รีวิว ทดสอบรถ: Chevrolet Captiva คันที่เห็นอยู่นี้ มากับรหัส Premier ที่เคยเปิดตัวไว้ราคา 1,199,000 บาทก็เหลือเพียง 699,000 บาท เท่านั้น!
รีวิว ทดสอบรถ: Chevrolet Captiva เหลือเพียง 699,000 บาท เท่านั้น!
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
รีวิว ทดสอบรถ: Chevrolet Captiva
“หลังจากข่าวอำลาตลาดรถยนต์เมืองไทยแพร่สะพัด ตามมาด้วยการ “หั่น” ราคาขายปลีก จนทำให้ “ต่อคิว” ยาวกันแทบจะทุกโชว์รูม คือ สิ่งที่ทำให้เราสงสัยว่า … นอกจาก “ราคา” ที่ “โคตรคุ้ม” แล้ว ยังมีอะไรเด็ดให้น่าเป็นเจ้าของอีก”
เรียกได้ว่าเป็นเซอร์ไพรส์จากแบรนด์ Chevrolet อย่างแท้จริงหลัง ตั้งแต่การเปิดตัว รถอเนกประสงค์ All-New Captiva อย่างเป็นทางการ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 1 ล้าน (999,000 บาท) ขณะที่รุ่นท็อปสุดนั่นมีราคาอยู่ที่ 1,199,000 บาท เท่านั้น ขึ้นแท่นยนตรกรรมที่มีความคุ้มค่าที่สุดในตลาด
ก่อนจะข้ามมาสู่ปี 63 ท่ามกลางสถานการณ์อันสั่นคลอน ที่สุดท้ายกลายเป็นข่าวใหญ่ จากการโบกมืออำลาตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ต่อเนื่องด้วยการทิ้งระเบิดลูกใหญ่ในประเด็นการหั่นราคาลง 500,000 บาท ที่รวมถึงของใหม่ล่าสุดอย่าง Chevrolet Captiva จนทำให้ราคาของรุ่นเริ่มต้นถูกเคาะลงมาเหลือ 499,000 บาท ส่วนรุ่นท็อปสุดในสายอย่างคันที่เห็นอยู่นี้ มากับรหัส Premier ที่เคยเปิดตัวไว้ราคา 1,199,000 บาทก็เหลือเพียง 699,000 บาทเท่านั้น
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ Chevrolet Captiva ทุกรุ่นย่อย ถูกผู้บริโภคชาวไทยจับจองเป็นเจ้าของกันอย่างรวดเร็ว จนเกลี้ยงตลาดชนิดที่ว่าปัจจุบันเปิดเข้าไปหาใบราคาในเว็บไซต์ก็ไม่พบเห็น เหลือไว้แต่เพียง Colorado และ Trailblazer เฝ้าตลาดต่อไป จนกว่าจะมีใครมารับไปดูแล
เพราะงั้นเรากลับมาเข้าเรื่องดีกว่า เริ่มจากความ “คุ้มค่า” กับราคา 699,000 บาท จากเดิม 1,199,000 บาท ในรุ่นท็อปสุด Premier 7 ที่นั่ง ซึ่งน่าจะได้ออพชั่นทุกอย่างตามที่แคตตาล็อคระบุไว้ในรายละเอียดสเปค เช่น ไฮไลต์เด่น ๆ อาทิ ชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมระบบปรับระดับสูง-ต่ำ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights แบบ LED, ไฟตัดหมอกที่จัดมาให้ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง, กระจกมองข้างพับ และปรับระดับด้วยไฟฟ้า พร้อมสัญญาณไฟเลี้ยวแบบ LED
ไปจนถึงสปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED และหลังคาแบบ Panoramic Sunroof ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มรถกลุ่มเดียวกัน อีกทั้งตัวกระจกยังถูกเคลือบเพื่อป้องกันความร้อน และรังสียูวี โดยจะมาพร้อมม่านบังแดดอัตโนมัติ และระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch อีกด้วย
ส่วนภายในนี่ก็เรียกว่า “ดี” เลยทีเดียวกับออพชั่น “ท่วม ๆ” ที่ต้องว่ากันตั้งแต่รายละเอียดการตกแต่งจากวัสดุที่ให้สัมผัสนุ่มนวล พร้อมด้วยเบาะไฟฟ้าหุ้มหนังสังเคราะห์ปรับได้ 6 ทิศทางสำหรับผู้ขับขี่, พวงมาลัยหุ้มหนัง, ปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ Push Start และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Digital, หน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัสขนาด 10.4 นิ้ว
