รีวิวทดสอบรถ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium

รีวิวทดสอบรถ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium ที่มีจิตวิญญาณของความเป็นสปอร์ตอย่างครบถ้วน ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงพละกำลังของเครื่องยนต์เท่านั้น

รีวิวทดสอบรถ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium

2 ยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดตระกูล S-Class ที่ Mercedes-Benz Thailand เพิ่งเปิดตัวไป คือ อีกหนึ่งรุ่นที่ยั่วใจเราจนแทบคลั่ง เพราะภายใต้ความสวยราวนางฟ้า คือพละกำลังที่ต้องบอกว่า “สุดขั้ว” กว่าที่ผ่านมาจริง ๆ

สำหรับ The S-Class ใหม่ที่ถูกเปิดตัวขึ้นในบ้านเรา โดย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด คือ Mercedes-Benz S 560 Coupé AMG Premium และ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium ที่บอกเลยว่า “โค-ตะ-ระ-งาม” พร้อมด้วยราคาที่เริ่มต้นจากรุ่น Coupe 15.99 ล้านบาท ไปแตะเพดานสูงสุดที่รุ่น Cabriolet เปิดประทุนราคา 16.72 ล้านบาท และเค้าอยู่กับเราแล้วในวันนี้

โดยมาว่ากันที่รายละเอียดทางกายภาพ ทั้ง 2 รุ่นมีความต่างกันอยู่ที่ “หลังคา” เท่านั้น โดยเวอร์ชั่น Coupe จะมาพร้อมกับ Panoramic Sunroof แบบ Magic Sky Control ที่มีขนาดใหญ่ถึง 2 ใน 3 ของพื้นที่ หรือประมาณ 1.32 ตารางเมตร พร้อมความสามารถในการปรับความเข้มของกระจกได้ตามต้องการ

ส่วนพระเอกของเราเวอร์ชั่น Cabriolet นั้น “หล่อ” แบบมาด Playboy ด้วยหลังคาเปิดประทุนแบบ Fabric Soft-Top ที่ออกแบบให้มีความหนาถึง 3 ชั้น ซึ่งความพิเศษก็คือชั้นนอกสุดได้ทำการเคลือบสารบูทีล (Butyl) เพื่อช่วยลดระดับเสียงรบกวนที่จะส่งผ่านเข้ามาภายในห้องโดยสารให้น้อยที่สุด รวมไปถึงความสามารถในการกางเปิด หรือพับปิดได้ในเวลาเพียง 19 วินาที ขณะรถวิ่งไม่เกิน 50 กม./ชม. และจะมาพร้อมกับแผงบังคับทิศทางลม (Aircap) เพื่อป้องกัน “ผมเสียทรง” ขณะเปิดหลังคาวิ่งอีกด้วย

สำหรับรายละเอียดงานดีไซน์ และการตกแต่งของ The S-Class ใหม่บนพื้นฐานของรถสปอร์ต 2 ประตูนั้น เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น ภายใต้แนวคิดการนำเสนอ “ความหรูหรา ล้ำสมัย และเทคโนโลยีเหนือชั้น” โดยเริ่มตั้งแต่ชุดกระจังหน้าแบบ Diamond Grille สีเงิน ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม และการประทับตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz

แต่นั่นยังไม่หรูมากพอกับระบบส่องสว่างที่มากับชุดไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ซึ่งตกแต่งด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ (Swarovski Crystals) ทั้ง 2 ข้าง รวมกันทั้งสิ้นถึง 47 ชิ้น ตามไปจนถึงชุดไฟ Daytime Running Lamps ที่ตกแต่งด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ (Swarovski Crystals) เช่นกัน รวมทั้ง 2 ข้างอีก 17 ชิ้น ตบท้ายด้วยชุดไฟเลี้ยวที่ตกแต่งด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ (Swarovski Crystals) อีกราว ๆ 30 ชิ้น

ในขณะที่ด้านหลังปล่อยโชว์ล้ำสมัยด้วยชุดไฟท้ายแบบ OLED (Organic Light Emitting Diode) ซึ่งใช้หลอดไดโอดเปล่งแสงขนาดบางเคลือบอยู่ใต้กระจกของไฟท้ายจำนวน 33 ชิ้นต่อ 1 ข้าง สำหรับทำหน้าที่ควบคุมตำแหน่ง และความสว่างของแสง

