัวของสมรรถนะ-และความปลอดภัย-มร. โมริคาซุ ชกกิ-1.jpg
มร. โมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ความลงตัวของสมรรถนะ และความปลอดภัย

คำว่า “สมรรถนะ” หลายคนมักนึกถึงภาพของรถแข่ง และนักขับมือฉมังที่มีความมุ่งมั่นคว้าชัยชนะ ผู้ที่ติดตามวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างใกล้ชิดย่อมจดจำชื่อนักแข่งชั้นนำอย่าง ฮิโรชิ มาซูโอกะ เคนจิโร่ ชิโนซูกะ ทอมมี มาคิเนน ริชาร์ด เบิร์นส์ (ผู้ล่วงลับ) พรสวรรค์ ศิริวัฒนกุล และ ตุลย์ สุวรรณรัตน์ สองนักขับชาวไทยอดีตเจ้าทะเลทรายรุ่น T2 รวมถึงนักแข่งชื่อดังอีกหลายคน นักแข่งเหล่านี้ต่างเคยขับรถมิตซูบิชิ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ บุกตะลุยฟันฝ่าอุปสรรคบนเส้นทางทะเลทรายที่แห้งแล้ง และป่าเขาที่ยากลำบากที่สุดเพื่อชัยชนะอันยิ่งใหญ่

แล้วการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตมีความเกี่ยวข้องกับรถอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อยุคใหม่อย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อย่างไรคำตอบ คือ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างแนบแน่นโดยเฉพาะในด้านสมรรถนะ และความปลอดภัย

สมรรถนะที่มาพร้อมความปลอดภัย และความทนทาน คือ กุญแจสำคัญสู่ชัยชนะในการแข่งขันแบบแรลลี่ ถือเป็นบททดสอบสำคัญในด้านสมรรถนะ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความแข็งแกร่ง และความทนทาน นวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากการวิจัย และพัฒนา ควบคู่กับการทดสอบเทคโนโลยีต่าง ๆ ในรถแข่งเหล่านี้ถูกต่อยอดด้านวิศวกรรมยานยนต์เพื่อถ่ายทอดสู่ยนตรกรรมที่ออกจำหน่ายในท้องตลาดอย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต

จุดเริ่มต้นของสมรรถนะในแบบ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส

เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2477 เมื่อรถต้นแบบอย่าง Mitsubishi PX33 รถยนต์นั่งที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนงานของกองทัพ ที่เน้นด้านความแข็งแกร่ง ความอเนกประสงค์ และต้องสามารถขับเคลื่อนไปได้บนทุกสภาพถนน จึงกล่าวได้ว่า PX33 เป็นรถซีดานรุ่นแรกของญี่ปุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์

ทั้งนี้ รถต้นแบบรุ่นดังกล่าวยังมีรุ่นย่อยที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลไดเรคอินเจคชั่นเป็นครั้งแรกของญี่ปุ่นภายใต้รหัส 445AD อย่างไรก็ตาม โครงการ PX33 ยุติลงในอีก 3 ปีต่อมา

เทคโนโลยีจากโครงการดังกล่าวถูกเก็บบันทึกไว้อีกหลายทศวรรษ ก่อนที่บริษัทจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นแรกถูกต่อยอด และนำเสนออีกครั้งที่งาน โตเกียว มอเตอร์โชว์ ในปี พ.ศ. 2516 ด้วยรถเปิดหลังคา ที่ถือเป็นต้นกำเนิดแห่งยนตรกรรมอันเป็นตำนานอย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร หลังจากนั้น รถต้นแบบรุ่นที่สองได้รับการจัดแสดงอีกครั้งในปี พ.ศ. 2521 และเริ่มต้นการผลิตเพื่อจำหน่ายจริงในปี พ.ศ. 2525

