รีวิว ทดสอบ MG EXTENDER 2.0 DC Grand 4WD X 6AT รุ่นท็อปสุดในตระกูล MG EXTENDER มีความ “ครบเครื่อง” ในออปชัน กับราคาค่าตัวที่ 1,039,000 บาท
รีวิว ทดสอบ MG EXTENDER 2.0 DC Grand 4WD X 6AT กระบะพันธุ์ยักษ์ของครอบครัว
MG EXTENDER 2.0 DC Grand 4WD X 6AT
มองเกมส์การทำตลาดรถเมืองไทย หลายคนคงเริ่ม “เบื่อ” กับศึกจากแบรนด์ดังที่คุ้นเคย แต่งานนี้ปลายปี 2021 ดูเหมือน “ความสนุก” กำลังเริ่มก่อตัว ในกลุ่มรถอเนกประสงค์จากแดนมังกร ซึ่งใครเลยจะรู้ว่า “เมื่อไหร่” จะถึงคราวของกลุ่มรถปิคอัพ … แต่ก่อนถึงวันนั้น เราอยากให้คุณรู้จัก MG EXTENDER มากขึ้นอีกนิด จะได้ไม่คิด “เสียดาย” ภายหลัง
สำหรับการทำตลาดรถในเมืองไทย ใครก็รู้ว่ามีแต่ยักษ์ใหญ่ต่างปักหลักในที่มั่นของตน จนยากที่แบรนด์น้องใหม่จะเติบโตขึ้นมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของรถปิคอัพ ที่แต่ละค่าย แต่ละแบรนด์ต่างแข็งแกร่งดุจหินผา
ก่อนที่ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์–ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย จะก้าวเข้ามาในฐานะผู้กล้า ส่ง MG EXTENDER เข้ามาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด จนกลายเป็นกระแสฮือฮา ด้วยเหตุเพราะไม่ใช่แค่ความ “สดใหม่” หากแต่คือ “ราคา” ที่ออกแนว “ท้ารบ” ด้วยรุ่นท็อปสุดขับเคลื่อน 4 ล้อ ค่าตัวเพียง 1 ล้าน กับ 4 หมื่นบาทเท่านั้น
ซึ่งราคาระดับนี้ เทียบกับสิ่งที่คุณจะได้บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ “คุ้ม” จริงจัง โดยเฉพาะเวอร์ชั่นที่มากับการปรับเปลี่ยนรายละเอียดทางกายภาพใหม่ บนพื้นฐานสมรรถนะที่เรามั่นใจว่าไม่น้อยหน้าใครในตลาดแน่นอน
อย่างที่ว่าไว้ นี่คือรุ่นท็อปสุดในตระกูล MG EXTENDER ฉะนั้นความ “ครบเครื่อง” ในออปชัน จึงเป็นประเด็นหลักที่น่าสนใจ ไล่รองลงมาจากขนาดของตัวถังแบบ 4 ประตู (Double Cab) ที่สร้างความสะดุดตา ผ่านความใหญ่โต แต่ก็มีความโฉบเฉี่ยวเข้ามาช่วยลดความรู้สึก “เทอะทะ” ได้อย่างมีเหตุมีผล
จากแนวคิด Brit Dynamic และรายละเอียดใหม่ที่ถูกปรับแต่งเพิ่มเติม ชุดกระจังดีไซน์ดุดัน ผสานความหรูด้วยวัสดุโครเมียม ประกบชุดไฟหน้าแบบ LED Projector และชุดไฟ Daytime Running Lights ที่รวมๆ แล้วให้อารมณ์ที่ล้ำสมัยขึ้นไปอีกขั้น
ขณะที่ด้านข้างมากับการนำเสนอความบึกบึนแข็งแกร่งผ่านงานออกแบบชุดบันไดข้างใหม่ ที่ลงตัวกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วในโทนสี Bi-Colour ต่อเนื่องด้วยมุมมองจากด้านหลังที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตอย่างเด่นชัด ผ่านงานออกแบบไฟท้ายแบบ LED และฝาครอบไฟท้ายในรูปทรง C-Curve
สำหรับภายในห้องโดยสารยังคงเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยทั้งจากการเลือกใช้วัสดุแบบ Soft Touch เพิ่มเติมด้วยการอัพเกรดความสปอร์ตสไตล์อังกฤษให้กับเบาะหนังที่เลือกใช้สีทูโทนน้ำตาล – ดำ ขณะที่ออปชันมาตรฐานนั้นไม่มีขาดตกบกพร่อง เช่น หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ และช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง ควบคุมได้จากบนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ทั้งในเรื่องของระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
