รีวิวทดสอบรถ Nissan Terra 2.3 VL 4WD มองผ่าน ๆ แล้วพาลนึกถึง Nissan Navara ไม่น้อย เว้นแต่ Terra จะมีความ “ละมุน” มากกว่า
หากคุณกำลังต้องการ Wallpaper สวยๆเราแนะนำ Wallpaper รูปรถ สวยๆ Download wallpaper ลิ้งนี้ |
รีวิว ทดสอบรถ Nissan Terra 2.3 VL 4WD รถอเนกประสงค์ PPV
ถ้าได้สัมผัสดูแล้วจะรู้ว่า การมาของ Nissan Terra ที่พกพาความยอดเยี่ยมมาให้ชาวไทยสัมผัส คือ สิ่งที่บอกให้รู้ว่า คลื่นระลอกต่อไปของตลาดรถอเนกประสงค์ PPV จะก้าวกระโดดไปมากแค่ไหน
Nissan Terra คือ สิ่งที่ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า “ความต้องการของผู้บริโภค” ได้กลายเป็นปัจจัยหลักที่ “กำหนด” ทิศทางของยนตรกรรมรุ่นใหม่ ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังจะเห็นได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “ตลาดรถอเนกประสงค์” กลายเป็นกลุ่มที่ผู้บริโภคชาวไทยได้การตอบรับมากขึ้นมาโดยตลอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มรถอเนกประสงค์ประเภท PPV และนั่นทำให้ค่าย Nissan ส่ง Terra เข้ามาเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นในตลาดรถอเนกประสงค์ PPV เมืองไทย ที่มีความสดใหม่ มาพร้อมกับความ “เหนือชั้น” ด้านเทคโนโลยีเพื่อนำเสนอความเป็น “รถอเนกประสงค์อัจฉริยะ” และ “สมรรถนะ” ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกรูปแบบ ภายใต้การทำตลาดด้วย 3 รุ่นย่อยมาตรฐาน คือ คือ
- รุ่น 2.3 V 2WD 7AT ราคา 1,316,000 บาท
- รุ่น 2.3 VL 2WD 7AT ราคา 1,349,000 บาท
- รุ่นท็อปสุด 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,427,000 บาท
Nissan Terra มากับขนาดตัวถังความยาว 4,885 มม. ความกว้าง 1,865 มม. ความสูง 1,835 มม. วางตัวบนระยะฐานล้อยาว 2,850 มม. และความสูงใต้ท้องรถ 225 มม. ซึ่งน่าจะเหมาะสมทีเดียวกับนรุ่นนี้ ในฐานะของรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่อาจจะต้องพบเจอการ “ลุย” บ้าง
ส่วนในเรื่องของการออกแบบนั้น จากมุมมองด้านหน้าเรียกว่านำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นแบรนด์ Nissan เต็มที่ โดยเฉพาะกระจังหน้าแบบ V-Motion แถมทำให้มองผ่าน ๆ แล้วพาลนึกถึง Nissan Navara ไม่น้อย เว้นแต่ Terra จะมีความ “ละมุน” กว่า ด้วยการนำเอาเส้นสายโค้งมนมาใช้
เช่น ในส่วนของการดีไซน์โคมไฟหน้าทรงบูมเมอแรง โดยแฝงความแข็งแกร่ง และความสปอร์ตเอาไว้ด้วยการส่องสว่างจากชุดไฟ LED และการวางแนวของไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Light) ขณะเดียวกันด้านข้างก็ให้อารมณ์บึกบึน แข็งแกร่งด้วยเส้นสาย และโป่งซุ้มล้อที่รองรับกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ซึ่งมีดีไซน์ที่รับกับทุกสไตล์การขับขี่ทั้ง On Road และ Off Road เช่นเดียวกับด้านหลังที่สร้างความสะดุดตาด้วยชุดไฟท้าย LED แบบ Light Guide
เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารคุณจะพบกับความกว้างขวางในรูปแบบของรถ 3 แถว 7 ที่นั่ง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครันในฐานะของยนตรกรรมรุ่นท็อป ซึ่งตามรายนามประกอบไปด้วย เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity ที่ออกแบบสไตล์หรูหราด้วยเบาะหนังสีน้ำตาลตัดขอบด้วยสีเบจ ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 2 ออกแบบให้สามารถเข้าออกได้อย่างง่ายดาย และมาพร้อมระบบพับเบาะอัตโนมัติ (1-Touch Remote Fold and Tumble Seats)
ตามด้วยมาด้วยมาตรวัดอัจฉริยะแบบ 3 มิติ ที่แสดงผลข้อมูลได้อย่างหลากหลาย เช่น ระยะเวลาที่เข้ารับการตรวจสอบสภาพรถ, ระดับอุณหภูมิภายนอกรถ, นาฬิกาดิจิตอล, เสียงเตือนในกรณีลืมปิดไฟหน้า และสัญญาณเตือนเพื่อป้องกันการลืมกุญแจไว้ภายในรถ
ส่วนอุปกรณ์ความบันเทิงก็จัดให้ครบ ๆ เช่นกัน ด้วยชุดเครื่องเสียงที่รองรับได้ทั้งวิทยุ, เครื่องเล่น DVD และ MP3, การเชื่อมต่อ USB / HDMI ควบคุมได้จากทั้งบนหน้าจอสัมผัส Touch Screen ขนาด 7 นิ้ว และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ซึ่งในด้านหลังยังมีจอมอนิเตอร์จนาด 11 นิ้วเอาไว้ให้ รวมถึงสามารถควบคุมความแรงลมของระบบปรับอากาศตอนหลังได้อีกด้วย
แต่สาระสำคัญในการหยิบยืม Nissan Terra 2.3 VL 4WD มาในวันนี้ แน่นอนว่าเรื่องของออฟชันคงไม่ใช่ประเด็นหลักเท่ากับการทดลองขับอีกครั้ง หลังจาก “ชิม” เบา ๆ กับการจัดทดสอบขึ้นในจังหวัดเชียงราย หลังงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ฉะนั้นเราจึงไม่รอช้าที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อปลุกขุมพลังดีเซลใหม่พิกัด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้ตื่นขึ้น
โดยเรี่ยวแรงของ Nissan Terra 2.3 VL 4WD นั้นมากับตัวเลข 190 แรงม้า และแรงบิดที่สูงถึง 450 นิวตันเมตร ส่งผ่านกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อม M Mode ให้เลือกปรับเปลี่ยนสไตล์เกียร์ธรรมดา และมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) และระบบล็อคไฟฟ้า เพื่อการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามสภาพพื้นผิวถนน โดยสามารถ Shift-On-the-Fly จากขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็น 4 ล้อ (4H) ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องหยุดรถ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขับขี่ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
แต่ถ้าอยากเน้นการ “ลุย” หนัก ๆ คุณก็บิดไปใช้โหมดการขับขี่ (4Lo) ได้ในอึดใจ และพร้อมไปได้ทุกที่ไม่ว่าจะ ทราย, โคลน, น้ำ แม้กระทั่งปีนขึ้นที่สูง หรือ ไต่ลงในเส้นทางลาดชันก็ตาม และไม่ใช่เพียงแค่ระบบขับเคลื่อนเท่านั้น หากแต่ยังมีเรื่องความแข็งแกร่งจากโครงสร้างตัวถังแบบ Chassis on Frame และช่วงล่างด้านหลังแบบคอยล์สปริง Five-link เสริมด้วยการเปลี่ยนไปใช้เพลาล้อหลังที่แข็งแกร่ง เป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ช่วยให้การ “ลุย” เต็มไปด้วยความมั่นใจในทุกเส้นทาง