เทคโนโลยีแห่งชัยชนะในสนามแข่ง

มิตซูบิชิ ปาเจโร พิสูจน์แล้วถึงความสำเร็จทั้งในด้านยอดจำหน่าย และในสนามแข่ง ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมถูกนำไปทดสอบในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับมืออาชีพ โดยการร่วมแข่งขันแรลลี่ข้ามประเทศที่หฤโหดที่สุดในโลกเป็นครั้งแรกนั้น มิตซูบิชิ ปาเจโร ที่ผ่านการปรับแต่งเพียงเล็กน้อยจบการแข่งขันระยะทาง 10,000 กิโลเมตรในอันดับที่ 11 ประเภทโอเวอร์ออล จากรถที่เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมดกว่า 100 คัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อการแข่งขันอย่างเต็มตัวโดยได้ปรับแต่ง มิตซูบิชิ ปาเจโร ให้มีศักยภาพสูงขึ้นทั้งในด้านความปลอดภัย ความทนทาน และสมรรถนะการขับขี่ในภาพรวม ก่อนจะคว้าชัยชนะอย่างรวดเร็วในประเภทโอเวอร์ออลในการลงแข่งขันครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2528

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ลงแข่งขันในรายการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 25 ปี โดยกวาดชัยชนะทั้งหมด 12 ครั้งจากทั้งหมด 26 ครั้งที่เข้าร่วมการแข่งขัน (คว้าชัยชนะ 7 ครั้งติดต่อกันในปี พ.ศ. 2544 – 2550) และด้วยสถิติอันน่าทึ่งนี้ทำให้ มิตซูบิชิ ปาเจโร ได้รับฉายาว่าเป็น “ราชาแห่งทะเลทราย” อีกทั้งยังได้รับการบันทึกจากกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ว่าเป็น “บริษัทผู้ผลิตที่คว้าชัยชนะการแข่งขันดาการ์แรลลี่มากที่สุด”

สมรรถนะแห่งชัยชนะทั้งบนถนนจริง และในสนามแข่ง

หนึ่งในคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ทำให้ มิตซูบิชิ ปาเจโร ทรงพลัง และเปี่ยมด้วยสมรรถนะ คือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งนี้ข้อมูลทางเทคนิค และองค์ความรู้ที่ได้จากสนามแข่งได้รับการถ่ายทอดสู่การผลิตรถยนต์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในเวลาต่อมา เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ

อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบาย และความหรูหราก็มีความสำคัญเช่นกัน บางคนอาจคาดไม่ถึงว่า มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต จะมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบเดียวกับรถที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งแตกต่าง และมีลักษณะการใช้งานที่ไม่เหมาะกับการในชีวิตประจำวัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีอิเลกทรอนิกในการปรับจูนระบบสมรรถนะเพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังปรับตั้งโปรแกรมระบบขับเคลื่อนเพื่อให้เหมาะสมกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น ทั้งเส้นทางในเมือง ถนนทางไกล หรือ เส้นทางลูกรังในชนบท

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต-ความลงตัวของสมรรถนะ-และความปลอดภัย-Super Selected 4WD (HSA- HDC)-2.jpg
Super Selected 4WD (HSA- HDC)

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งเป็นการผสมผสานระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบฟูลไทม์ และพาร์ทไทม์เข้าไว้ด้วยกัน ใช้ตัวควบคุมไฟฟ้าที่ช่วยปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่แทนที่การควบคุมด้วยมือ มีโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ดังนี้

  1. โหมด 2H ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD High-Range) – ระบบขับเคลื่อนล้อหลังช่วยลดแรงเสียดทานของชิ้นส่วนกลไกที่ไม่จำเป็นบนถนนลาดยางเพื่อให้มีความประหยัดน้ำมันสูงสุด
  2. โหมด 4H ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD High-Range) – ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อสำหรับใช้งานบนพื้นถนนที่เปียกลื่น พละกำลังจะกระจายสู่ล้อหน้า-หลังแบบ 40-60 โดยบนถนนทั่วไป พละกำลังจะกระจายแบ่งเป็น 50-50 ระบบ Torque-Sensitive Type เพิ่มสมรรถนะการยึดเกาะ และความปลอดภัยด้วยการทำงานในแบบ 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (Full Time All Wheel Control)
  3. โหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4WD High-Range with Locked Transfer) – ระบบเฟืองท้ายกลาง (Center Differential Locked) มอบการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นบนพื้นถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะ และลื่นไถลมาก รวมถึงบนพื้นทราย และพื้นผิวถนนที่ขรุขระแบบอื่น ๆ โดยมีการกระจายกำลังขับเคลื่อนสู่ล้อทั้ง 4 เท่ากัน
  4. โหมด4LLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4WD Low-Range with Locked Transfer) – ใช้เกียร์อัตราทดความเร็วต่ำ และล็อกเฟืองท้ายกลางเมื่อต้องใช้แรงบิดมากขึ้นเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคบนเส้นทางที่มีก้อนหินใหญ่หรือดินโคลน