เท่านั้นยังไม่พอ เพราะนามสกุลที่ต่อท้ายอย่าง AMG Premium นั่นหมายถึง การติดยศขั้นสูงจากฝีมือของสำนักคู่บุญอย่าง AMG โดยมีส่วนประกอบภายนอก คือ คิ้วโครเมียมบริเวณชายกันชนด้านหน้า และด้านหลังที่ติดตั้งปลายท่อไอเสียคู่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 20 นิ้ว และชุดดิสก์เบรก พร้อมคาลิปเปอร์ประทับตราสัญลักษณ์ Mecedes-Benz

มาถึงภายในห้องโดยสาร ยังคงมากับความ “สุดยอด” ในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียม อาทิ เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa แบบ Exclusive Package ตัดเย็บด้วยลวดลายแบบ Diamond Design พร้อมด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยแบบเดียวกับ Mercedes-Maybach S 560 มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ระบบ ENERGIZING Comfort Control ซึ่งจะช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ให้ทำงานสอดคล้องกันอย่างลงตัว

นอกจากนี้ยังมีออพชั่นต่าง ๆ อีกมากมายที่อยากนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Night View Assist Plus ที่ช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดีขึ้น จากการใช้แสงอินฟราเรด และกล้องอินฟราเรด, ระบบ Crosswind Assist สำหรับช่วยประคองรถยนต์ให้ไม่หลุดออกนอกเส้นทางเมื่อมีลมแรง, ระบบ Magic Vision Control ปัดน้ำฝนอัตโนมัติที่จะฉีดน้ำกระจกหน้าจากก้านปัดน้ำฝน เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็น รวมไปถึงระบบความบันเทิงชั้นเลิศจาก Burmester® High End 3D Surround Sound System

The S-Class ใหม่ทั้ง 2 รุ่นใช้ขุมพลังบล็อคเดียวกัน คือ เครื่องยนต์เบนซินพิกัด 4.0 ลิตรแบบ V8 Twin-Turbocharged ซึ่งปั้นฝูงม้าเยอรมันได้สูงสุดถึง 469 แรงม้าที่ 5,250-5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดมหาศาลด้วยตัวเลข 700 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนล้อหลัง ผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-Tronic) ที่มากับระบบ Dynamic Select เลือกฟังก์ชันการขับขี่ได้ถึง 5 รูปแบบ คือ ECO, Comfort, Sport, Sport+ และ Individual โดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 4.6 วินาที พร้อมท็อปสปีดที่จำกัดไว้ 250 กม./ชม.

ซึ่งเรื่องของ “สมรรถนะ” นี่แหละ คือ สิ่งที่เรา “สนใจ” ซะเหลือเกิน เพราะดูราวกับว่า Mercedes-Benz พยายามจะเปลี่ยน “ภาพลักษณ์” ตลอดจน “ทัศนคติ” ของสาวก S-Class ใหม่ ด้วย 2 รุ่นตัวถัง คือ Coupe และ Cabriolet ซึ่งคล้าย ๆ เป็นการบังคับให้ “ผู้ซื้อ” รู้จักรถตัวเองมากขึ้นในฐานะการเป็น “ผู้ขับ” … หลังจากในอดีตที่ผ่านมา S-Class คือ ยนตรกรรมที่รู้จักกันในฐานะของรถที่ “ผู้ซื้อ” ไม่ได้ขับ … ผู้ขับ ไม่ได้ซื้อ”

ส่วนผมในฐานะผู้ที่ “ไม่มีปัญญาซื้อ” ขอทำหน้าที่ “ผู้ขับ” ด้วยโอกาสที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ให้ยืมรถมาในครั้งนี้อย่างเต็มที่ดีกว่า ว่าแล้วก็ “ลุย” ทันที ด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์ ปลุกความหนักแน่นของขุมพลังเบนซิน 4.0 ลิตร V8 Twin-Turbocharged เพื่ออุ่นเครื่องฝูงม้าเยอรมันทั้ง 469 ตัวให้เตรียมพร้อม