แต่สำหรับเรากับ Nissan Terra 2.3 VL 4WD ท่ามกลางมหานครกรุงเทพฯ เช่นนี้ บอกว่าว่าคงไม่มีโอกาสได้ลองใช้โหมด 4Lo เป็นแน่ นอกจากเราจะขับรถปีนฟุตบาทเล่น ซึ่งนั่นคงไม่ใช่เรื่องที่คนดี ๆ เค้าทำกันเท่าไหร่ ฉะนั้นวันนี้คงทำได้แค่สวมบทบาทเป็นเจ้าของ และลองใช้ Nissan Terra 2.3 VL 4WD ในรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวันดีกว่า เพราะงั้นว่าแล้วเราก็ใส่เกียร์ D และเคลื่อนตัวออกจากฐานทัพ ด้วยการเริ่มผจญภัยเบา ๆ ด้วยการคลานเป็นเต่าอยู่ในเมือง
ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นคุณคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ถ้าออกมาเจอรถติด แต่เราบอกเลยว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ซะทีเดียว ในขณะที่คุณประจำการอยู่หลังพวงมาลัย เพราะนอกจากเครื่องเสียงไพเราะ และแอร์เย็นฉ่ำทั่วห้องโดยสารแล้ว เราก็สามารถมองบรรยากาศโดยรอบได้แบบสบาย ๆ ด้วยทัศนวิสัยที่โปร่งอันเกิดจากความสูงของตัวรถ และแน่นอนว่ามันช่วยเอื้ออำนวยให้คุณมองเห็นได้ในระยะไกล ตลอดจนสามารถกะระยะได้ง่ายอีกด้วยสำหรับการขับขี่ในเมือง
เราใช้ความชิลบวกกับความอดทนเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อผ่านวิกฤตการจราจรออกมาหาที่โล่งมาพอที่จะปลดปล่อยพละกำลังของ Nissan Terra 2.3 VL 4WD ในรูปแบบของการขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งทันทีที่ถนนโล่งมากพอ เราก็ไม่รอช้าที่จะเริ่มกดคันเร่งทันที และก็พบว่าเจ้านี่มันสร้างความประทับใจได้อีกครั้ง เหมือนเมื่อแรกสัมผัส ณ จังหวัดเชียงราย
โดยความรู้สึกที่ว่าก็คือ จังหวะกดคันเร่งที่สามารถปลดปล่อยแรงบิดออกมาให้ใช้ทันทีในรอบต่ำ ซึ่งนั่นหมายถึง 450 นิวตันเมตร ที่เริ่มดึงแบบหนักแน่นตั้งแต่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ซึ่งมีเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ทำหน้าที่อย่างดีในการถ่ายทอดกำลังอย่างนุ่มนวล และสร้างแรงดึงอย่างต่อเนื่องแบบสุภาพไร้อาการกระชากกระชั้นให้หงุดหงิดใจ ราวกับรถอเนกประสงค์ชั้นหรู
และแน่นอนครับว่า Nissan Terra 2.3 VL 4WD มันสามารถเป็นรถอเนกประสงค์ที่ดีพอที่จะสร้างความสุขให้กับทุกคนในครอบครัวได้อย่างแน่นอน ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ใจร้อน และเดินคันเร่งได้อย่างนุ่มนวล แต่ถ้าคุณเป็นผู้รักความมันส์ในการขับขี่ Nissan Terra 2.3 VL 4WD ก็ตอบโจทย์คุณได้ไม่ยาก เพียงแค่กระแทกคันเร่งหนัก ๆ เค้าก็สามารถจัดให้ได้อย่างไม่มีปัญหา
และไม่ใช่แค่เพียงการถ่ายทอดพละกำลังของตัวรถเท่านั้นที่สามารถปรับเปลี่ยนบุคลิกไปตามน้ำหนักเท้า แต่ยังรวมถึงการแปรผันของน้ำหนักพวงมาลัยด้วยเช่นกัน โดยในความเร็วต่ำมันสามารถเป็นพาหนะที่ขับขี่ได้อย่างสบาย และมีความเฉียบคม และเบาแรงมากพอที่จะสร้างความสบายในการควบคุมเมื่อขับขี่ในเมือง