มาพร้อมโหมดออฟโรด (Off-Road) ที่ยกระดับการยึดเกาะผ่านการปรับตั้งค่าในโหมดออฟโรดหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Gravel, Mud/Snow, Sand หรือ Rock แต่ละโหมดมีการทำงานของเครื่องยนต์ และเบรกที่แตกต่างกันเพื่อเพิ่มสมรรถนะและการยึดเกาะสูงสุด โหมดที่ถูกเลือกจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอแสดงผล

นอกจากนี้ คุณสมบัติที่โดดเด่นของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อยังรวมถึงระบบล็อกเฟืองท้าย (Rear Differential Lock) ที่ทำงานประสานกับตัวล็อกเฟืองท้ายกลางซึ่งเป็นระบบที่ติดตั้งอยู่ในรถเอสยูวีไม่กี่รุ่นในท้องตลาด เมื่อระบบนี้ทำงานจะล็อกเฟืองท้าย ทำให้มีการกระจายพละกำลัง 50-50 ไปสู่ล้อหลัง ถือเป็นระบบที่มีความสำคัญต่อการขับขี่บนทางออฟโรดที่มีความท้าทายสูง

เพื่อสร้างความมั่นในว่าจะมีพละกำลังมากเพียงพอในทุกสถานการณ์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รหัส 4N15 ติดตั้งเทอร์โบแปรผันที่มีน้ำหนักเบากว่าเพื่อการตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้น อัตราเร่ง และพละกำลังจึงพร้อมใช้งานได้ดังใจ ไม่ว่าจะเป็นการฟันฝ่าจราจรในเมือง หรือ การขับขี่บนถนนทางไกล และแม้กระทั่งบนเส้นทางออฟโรด นอกจากนี้ยังเพิ่มความประหยัดน้ำมัน พร้อมกับลดเสียงรบกวน แรงสั่นสะเทือน และแรงสะท้าน (NVH) ลงอีกด้วย

เครื่องยนต์ดีเซลบล็อกอลูมิเนียม VG Turbo ขนาด 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.4 ลิตร MIVEC มีพละกำลัง 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที ซึ่งมีอัตราส่วนพละกำลังต่อความจุสูงที่สุดในระดับเดียวกันอยู่ที่ 74 แรงม้าต่อลิตร และ 176 นิวตันเมตรต่อลิตร

พละกำลังจากเครื่องยนต์ 4N15 ถูกถ่ายทอดลงพื้นด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นหลักผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราทดเกียร์ที่มากขึ้นทำให้พละกำลังของเครื่องยนต์ถูกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม มอบอัตราเร่งที่ไหลลื่น และการบริโภคน้ำมันที่ต่ำ

นอกจากนี้ยังมีระบบ INC (Idling Neutral Control) ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานภายในตัวเครื่องยนต์อันเกิดจากแรงฉุดของทอร์กคอนเวอร์เตอร์เมื่อตัวรถหยุดนิ่ง และเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D จึงช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันอีกทางหนึ่ง

เทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงรุกเพื่อการป้องกัน ได้แก่

