รีวิว ทดลองขับ Honda Accord e:HEV TECH ขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 215 แรงม้า อัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 24.4 กม./ลิตร ราคา 1.799 ลบ.
รีวิว ทดลองขับ Honda Accord e:HEV TECH 215 แรงม้า ราคา 1,799,000 บาท
Honda Accord e:HEV TECH
“ถ้าคุณมองหาจุดเด่นที่ดีงามของ Honda Accord e:HEV TECH จงอย่าแค่ “ส่อง” จากรูปลักษณ์ … แต่รบกวนไปลองขับ หากอยากได้คำตอบชัดๆ … เพราะนั่นคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด”
สำหรับ Honda Accord เวอร์ชั่นที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน ถือเป็นเจเนอเรชันที่ 10 ซึ่งมาพร้อมความน่าสนใจนับแต่แรกเห็น เมื่อตอนเปิดตัวในราว 2-3 ปีก่อน (ถ้าจำไม่ผิด) โดยความน่าสนใจที่ว่าก็คือ “วิวัฒนาการ” งานดีไซน์ที่ค่อยๆ ลดทอนความสปอร์ต และสอดแทรกความหรูหรามากขึ้นเรื่อยๆ ไล่มาตั้งแต่เจเนอเรชันที่ 7 จนกระทั่งโดดเด่นแบบเน้นความ Luxury อย่างเป็นรูปธรรมเต็มตัว อย่างที่เห็นในเจเนอเรชันที่ 10
ประการต่อมาแห่งความน่าสนใจก็คือ เรื่องของสมรรถนะ ที่หันมาเอาดีกับเครื่องยนต์พิกัดเล็ก เสริมแรงด้วยระบบอัดอากาศในพิกัด 1.5 ลิตร เทอร์โบ สำหรับรุ่นเริ่มต้น ขณะที่รุ่นท็อปๆ จะมากับขุมพลัง Full Hybrid แบบ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ที่ยังคงประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน พิกัด 2.0 ลิตร แบบ Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว
พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เพื่อมอบความเร้าใจด้วยตัวเลขเรี่ยวแรงระดับ 145 แรงม้า และแรงบิด 175 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์ ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้านั้นจัดให้เต็มเหนี่ยวด้วยพละกำลัง 135 แรงม้า พร้อมแรงบิดดุเดือดถึง 315 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
ฉะนั้นมาถึงจุดนี้ หลายคนคงน่าจะทราบดีว่า ประเด็นหลักๆ ที่เราสนใจ คงไม่ใช่บรรดาออปชันมาตรฐานต่างๆ แน่นอน เพราะเอาจริงๆ แล้วมันมีการปรับเพิ่มเพียงบางส่วนเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งไม่มีผลต่อความรู้สึกของเรามากเท่ากับความอยากรู้ อยากเห็นในเรื่องของสมรรถนะ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจที่จะคว้ากุญแจ แล้วก็ออกเดินทางผจญภัยในโลกกว้างทันที
สัมผัสแรกหลังจากที่เคลื่อนตัวออกมา ก็สร้างความประทับใจได้ทันที ด้วยความหนักแน่นในอารมณ์ตามสไตล์ของรถ Mid-Size Sedan กับน้ำหนักตัวราวๆ 1,568 กก. ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว “ผมชอบ” แถมยังไม่ได้สร้างปัญหาในการขับขี่ท่ามกลางเมืองใหญ่ เพราะทั้งหมด ทั้งมวล ด้วยพละกำลัง ที่ตอบสนองได้รวดเร็วฉับไว
ประกอบกับน้ำหนักพวงมาลัยที่เฉียบคม และเบาแรงในความเร็วต่ำ ทำให้ความคล่องตัวเกิดขึ้นได้ไม่ยาก แถมยังแปรเปลี่ยนเป็นความ “สนุก” ในการขับขี่ จนเราเชื่อว่าหลายคน ถ้าได้ลองแล้วจะ “ติดใจ” เช่นเดียวกับผม ที่เพลิดเพลินจนใช้เวลาเดินทางในเมือง ผ่านไปครึ่งค่อนวันแบบไม่รู้ตัว