จากนั้นก็เคลื่อนตัวช้า ๆ ออกจากฐานที่มั่น พร้อมความ “เกร็ง” นิด ๆ เมื่อต้อง “รับผิดชอบ” รถราคาเกือบ ๆ 17 ล้าน เพราะงั้นวิธีที่ดีที่สุด คือ การออกไปหาถนนโล่ง ๆ นอกเมือง เพื่อที่จะไม่ต้องเสี่ยงกับอะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อติดอยู่กลางฝูงการจราจรแน่นหนา และมีรถมอเตอร์ไซค์พยายามซิกแซกช่องว่างระหว่างรถยนต์ตลอดเวลา ซึ่งมันอาจจะเกิดความ “ผิดพลาด” โดยที่เราไม่ได้เป็นผู้กระทำ

และด้วยเวลาที่รวดเร็ว เราก็ขึ้นมาอยู่บนทางด่วนสายหนึ่ง ซึ่งมุ่งหน้าตรงออกนอกเมือง เพื่อลดความเสี่ยงอย่างที่บอกไว้ ทั้งยังเป็นการหาพื้นที่ให้เพื่อ S 560 ได้แสดงฤทธิ์เดชอย่างเต็มที่ เริ่มจากการกดคันเร่งเบา ๆ กระตุ้นฝูงม้า ให้เตรียมรับคำสั่ง ก่อนจะกดลงไปหนัก ๆ ให้รอบเครื่องยนต์ฟาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โหมดการขับขี่ที่ใช้ผมยังยึดมั่นในสไตล์ Sport และ Sport+ เป็นหลัก

ส่วนผลตอบรับก็คือ S 560 เป็นรถแรงที่ “สุภาพ นุ่มนวล” รุ่นหนึ่งเท่าที่เคยสัมผัสมา ด้วยอัตราการตอบสนองที่ต่อเนื่อง จากแรงบิดสูงในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่ถ่ายทอดกำลังรับส่งอย่างเป็นจังหวะ จนทำให้ทุกครั้งที่เติมคันเร่งลงไป จะรู้สึกถึงพละกำลังที่มีให้ใช้อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับการทะยานสู่ความเร็วสูงอย่างไม่น่าเชื่อ และกว่าจะรู้ตัวคุณคงทำผิดกฏจราจรเรื่องการกำหนดความเร็วไปเป็นที่เรียบร้อย

และที่เหนือกว่านั้น คือ คงไม่มีใครคาดคิดว่า The S-Class ยนตรกรรมหรูเปิดประทุนรุ่นนี้ จะมีจิตวิญญาณของความเป็นสปอร์ตอย่างครบถ้วน ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงพละกำลังของเครื่องยนต์เท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงอารมณ์ของช่วงล่างที่เปลี่ยนไปเป็นความหนักแน่นขึ้น ประกอบกับความเฉียบคมของพวงมาลัยที่สั่งการให้ล้อหน้าบิดไปตามองศาที่ต้องการราวกับมองเห็นด้วยตัวมันเอง

ซึ่งวันนั้นเราได้ประจักษ์แล้วถึงศักยภาพ และที่ในโมเดลที่ผ่าน ๆ ค่ายดาวสามแฉกเองก็คงอยากให้ผู้เป็นเจ้าของได้รับรู้ในสมรรถนะของสิ่งที่พวกเค้าสร้างขึ้น แต่จนแล้วจนรอด “ค่านิยม” กลับเป็นผู้กำหนดให้ “พนักงานขับรถ” รู้ซึ้งมากกว่าผู้เป็นเจ้าของ เพราะมัวแต่นั่งเป็นผู้บริหารอยู่ด้านหลัง … เพราะฉะนั้นผมว่านี่น่าจะเป็นวิธีที่ดีทีเดียว ในการป่าวประกาศให้เปลี่ยน “ค่านิยม” ใหม่ ด้วย The S-Class ทั้ง Coupe และ Cabriolet ที่เป็นตัวบังคับให้เจ้าของได้มาลองจับพวงมาลัย และลิ้มรสในสิ่งที่ค่ายดาวสามแฉกพยายามจะบอกออกไป ว่า The S-Class “ไม่ได้มีดีแค่ความหรูหรา และออพชั่นอำนวยความสะดวกสบาย” เท่านั้น

Specification : Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium

• Price      :   16,720,000 BHT
• Engine   :    3,982 CC / Twin Turbo / V8 / 32 Valve 469 hp @ 5,250-5,500  rpm / 700 Nm @ 2,000-4,000 rpm
• Transmission   :    9G-Tronic / Rear Wheel Drive
• Performance    :     0 – 100 Km/h @ 4.6 Sec, Top Speed @ 250 Km/h
• Weight               :     N/A