อีกทั้งยังยังมีเบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้าที่เอนนอนได้มากถึง 150 องศา พร้อมเบาะหลังพับได้ 2 รูปแบบ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง สำหรับตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบ เหนืออื่นใด คือการที่ MG EXTENDER เป็นได้มากกว่า “แค่รถปิคอัพ” เพราะความล้ำสมัยของเทคโนโลยี i-SMART ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ที่สร้างช่องทางสื่อสารระหว่างรถ และผู้เป็นเจ้าของได้เสมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน ผ่านการสั่งงานจากปลายนิ้ว ด้วยโปรแกรม AI แสนฉลาด
ซึ่งจะเข้ามาเป็นผู้ช่วย เพื่อให้การใช้ชีวิตทุกไลฟ์สไตล์เป็นเรื่องง่าย และสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสั่งงานด้วยเสียง, การสั่งงานผ่านจอทัชสกรีน ไปจนถึงการสั่งงานผ่าน MG Mobile Application บนสมาร์ทโฟนก็ตาม … ซึ่งอันนี้เราแนะนำให้ลองเป็น “เจ้าของ” ดูจะได้เข้าใจการทำงานได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ขุมพลังของ MG EXTENDER 2.0 DC Grand 4WD X 6AT ยังคงเป็นอะไรที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่นั่นก็มากพอที่จะสร้างความประทับใจในทุกครั้งที่ได้ขับ ด้วยเรี่ยวแรงจากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่น ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบแปรผัน ที่ให้พละกำลังสูงระดับ 161 แรงม้า พร้อมแรงบิดเร้าใจที่ 375 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,500 – 2,400 รอบต่อนาที บนความสบายในการขับขี่จากชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ซึ่งมีฟังก์ชันปรับเปลี่ยนสไตล์ให้เลือกระหว่าง Normal, Eco และ Power แถมครั้งนี้เราขอขยับจากครั้งก่อนเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ไปเป็นเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) แบบ Part-Time ที่มาพร้อมระบบล็อคเฟืองท้าย Diff – Lock (Rear Axle Differential Lock) เพื่อเพิ่มโอกาส และความน่าตื่นเต้นให้ชีวิตอีกนิดหน่อย นอกเหนือจากการขับแค่บนถนน
แต่ก่อนจะถึงขั้นนั้น เราขอบรรยายสรรพคุณอีกครั้งในเรื่องของสมรรถนะโดยรวม ที่เรายังพบว่าตอบโจทย์การใข้งานได้ดีในเรื่องของการขับขี่ เช่น แรงบิดรอบต่ำที่มากพอ และตอบสนองได้ฉับไว ไปจนถึงความกระชับเฉียบคมของพวงมาลัย ในระดับที่ไม่สร้างความรู้สึก “อุ้ยอ้าย” ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน แล้วก็ยังคงให้ความมั่นใจในการเดินทางได้ดี
ด้วยเสถียรภาพที่เกิดขึ้นจาก ระบบช่วงล่างแบบอิสระปีกนกคู่ในด้านหน้า และแหนบแบบแผ่นซ้อนในด้านหลัง ซึ่งปรับเซ็ทในแบบ “เป็นกลาง” ตอบโจทย์การใช้งานทั่วๆ ไป และเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ แบบที่เรียกว่าไม่ได้ขึงขังเพื่อเอนเอียงไปในแนวทางสปอร์ต หรือนุ่มนวลมากไปราวกับอยู่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง
แม้เรื่องของน้ำหนักพวงมาลัยในความเร็วสูง จะรู้สึกเบาไปนิดเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง แต่เมื่อลอง Shift-on-the-Fly ไปเป็นการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อความเร็วสูง (4H) จะพบว่าคุณได้ความ “ตึงมือ” ขึ้นมาอีกนิด เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นความมั่นใจที่มากขึ้น แล้วก็มากขึ้นไปอีกขั้น
เมื่อนึกได้ว่ามีเสถียรภาพที่ดีงาม จากการที่ล้อทั้ง 4 ถูกควบคุมให้หมุนไปพร้อมๆ กัน ฉะนั้นทางฝุ่น, ทางลื่น ไปจนถึงการวิ่งฝ่าสายฝน หรือท้องถนนที่เปียกฉ่ำ ยันมีแอ่งน้ำขัง จะยังอยู่ภายใต้การบริหารจัดการโดย MG EXTENDER 2.0 DC Grand 4WD X 6AT ให้เป็นไปตามระบบระเบียบแน่นอน
มากไปกว่านั้นมันจะช่วยให้คุณสนุกไปกับเส้นทางที่ไม่จำเจ หรือกล้าที่จะทำอะไรมันส์ๆ มากขึ้น เช่น การสาดโค้งหนักๆ บนทางฝุ่น ซึ่งแน่ล่ะมันอาจจะมีอาการ “ท้ายขยับ” เล็กๆ ให้รู้สึกได้บ้าง แต่ก็ไม่มากพอจะทำให้เหงื่อชื้นมือ ด้วยเพราะอำนาจของการขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูง (4H) และอีกสารพัดตัวช่วยด้านความปลอดภัยอีกมากมายเป็นทัพเสริม
เราลองเปลี่ยนสถานที่ให้โหดขึ้นอีกนิด เพื่อลองใช้โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ (4L) ดูบ้าง ซึ่งก็พบว่าไม่มีปัญหาอะไร เว้นแต่ในบางจุดที่อาจะต้องใช้ทักษะการขับขี่ออฟโรดเข้ามาช่วยบ้าง แต่ก็ไม่ต้องถึงขั้น Advance อะไร เพราะแค่ระบบ Beginner บวกกับความสามารถของตัวรถ ก็ผ่านกันไปได้แบบสบาย
ส่วนในบางสถานการณ์ที่ต้อง “ลุ้น” กันเล็กๆ น้อยๆ ก็สรุปได้ว่าสิ่งเดียวที่ไม่เหมาะ คือ ยางติดรถที่เหมาะกับการขับขี่ทั่วไป ฉะนั้นถ้าใครอยากได้ขีดความสามารถเพิ่มเติม ก็คงต้องขยับไปเป็น All-Terrain หรือมากกว่านั้นจะเป็นการดีกว่า
แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็คิดว่าคงมี “น้อยคน” ที่จะทำการลุยเต็มพิกัดถึงขั้นต้องใช้โหมด 4L เพราะเอาจริงๆ แค่ 2 โหมดหลักๆ อย่าง 2H และ 4H ก็ตอบสนองการใช้งานส่วนใหญ่ได้มากเกินพอด้วยซ้ำ ทั้งในเรื่องของ สมรรถนะการขับขี่ ไปจนถึงการเสริมสร้างเสถียรภาพความมั่นคง และปลอดภัย และหากยังไม่พอ เราขอแนะนำว่าไปเปิดเว็บไซต์ หรือดิ่งไปโชว์รูมใกล้บ้านดู
จะได้รู้ว่านอกจากโครงสร้างตัวถัง FSF (Full Space Frame) แบบ Ultra-High Strength Body ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง Thermoforming Steel และวัสดุเหล็ก High Strength Steel ที่มีความแข็งแกร่งสูงมาเป็นส่วนประกอบแล้ว
เค้ายังมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับยุโรปเป็นอีกจุดเด่น โดยชื่อเรียกอย่างเป็นทางการก็คือ Advanced Synchronized Protection System ที่ประกอบด้วยรายชื่อระบบตัวช่วยต่างๆ ยาวเหยียด ไล่มาตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ไปจนสุดเพดานขั้นสูง
… และทั้งหมดนั้นมากพอจะให้คุณเชื่อรึยังครบว่า “คุ้ม” แค่ไหน สำหรับค่าตัวรุ่นท็อปสุดอย่าง MG EXTENDER 2.0 DC Grand 4WD X 6AT ที่จ่ายแค่เพียง 1,039,000 บาทเท่านั้น
Specification : MG EXTENDER 2.0 DC Grand 4WD X 6AT
- Price : 1,039,000 BHT
- Engine : 1,996 CC / Diesel / 4 Cylinder 16 Valve / Turbo / Intercooler 161 hp @ 4,000 rpm / 375 Nm @ 1,500-2,400 rpm
- Transmission : 6AT / Part – Time Four Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A, Top Speed @ N/A
- Weight : N/A