ขณะเดียวกันในความเร็วสูงความเฉียบคมยังคงอยู่กับเรา โดยที่ความเบาแรงของพวงมาลัยจะถูกเพิ่มน้ำหนักให้ตึงมือมากขึ้น ยิ่งเฉพาะในจังหวะเข้าโค้ง คุณจะรู้สึกราวกับกับรถสปอร์ตคันสูงใหญ่ ที่มีช่วงล่างนุ่ม แต่หนึบ และยังไว้วางใจได้ในเรื่องของสมรรถนะการทรงตัว และการยึดเกาะถนน
และใช่ครับมันขับสนุกอย่างเหลือเชื่อบนความเร็วสูง และเป็นรถเดินทางสบาย ๆ ได้อย่างในความเร็วปกติ ฉะนั้นเจ้านี่จึงเป็นรถที่ตอบโจทย์เราได้ดีทีเดียว รวมถึงเชื่อว่ามันจะเป็นรถที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย ๆ ถ้าใครซักคนมองหารถซักคันที่มีความ “คุ้มค่า” และเพียงแค่สมรรถนะการขับขี่เจ้านี่ก็สามารถ “ซื้อใจ” เราได้ง่ายเลยทีเดียว
และสำหรับสุภาพสตรีที่คิดจะมีรถอเนกประสงค์ PPV ไว้ครอบครองซักคัน แต่ยังหวั่นใจในเรื่องการใช้งานล่ะก็ เราว่านอกเหนือจากสมรรถนะแล้ว ออฟชันมาตรฐานที่ติดตั้งมาน่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นทันที ด้วยความล้ำสมัยของเทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility (NIM) ที่ช่วยให้การใช้งานปกติประจำวันเป็นเรื่องง่ายขึ้น
โดยเฉพาะเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ IRVM (Intelligent Rear View Mirror) ซึ่งแสดงผลบนหน้าจอที่กระจกมองหลัง จากกล้องด้านหลังตัวรถ เพื่อแสดงภาพมุมกว้าง รวมถึงสามารถเลือกปรับเปลี่ยนได้ระหว่างหน้าจอแสดงภาพจากกล้อง หรือ เป็นกระจกปกติก็ทำได้
แล้วก็ยังมีเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง IAVM (Intelligent Around View Monitor) ที่สามารถแสดงภาพมุมสูงแบบ Bird’s-Eye View โดยใช้กล้องรอบคัน MOD (Moving Object Detection) ทำการตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือน ได้ถึง 3 สถานการณ์ คือ เมื่อรถจอดหรือหยุดนิ่ง เมื่อรถเคลื่อนตัวไปข้างหน้า หรือ เมื่อเคลื่อนถอยหลัง
รวมไปถึงระบบเตือนจุดอับสาย IBSW (Blind Spot Warning), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง LDW (Lane Departure Warning) ที่จะแจ้งเตือนด้วยสัญญาณภาพ และเสียงเมื่อเคลื่อนที่ออกนอกช่องทาง ตั้งแต่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม. ที่แม้จะยังไม่รวมตัวช่วยระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ที่ติดตั้งมาให้ ซึ่งคุณไปเปิดดูได้ในแค็ตตาล็อกเอาเองได้ เพราะเราคิดว่าเพียงแค่นี้ก็มากเกินพอที่จะสร้างแรงจูงใจให้คุณสุภาพสตรีหันมามอง Nissan Terra 2.3 VL 4WD และตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นแล้วล่ะครับ
Specification : Nissan Terra 2.3 VL 4WD
- Price : 1,427,000 BHT
- Engine : 2,298 CC / Diesel Turbo / Intercooler / 4 Cylinder 16 Valve 190 hp @ 3,750 rpm / 450 Nm @ 1,500-2,500 rpm
- Transmission : 7A/T / Part Time Four Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight : N/A