จนโปรแกรมที่วางเอาไว้ว่าต้องเดินทางนอกเมือง ถูกขยับไปอีกวัน แต่ครั้นจะเหลือเวลาว่างๆ เอาไว้ก็กระไรอยู่ เพราะงั้นผมจึงท่องเที่ยวในเมืองต่อ เพื่อซึมซับความคล่องตัวทั้งในการจราจรปกติ รวมถึงบางช่วงบางตอน ผมยังมีแอบไปซนตามลานจอดรถต่างๆ ทั้งปกติธรรมดา และที่เค้าว่า “ยาก” ทั้งหลาย
เช่น ย่านเยาวราช ซึ่งบอกเลยนะว่า “ยากจริง” สมคำร่ำลือ เล่นทั้งลุ้น ทั้งโยกพวงมาลัยจนเหนื่อย แต่ก็ผ่านมาได้แบบสบายๆ ไร้ริ้วรอยรอบรถ แถมยังข้อคิดเล็กๆ กลับมาว่า ใช้รถทั้งที ก็ควรให้ถูกที่ ถูกเวลา จะสร้างความสบายได้มากกว่า
ผมกลับบ้าน และใช้เวลากลางคืนลองค้นหาถนนสายรองใกล้ๆ กรุงเทพฯ ที่สามารถตอบโจทย์การขับ Honda Accord e:HEV TECH … ใช่ครับมันอาจจะไม่ใช่รถสปอร์ตคันพิเศษอะไรที่ ต้องทำการบ้านขนาดนั้น แต่ด้วยจริตบางอย่างที่เรามีต่อกันทำให้ผมรู้สึกว่าอยากจะขับเจ้า Honda Accord e:HEV TECH บนถนนดีๆ ซักเส้น
ที่มีทั้งทางตรงๆ และโค้งหลากหลายองศา เพื่อให้ได้เล่นสนุกมากขึ้น จนท้ายที่สุดผมก็หนีไม่รอดที่จะกลับไปยังย่านคุ้นเคย ที่ปลายทางนั้นลึกเข้าไปในหุบเขา แต่ความดีงาม คือ ถนนที่ราบเรียบไร้รอยต่อ แถมโล่งพอที่จะให้เราใช้ความเร็วได้อย่างไม่ต้องระแวงมากนัก
เข้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นเช้าหน่อย เผื่อเวลาเดินทางราว 2 ชม. จากกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางไปยังพื้นที่ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ก่อนอื่นใดผมต้องแวะร้านกาแฟ ในปั๊มเล็กๆ เพื่อพึ่งคาเฟอีนจากกาแฟดำแก้วโต ในการปลดล็อคสมองให้ตื่นตัว พร้อมรับสถานการณ์ต่อจากนี้
หลังจากทุกอย่างพร้อม “เกมส์” ความมันส์ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยการกดคันเร่งเบาๆ เพื่อ “วอร์ม” ทั้งรถ และคน จากนั้นก็ไต่ระดับความเร็วเพิ่มขึ้นไปยังความเร็วเดินทางๆ ซึ่งบอกเลยว่าท้องถนนเอื้อมากมาย ด้วยความราบเรียบ และโล่ง แถมรถบรรทุกคันใหญ่ๆ ก็บางตากว่าที่เราคิด
30 นาทีผ่านไป จนผมรู้สึกว่า “เรา” คือ ทั้งผม และ Honda Accord e:HEV TECH เชื่อมต่อกันโดยสมบูรณ์ ความเร็วจึงถูกเพิ่มขึ้นผ่านการกดคันเร่งของเท้าขวา จาก 80 กม./ชม. ขึ้นไปป้วนเปี้ยนแถวๆ 110-120 กม./ชม. ซึ่งมีทั้งจังหวะแผ่วบ้าง เพื่อ Kick Down
หรือแม้กระทั่งการนวดคันเร่งไต่ระดับความเร็วบ้าง ตามความสะดวก ที่บอกได้เลยว่า “เพลิน” เพราะเจ้า Honda Accord e:HEV TECH นั้นมีความสามารถที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ดี
แต่นั่นไม่ได้หมายถึงความสปอร์ตแบบเต็มเม็ด เต็มหน่วยเท่าไหร่ เค้าเรียกว่าเป็นสไตล์แบบมาเรื่อยๆ แบบหนักหน่วง หนักแน่น จัดให้ไม่ขาดสาย ตามสไตล์ Hybird ฉะนั้นใครที่คาดหวังอารมณ์ลากรอบยาวๆ เหมือนเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไร้ระบบอัดอากาศ อาจจะไม่ค่อยถูกจริต แต่ถ้าไม่คิดมากเรื่องรอบเครื่องยนต์ แต่เน้นเรื่องการส่งกำลังให้ใช้อย่างต่อเนื่องทุกความต้องการ บอกเลยว่า นี่แหละ “ใช่”