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต-ความลงตัวของสมรรถนะ-และความปลอดภัย-ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)-3.jpg
ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ใช้คลื่นสัญญาณเรดาร์คลื่นความถี่ระดับมิลลิเมตรในการประเมินระยะห่างกับรถคันหน้า และตรวจจับการชน ระบบนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการชน หรือ บรรเทาความเสียหายจากการชนด้วยการเตือนเตือนผู้ขับขี่ และสั่งการระบบเบรกของตัวรถ
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต-ความลงตัวของสมรรถนะ-และความปลอดภัย-ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง และรวดเร็ว (UMMS)-4.jpg
ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง และรวดเร็ว (UMMS)
  • ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง และรวดเร็ว (UMMS) ช่วยหลีกเลี่ยงการเร่งโดยไม่ตั้งใจขณะรถหยุดนิ่งหรือที่ความเร็วไม่เกิน 10 กม.ต่อชม. เซ็นเซอร์อัลตราโซนิคจะตรวจจับสิ่งกีดขวางด้านหน้า หรือ ด้านหลัง และจะตัดกำลังของเครื่องยนต์พร้อมกับแจ้งเตือนด้วยเสียงถ้าระบบตรวจจับว่าผู้ขับขี่มีการเร่งอย่างกะทันหัน หรือ รุนแรงขณะที่ยังมีสิ่งกีดขวางอยู่ในเส้นทางของรถ
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต-ความลงตัวของสมรรถนะ-และความปลอดภัย-ระบบเตือนบริเวณจุดอับสายตา (BSW)-5.jpg
ระบบเตือนบริเวณจุดอับสายตา (BSW)
  • ระบบเตือนบริเวณจุดอับสายตา (BSW) เซ็นเซอร์อัลตราโซนิคที่ติดตั้งอยู่บนกันชนจะตรวจจับบริเวณมุมของตัวรถ สัญลักษณ์แจ้งเตือนจะปรากฏบนกระจกมองข้างของแต่ละฝั่งถ้าตรวจจับว่ามียานพาหนะอยู่ใกล้ในมุบอับสายตา
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต-ความลงตัวของสมรรถนะ-และความปลอดภัย-กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor)-6.jpg
กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor)
  • กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor) ทำงานด้วยด้วยกล้อง 4 ตัวที่ติดตั้งอยู่ด้านซ้ายและขวา รวมถึงด้านหน้า และหลังของตัวรถเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เห็นภาพมุมสูงว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่รอบคันรถหรือไม่ ภาพด้านหลังตัวรถจะแสดงขึ้นพร้อมกับเส้นกะระยะเพื่ออำนวยความสะดวกในการถอยจอด
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (Active Stability and Traction Control) ทำงานเพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวรถด้วยการควบคุมพละกำลังเครื่องยนต์ และเบรกเมื่อตรวจจับพบว่าตัวรถสูญเสียการควบคุม หรือ ล้อใดล้อหนึ่งมีการลื่นไถล นอกจากนี้ยังป้องกันการหมุนฟรีของล้อเพื่อเพิ่มสมรรถนะ และการยึดเกาะ
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) – ป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนถอยหลังบนทางลาดชัน ระบบนี้จะสั่งการให้เบรกทำงานเป็นเวลา 2 วินาที หลังจากผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นเบรกเพื่อมาเหยียบคันเร่งบนทางลาดชัน
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) – สั่งการให้เบรกทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาความเร็วรถขณะลงทางลาดชันให้อยู่ระหว่าง 2 – 20 กม.ต่อชม. เพื่อเพิ่มการยึดเกาะ และการควบคุมสูงสุด ทำให้ผู้ขับขี่มีสมาธิอยู่ที่การควบคุมพวงมาลัยลงทางลาดชันโดยเฉพาะบนเส้นทางที่เปียกลื่น

สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัยเพื่อการปกป้องประกอบด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ได้แก่

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต-ความลงตัวของสมรรถนะ-และความปลอดภัย-ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง-7.jpg
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง

ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้างสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าของผู้ขับขี่ และม่านนิรภัยที่ปกป้องครอบคลุมเบาะแถวที่สาม นอกจากนี้ ยังมีโครงสร้างตัวถังนิรภัยเหล็กกล้า (RISE) ที่ผลิตขึ้นจากเหล็กที่มีความแข็งแรง และมีแรงดึงสูง เพื่อสร้างคุณสมบัติการดูดซับแรงกระแทกจากทุกทิศทาง ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับโครงเหล็กนิรภัยที่ใช้ในรถแข่งของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต-ความลงตัวของสมรรถนะ-และความปลอดภัย-โครงสร้างตัวถังนิรภัยเหล็กกล้า (Rise body)-8.jpg
โครงสร้างตัวถังนิรภัยเหล็กกล้า (Rise body)

