Breaking News

รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T กับค่าตัวราว 24 ล้านบาท

รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T แม้จะรู้สึกหวั่น ๆ ใจบ้าง จากเรื่องค่าตัวราว 24 ล้านบาท แต่เราก็จะพยายาม “ลิ้มรส” สัมผัสอย่างเต็มที่

รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-2.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-3.jpg
Ferrari GTC4Lusso T

รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T กับค่าตัวราว 24 ล้านบาท

ถ้าคุณจะหวังคำวิจารณ์จากเราในบทความนี้ล่ะก็ “ฝันไปเถอะ” เพราะนี่คือ Ferrari รุ่นแรก และครั้งแรก ที่ได้สัมผัส ฉะนั้นเอาเป็นว่าเราจะมาบอกกล่าวเรื่องราว “ความประทับใจ” ให้คุณฟังดีกว่า

บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด (เฟอร์รารี่ ประเทศไทย) ได้นำรถมาให้ทางเราทดสอบกับรุ่น Ferrari GTC4Lusso T ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว ว่าเราจะตอบรับโอกาสนี้อย่างรวดเร็วแค่ไหน เพราะคงไม่ได้มีมาให้บ่อย ๆ เป็นแน่ แม้จะรู้สึกหวั่น ๆ ใจบ้าง จากเรื่องค่าตัวราว 24 ล้านบาทก็ตาม แต่เราก็จะพยายาม “ลิ้มรส” สัมผัสอย่างเต็มที่ และทะนุถนอมเจ้านี่อย่างดีที่สุดในชีวิตแน่นอน

Ferrari GTC4Lusso T

รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-4.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-5.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-6.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-7.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-8.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-9.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-10.jpg
Ferrari GTC4Lusso T

รถ “สไตล์ Shooting Brake” ที่สืบทอดงานดีไซน์มาจากรุ่นแรกในชื่อ “Ferrari FF” ซึ่งตัวย่อ “FF” นั้นมาจากคำว่า “Ferrari Four” ที่หมายถึง “Four Seats and Four-Wheel Drive” และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ GTC4Lusso T มากับความอเนกประสงค์ด้านการใช้งานมากขึ้น ทั้งจากการรองรับผู้โดยสารได้ถึง 4 ที่นั่ง การบรรทุกสัมภาระได้จำนวนมากขึ้น แถมยังสามารถเป็นรถยนต์ที่ขับขี่ใช้งานในทุก ๆ วันได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย

โดยจุดเด่นทางด้านรูปลักษณ์นอกจากมิติตัวถังแล้ว ต้องบอกว่างานดีไซน์ยังคงรักษามาตรฐานของแบรนด์ Ferrari ไว้อย่างครบถ้วน ด้วยฝีมือของ Ferrari’s Styling Centre ที่ผสมผสานความสปอร์ตลงไปในรูปทรง “Shooting Brake” อย่างลงตัว โดยใช้แนวเส้นหลังคาที่มีความลาดเอียง บนมิติตัวถังที่กำหนดความแบน และกว้างอย่างสมส่วน เพื่อนำเสนอจุดเด่นในเรื่องของ “สมรรถนะการควบคุม” ที่ยอดเยี่ยม

เราเดินโฉบไปเฉี่ยวมาเพื่อสำรวจความล้ำค่าของรูปโฉมอย่างดื่มด่ำ ซึ่งความเฉียบคมของเส้นสายที่ดูเรียบง่ายนั้น มีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ ตั้งแต่มุมมองด้านหน้าที่ “ดุดัน” ด้วยช่องดักอากาศขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่ด้านหน้าของตัวรถ โดยมีชุดโคมไฟหน้าดีไซน์เฉี่ยวแบบ Projector ประกบ 2 ฝั่ง พร้อมกับฝังชุดไฟ DRL – Daytime Running Light แบบ LED ไว้ภายใน

ส่วนมุมมองในด้านข้างคุณจะเห็นแนวยาวจากส่วนของฝากระโปรงหน้า ที่ต่อเนื่องไปยังเสา A-Pillar ลาดเอียงสู่แนวเส้นหลังคาลาดลงในด้านหลัง โดยเสริมจุดเด่นความสปอร์ตตามหลักอากาศพลศาสตร์ด้วย “ครีบ” ที่ดูเหมือน “เหงือกฉลาม” บริเวณหลังซุ้มล้อหน้า เพื่อช่วยระบายความร้อน ในขณะที่ด้านหลังวางงานดีไซน์ให้มีลักษณะแบน และกว้างสร้างจุดสนใจด้วยชุดไฟท้ายทรงกลมแบบ LED ฝั่งละ 2 ดวง เช่นเดียวกับปลายท่อไอเสียทั้ง 2 ข้างเช่นกัน