อีกหนึ่งอย่างที่ต้องบอกว่าน่าประทับใจก็คือ น้ำหนักของพวงมาลัย ที่มีการปรับเซ็ทมาได้แบบดีงาม ทั้งฉับไว และคล่องตัว ให้ความกระฉับ กระเฉง ราวกับรถพิกัด Compact ทั้งๆ ที่เป็น Mid-Size Sedan ซึ่งความชอบของผมก็คือ จังหวะการควบคุมขณะเข้าโค้ง ที่ต้องบอกเลยว่าแปรผันได้เหมาะเจาะ ไม่มากไป ไม่น้อยไป เพื่อเอื้อให้ผู้ขับบังคับได้อย่างแนบเนียน ล้อเล่นกับโค้งองศาต่างๆ อย่างสนุกสนาน
แถมยังสามารถสัมผัสกับองศาการเลี้ยวของล้อหน้า ไปจนถึงการบดเบียดระหว่างยาง และพื้นถนนได้แบบชัดเจน จนบางครั้งคุณรู้สึกอยากท้าทายอำนาจการยึดเกาะ ด้วยการบดคันเร่งเพิ่มเติมในโค้งให้ยางส่งเสียงร้องเบาๆ … ใช่ครับ มันคือ ความสนุก
และอารมณ์สปอร์ต ที่แฝงอยู่ ภายใต้รูปลักษณ์ที่คัดกรองเอาความหรูหรามานำเสนอ และประเด็นคือ มันทำให้เราชอบมาก และสนุกมากในทุกการขับขี่
และไม่พูดถึงคงไม่ได้ กับเรื่องของระบบช่วงล่าง และระบบเบรก ซึ่งด้วยน้ำหนักตัวรถที่ “มาก” อยู่ ทำให้สัมผัสโดยรวมค่อนข้างไปทางรู้สึก “หนักๆ” แต่เอาตรงๆ ว่าผมชอบ เพราะมันให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้ดี โดยเฉพาะระบบช่วงล่างพื้นฐาน คือ ด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ เสริมเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้า และด้านหลัง จะเป็นอารมณ์ที่ปรับเซ็ทนุ่ม แน่น และหนักหน่วง
ต่อเนื่องด้วยระบบเบรก ที่ต้องยอมรับในเรื่องของการพัฒนา เพราะถ้ายังจำกันได้ในโมเดล Hybrid ยุคแรกๆ สัมผัสในการเหยียบเบรกมือจะ “ทื่อ” คล้ายกับเบรกไม่อยู่ เรียกว่า ต้องย้ำหนักๆ เพื่อให้มั่นใจ แต่กับ “วิวัฒนาการ” ใหม่ที่เกิดขึ้นทั้งในยนตรกรรม Hybrid ยุคปัจจุบัน
รวมถึงเจ้า Honda Accord e:HEV TECH รุ่นนี้ บอกเลยว่า “เริ่ด” มาก เพราะสัมผัสตั้งแต่แป้นเบรก ไปจนถึงระบบการทำงานทั้งหมด มีความใกล้เคียง หรือแทบจะไม่ต่างกับรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วๆ ไป เลยก็ว่าได้ ฉะนั้นการคำนวณน้ำหนักเท้า ไปจนถึงระยะเบรก ที่บอกเลยว่าไร้ความซีเรียสอีกต่อไป
เพราะด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดด ทำให้ Honda Accord e:HEV TECH มีอะไรหลายอย่างๆ ในเรื่องของการขับขี่ มีความใกล้เคียงกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป เพื่อให้มีศักยภาพที่คุ้นเคย และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เหนืออื่นใดเลยก็คือ เรื่องของอัตราการประหยัดน้ำมันที่มากกว่า ด้วยตัวเลขที่ต้นสังกัดเคลมมาให้ คือ 24.4 กม./ลิตร
ซึ่งเอาจริงๆ ใน 2 วันที่ผ่านมา เราไม่ได้สนใจในเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเท่าไหร่ เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ต้องเป็นไปตามพฤติกรรมการขับ แต่หลักๆ เลยก็คือ มุ่งหวังในอารมณ์ของการขับขี่มากกว่า และเราคิดว่ามัน “ดีงาม” มากพอที่หลายๆ คนจะเลือกเอามาเป็นรถสำหรับครอบครัว ด้วยความสะดวกสบายทั้งออปชัน และอารมณ์การขับ ส่วนเรื่องอัตราการประหยัด ผมยกให้เป็นผลพลอยได้ดีกว่า
Specification : Honda Accord e:HEV TECH
- Price : 1,799,000 BHT
- Engine : 1,993 CC / 4 Cylinder / 16 Valve 145 hp @ 6,200 rpm / 175 Nm @ 3,500 rpm Electric Motor 135 hp / 315 Nm
- Transmission : E-CVT / Front Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight : 1,568 Kg.