รถใหม่: Mercedes-Benz GLA (2021) เจเนอเรชั่นล่าสุด ปรับโฉมใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินรหัส M282 ขนาด 1.33 ลิตร
รถใหม่: Mercedes-Benz GLA (2021) เจเนอเรชั่นล่าสุด
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
Mercedes-Benz GLA
ค่ายดาวสามแฉก อวดโฉม Mercedes-Benz GLA เจเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งมาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ ภายใต้งานดีไซน์ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.28 cd โดยความเปลี่ยนแปลงด้านงานออกแบบรูปลักษณ์ ที่เพิ่มอารมณ์ความทรงพลังขึ้นด้วยระยะโอเวอร์แฮงค์ที่สั้นลงทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
ตามด้วยการเพิ่มความโดดเด่นในส่วนตัวถังที่ออกแบบในสไตล์ของรถ Coupe เสริมด้วยกระจังหน้าทรงใหม่, ฝากระโปรงหน้าทรง Power Domes ที่ต่อเนื่องกับเสา A-Pillar ที่มีการออกแบบให้บางลง
พร้อมด้วยการเพิ่มงานดีไซน์มัดกล้ามในด้านข้าง และด้านหลังให้ดูกว้าง แฝงด้วยความบึกบึน รับกับล้ออัลลอยขนาดมาตรฐานที่ 20 นิ้ว ตลอดจนมุมมองในด้านหลังที่ได้เพิ่มความสะดุดตาด้วยชุดไฟท้ายแบบ 2 ชิ้น ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่บนมิติตัวถังที่มีขนาดความยาว 4,410 มม. ความกว้าง 1,834 มม. ความสูง 1,611 มม. และระยะความยาวฐานล้อที่ 2,729 มม.
ด้านภายในของได้รับการดีไซน์ใหม่ พร้อมด้วยฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม ตามแต่ละรุ่นย่อย เช่น หน้าจอ Display ขนาด 7 นิ้ว 2 ตำแหน่งในรุ่นเริ่มต้น ซึ่งขยับรุ่นขึ้นมาจะเป็นหน้าจอ Display ขนาด 7 นิ้ว และ 10.25 นิ้ว ขณะที่รุ่นสูงสุดจะมากับหน้าจอขนาด 10.25 นิ้ว ถึง 2 ตำแหน่ง
ส่วนระบบความบันเทิงนั้นมากับระบบ MBUX Infotainment System ตลอดจนความล้ำหน้าของระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ Driving Assistance Systems ที่สามารถอัพเกรดได้ด้วยช่วย Driving Assistance Package
ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินรหัส M282 ขนาด 1.33 ลิตร พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบโฟร์ลิ้งค์
ส่วนขุมพลังของ GLA นั้นมีการเปิดเผยเบื้องต้นในรุ่นพื้นฐาน GLA200 จะมากับเครื่องยนต์เบนซินรหัส M282 ขนาด 1.33 ลิตร พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบโฟร์ลิ้งค์ โดยมีความกว้างของแทรคล้อหน้าที่ 1,605 มม. ล้อหลังที่ 1,606 มม. ซึ่งกว้างกว่าเจเนอเรชั่นที่แล้วราว ๆ 4 ซม. ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อ 4MATIC All-Wheel Drive
พร้อมด้วยระบบ DYNAMIC SELECT สำหรับเลือกเปลี่ยนสไตล์การขับขี่ ที่จะทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในการจัดสรรกำลังแรงบิด เช่น ในโหมด Eco และ Comfort จะมีการกระจายกำลังอยู่ที่ด้านหน้า 80% และด้านหลัง 20% ขณะที่โหมด Sport จะอยู่ที่อัตราส่วน 70% และ 30% ปิดท้ายด้วยโหมด Off Road ที่เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการกระจายเรี่ยวแรงหน้า/หลังแบบ 50/50%
Credit: www.NetCarShow.com