เราคว้ากุญแจมาปลดล็อคประตู เพื่อฝังตัวเองเข้าไปในห้องโดยสาร ซึ่งภาพในหัว และความเป็นจริงนั้นต่างกันมาก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะ Ferrari GTC4Lusso T ถูกวางตำแหน่งมาให้แตกต่างจาก Supercar ในค่าย และเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทุก ๆ วัน

รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-13.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-14.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-15.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-16.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-17.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-18.jpg
Ferrari GTC4Lusso T
รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-19.jpg
Ferrari GTC4Lusso T

ฉะนั้นการเข้า-ออกภายนอกห้องโดยสาร จึงเป็นเหมือนการเข้า-ออกรถยนต์นั่งทั่ว ๆ ไป ซึ่งไม่ใช่เบาะนั่งด้านหน้าเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงเบาะนั่งด้านหลังที่กลายเป็นเซอร์ไพรส์สำหรับเราอีกด้วย และด้วยการเป็นครั้งแรกของเรา และ GTC4Lusso T ฉะนั้นเราจึงเริ่มต้นด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์นิ่ง ๆ และเริ่มสำรวจภายในห้องโดยสารเป็นอันดับแรกทันที

และเชื่อเถอะว่า ต่อให้คุณผ่านรถหรูจากแบรนด์ชั้นในในตลาดเมืองไทยมาแล้ว คุณก็ไม่อาจต้านทานความรู้สึกประทับใจของคุณได้ จากความเรียบง่ายแต่พิถีพิถัน ที่คุณสามารถหลับตานึกภาพช่างฝีมือจาก Ferrari กำลังพินิจพิเคราะห์ในทุกรายละเอียดก่อนลงมือสร้างมันขึ้นมาเป็นรูป เป็นร่าง เพื่อให้คุณ “ฟิน” ไปกับสัมผัสจากหนังแท้คุณภาพสูงเช่นเดียวกับหนัง Alcantara ตลอดจนการใส่วัสดุ Carbon Fiber ลงไปในรายละเอียดต่าง ๆ อย่างลงตัว

ในขณะที่ออฟชันต่าง ๆ สำหรับการอำนวยความสะดวกนั้นมีการชี้แจงอย่างครบครัน และเอื้ออำนวยสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต เช่น หน้าจอ TFT, ไฟ Shift Light รวมถึงพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่ดูเหมือน “ปุ่มควบคุม” บน “จอยเกมส์” มากกว่า ซึ่งหนึ่งในนั้นที่มีความสำคัญสำหรับการขับขี่ ก็คือ “ปุ่มสำหรับปรับโหมดการขับขี่” ที่เลือกใช้ได้ถึง 5 โหมด คือ Ice, Wet, Comfort, Sport และความมันส์สุด ๆ กับโหมด ESC Off ที่คุณควรจะต้องใช้ “ปุ่มปรับการทำงานของช็อกอัพ” ร่วมด้วย เพื่อสั่งการอารมณ์การขับขี่ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นฟิลลิ่งแบบ “นุ่มหนึบ” หรือ “สปอร์ต” ก็ตาม นอกจากนี้ก็ยังมีระบบความบันเทิงที่ดูพร้อมสรรพสำหรับใช้งานเช่นกัน แต่บอกเลยว่าเรา “ไม่สน” อื่นใดของจากเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ที่เราเพิ่งสตาร์ท ซึ่งมันสร้างความบันเทิงให้เราได้มากกว่าเครื่องเสียงชั้นหรูที่ติดตั้งมาให้ซะอีก

รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-12.jpg
เครื่องยนต์เบนซิน พิกัด 3.9 ลิตร แบบ V8

โดยเสียงกระหึ่มที่ว่านั้น เกิดขึ้นจากเครื่องยนต์เบนซิน พิกัด 3.9 ลิตร แบบ V8 พ่วงของแรงด้วย Twin Turbo เพื่อสร้างกำลังสูงสุด 610 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตรที่ 3,000-5,250 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ F1 Dual Clutch 7 สปีด