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มีฟังก์ชั่นที่โดดเด่นกว่ารถเอสยูวีทีได้รับความนิยมทั่วไป อาทิ

  • ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ซึ่งรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า เมื่อรถคันหน้าชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ระบบนี้จะช่วยรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยไว้ได้
  • ระบบความอำนวยความสะดวก และปลอดภัยอัจฉริยะ (ETACS) ที่ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในตัวรถ ทั้งใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติ
  • ระบบหน่วงเวลาเปิด-ปิดระบบไฟฟ้า
  • ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ
  • ระบบสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลน
  • ระบบเตือนลืมปิดไฟหรี่
  • ระบบสัญญาณไฟกระพริบเมื่อหยุดรถฉุกเฉิน
  • ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติตามความเร็ว
  • ระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์ และเมื่อกดรีโมท
  • ระบบกุญแจนิรภัยและกุญแจอัจฉริยะ

ภายในห้องโดยสาร มอบความหรูหรา และอเนกประสงค์ยิ่งขึ้น ด้วยแผงบุนุ่มด้านข้าง มาตรวัดแบบ High Contrast และระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น ๆ ทั้งช่องชาร์จไฟฟ้า 220V AC ช่องเก็บสมาร์ทโฟนสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร เบรกมือไฟฟ้า ช่องแอร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ตลอดจนระบบกุญแจอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ท มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มีเนื้อที่บรรทุกสัมภาระที่กว้างขวางที่สุดรุ่นหนึ่งในเซ็กเมนท์เดียวกัน

พร้อมด้วยระบบปรับอากาศแบบแยกส่วนดูอัลโซน พวงมาลัยแบบปรับขึ้นลง และเข้าออกได้ เบาะนั่งคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารแบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง หน้าจอบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ และระบบปรับอากาศด้านหลัง

และยังได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์เพื่อรองรับการใช้งานที่สะดวกสบายด้วย T-Shaped High Console ที่จัดวางทุกฟังก์ชั่นให้อยู่ในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งานรวมถึงหน้าจอทัชสกรีน 7 นิ้ว และระบบนำทางให้ผู้ขับขี่ควบคุมได้ง่ายดาย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นมีสวิตช์ควบคุมระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ แพดเดิลชิฟท์สำหรับเปลี่ยนเกียร์และสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง

ทั้งสมรรถนะ ความปลอดภัย และเทคโนโลยีถูกถ่ายทอดผ่านเอกลักษณ์การออกแบบ “Dynamic Shield” ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ไม่เพียงมีตัวถังที่ใหญ่ แข็งแกร่ง และบึกบึน แต่งานออกแบบยังสะท้อนแนวคิด “รูปลักษณ์ที่สอดคล้องกับการใช้งาน” ผสานการปกป้องและสมรรถนะการขับขี่เข้าไว้ด้วยกันภายใต้รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต

คือหนึ่งในตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการถ่ายทอดความสำเร็จจากสนามแข่งสู่ยานยนต์แห่งชัยชนะ ด้วยการผสานสปิริตแห่งการผจญภัยเข้ากับ ความมุ่งมั่นท้าทายของการออกแบบ และเทคโนโลยี มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่น และสมรรถนะที่เหนือชั้น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ลูกค้าและมุ่งสู่ทุกความสำเร็จในชีวิต สอดคล้องกับกลยุทธ์แบรนด์ระดับโลก “Drive your Ambition” ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส

สำหรับลูกค้าที่สนใจชม หรือ ทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นต่าง ๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 วันจันทร์ – วันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 8:30-17:00 น.

ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่

Check Also

Mazda presents awards to winner of Mazda U.S. College Golf Championships 2024

มาสด้ามอบรางวัลให้กับเยาวชนผู้ชนะเลิศโครงการ Mazda U.S. College PREP Junior Golf Championships

คณะผู้บริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย นำโดย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร มอบรางวัลตั๋วเครื่องบินเดินทางไปกลับ กรุงเทพฯ-สหรัฐอเมริกา และอุปกรณ์กอล์ฟจากมาสด้า ให้กับเยาวชนที่ชนะเลิศโครงการ “Mazda U.S. College …