โดย Ferrari GTC4Lusso T นำเสนอความมันส์ด้วยการส่งพลังทั้งหมดสู่ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง และเคลมตัวเลขสมรรถนะมาให้ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.5 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดที่มากกว่า 320 กม./ชม. โดยที่ผู้ขับขี่ยังคงสามารถมั่นใจได้จากตัวช่วยมาตรฐานต่าง ๆ ซึ่งบอกได้เลยว่าเราคงไม่ “หวด” กันจนถึงระดับที่ตัวช่วยเหล่านั้นต้องยื่นมือมาช่วยเหลือแน่นอน

หลังจากที่เรา “เสพ” งานดีไซน์จนอิ่มหนำ ก็ถึงเวลาที่จะออกไป “หวด” กันดูบ้างสักนิด บนความกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เพราะงั้น “ความเสี่ยง” เพียงเล็กน้อยจึงถูก “ตัด” ออกไปจากการทดลองขับของเราในทันที จนกว่าจะมีพื้นที่ที่มั่นใจได้มากพอ และในกรณีนี้เราเลยขอเน้น “ทางตรง ๆ โล่ง ๆ” เป็นหลัก โดยเมื่อได้จังหวะที่มั่นใจ คันเร่งจึงถูกใช้เกือบเต็มที่

โดยเฉพาะจังหวะออกตัวที่สามารถกระตุ้นให้อะดรีนาลีนหลั่ง ได้ง่าย ๆ ด้วย “แรงดึง” แบบสะใจ จนต้องขอบคุณระบบส่งกำลัง ที่เราบอกได้เลยว่า “ทั้งชีวิต” ที่แม้จะผ่านการทดลองขับรถมามากมาย แต่คุณก็จะไม่ประทับใจอะไรได้มากเท่านี้อีกแล้ว และใช่ครับ กับครั้งแรกแบบนี้ที่ไม่คุ้นชินกับยนตรกรรมที่มีสมรรถนะสูง มันทำให้ผม “กลัว” แต่ผมก็ยังกล้าที่กดคันเร่งเฉพาะทางสะดวกเท่านั้น

ซึ่งกว่าจะเริ่มยักย้ายส่ายสะโพกได้ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายแก่ และเพิ่งพบว่า GTC4Lusso T ไม่ได้เป็นยนตกรรมที่ “เข้าถึง” ยากอย่างที่คิด แต่ตรงกันข้ามเลยทีเดียว กับการควบคุมที่เชื่องมือ และแปรผันน้ำหนักอย่างสมดุลทุกย่านความเร็ว โดยนั่นหมายถึง GTC4Lusso T สามารถ “มุด” ได้อย่าง “เมามันส์” ยิ่งถ้าคุณปรับตัวให้ เหมาะสมกับ GTC4Lusso T ด้วยแล้วล่ะก็ คุณจะรู้สึกเหมือนเราว่านี่แหละ “ใช่” จนไม่ต้องการอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้

GTC4Lusso T ยังมีโหมดอีกมากมายให้เราได้ปรับเหมือนเช่นทุกครั้ง ก่อนที่เราจะ “ซัด” ยนตรกรรมรุ่นไหนก็ตามด้วย “สมรรถนะ” สูงสุดอย่างโหมด Sport … แต่กับ GTC4Lusso T บอกตามตรงว่า “ไม่กล้า” แม้จะมีระบบการกันสะเทือนแบบ “Magnaride SCM-E” ให้เลือกเล่น เพื่อดึงอารมณ์ความสปอร์ตของแบรนด์ Ferrari มาใช้อย่างเต็มที่ก็ตาม เพราะด้วยฟังก์ชันมาตรฐานที่เริ่มทำงานเพียงแค่กดปุ่มสตาร์ท ก็ถือว่า “จบ” และ “เพียงพอ”

รีวิวทดสอบรถ Ferrari GTC4Lusso T-11.jpg
Ferrari GTC4Lusso T

Specification : Ferrari GTC4Lusso T

  • Price : 24,xxx,xxx BHT
  • Engine : 3,855CC / V8 / Twin Turbo / 32 Valve 610 hp @ 7,500 rpm / 760 Nm @ 3,000-5,250 rpm
  • Transmission : 7A/T F1 Dual Clutch / Rear Wheel Drive
  • Performance : 0 – 100 Km/h @ 3.5 Km/h, Top Speed @ 320 Km/h
  • Weight : 1,740 Kg.

Check Also

ISUZU MU-X 4x2 3.0 RS 2024

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS ลุคใหม่ที่สปอร์ตยิ่งกว่าเดิม เสริมความปลอดภัย ที่ยังคงเด่นในสมรรถนะและความประหยัดเฉกเช่นเดิม

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS A/T เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power 190 แรงม้า …