ตามด้วยระบบเครื่องเสียง Infinity by Harman รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน Bluetooth/AUX และ USB ตลอดจนระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร และความบันเทิง Chevrolet Link ที่สามารถแสดงผลจากสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ รองรับระบบการใช้งานโทรศัพท์แบบ Hand-Free ตลอดจนรองรับแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ไปจนถึงการแสดงผลจากกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ทั้งยังรวมไปคุณสมบัติของความเป็นรถอเนกประสงค์ที่หลายคนรู้จักกันดีกับความสามารถในการเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ … เพราะงั้นเราขอข้ามไปที่เรื่องของสมรรถนะอย่างรวดเร็ว
Chevrolet Captiva มากับขุมพลังที่ต่างจากเราเคยรู้จักโดยสิ้นเชิง ด้วยการหันไปคบหาเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบชาร์จ พิกัดเล็กเหลือเพียง 1.5 ลิตร โดยมีพละกำลังสูงสุด 143 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะใหม่ CVT 8 สปีด พร้อม Shiftting Control และทุกรุ่นย่อยนั้นจะมากับระบบขับเคลื่อน 2 ล้อเท่านั้น ไม่มีอีกแล้วเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อที่เคยรู้จัก
ส่วนระบบพวงมาลัยนั้นเป็นแบบ แร็คแอนด์พิเนี่ยน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง ด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Power Steering) โดยมีระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบมัลติลิงค์อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ปิดท้ายด้วยระบบเบรกที่จัดแบบดิสก์มาให้ทั้ง 4 ล้อ ซึ่งซ่อนอยู่เบื้องหลังล้ออัลลอยลายสปอร์ต สีทูโทนขนาด 17 นิ้ว
แล้วมาว่ากันต่อเรื่อง “สมรรถนะ” ที่บอกเลยว่าเรา “ไม่ชิน” เท่าไหร่ เพราะคุ้นเคยกับยุคสมัยแห่งตัวแรงขุมพลังดีเซลมากกว่า แต่หกลองเปิดใจให้กว้างจะพบว่า New Captiva สายพันธุ์ใหม่ กับขุมพลังเบนซิน เทอร์โบ ก็สามารถให้ความสนุกได้แบบไม่ขี้ริ้ว ขี้เหร่ แต่ก็ต้องสำหรับคนขับที่ไม่ได้ใจร้อนเกินไปนัก ชนิดที่ว่าเรียกมาต้องมา เพราะนิสัยของเค้าเน้นความนุ่มนวล มากกว่าอาการกระชากกระชั้น เหมือนยุคสมัยเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ที่ตอบโจทย์คนเท้าหนักได้ดีกว่า
หรือจะเรียกว่าเป็นการเปลี่ยนบุคลิกใหม่ เพื่อแสดงจุดยืนความเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวมากขึ้นก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองของพละกำลังที่เน้นความต่อเนื่อง นุ่มนวล ตลอดจนน้ำหนักพวงมาลัยที่คล้ายจะเบาไปนิดสำหรับสายขับ เช่นเดียวกับระบบช่วงล่าง ทั้งหมดดูเหมือนจะเน้นการตอบโจทย์กลุ่มคุณผู้หญิง หรือคุณผู้ชายสายเรียบร้อยเป็นหลัก ฉะนั้นบรรดาชายหนุ่มห้าวเป้งทั้งหลายที่คิดว่าจะได้ “มันส์” กับ New Captiva บอกเลยว่าอย่าคาดหวังเยอะ
ซึ่งถ้าไม่คาดหวัง และหันไปมองประเด็นอื่น โดยนำราคาเป็นตัวตั้ง เราว่า New Captiva รุ่นท็อป Premire กับค่าตัวลดแล้วเหลือ 699,000 บาท ถือว่าเป็นอะไรที่ “คุ้ม” สุด ๆ ในแบบที่สามารถควักเงินจ่ายแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เปรียบง่าย ๆ ก็เหมือนกับเราได้เป็นเจ้าของรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งอันกว้างขวาง นั่งสบายในทุกตำแหน่ง แถมด้วยฐานะรุ่นท็อปสุด ซึ่งจัดมาให้เต็ม ๆ ในเรื่องของออพชั่น
ขณะที่ “สมรรถนะ” แม้ไม่ได้จัดจ้าน เนื่องจากการปรับบุคลิกให้กลายเป็นรถครอบครัว แต่ก็สมน้ำสมเนื้อสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือจะเป็นรถเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็สามารถตอบสนองได้ไม่ว่าจะครอบครัวใหญ่ หรือครอบครัวเล็ก และที่สำคัญคุณยังได้มาตรฐานระบบความปลอดภัยที่เรียกได้ว่า “ครบ” สุด ๆ เพื่อให้ทั้งคุณ และครอบครัวได้อุ่นใจ และมั่นใจในทุก ๆ การเดินทาง
หรือถ้าหากคุณไปสอย New Captiva ตัวท็อปไม่ทัน ก็อย่าคิดมาก เพราะหากคุณเป็นคนที่ต้องการรถครอบครัวซักคันที่เน้นใช้งานเป็นหลัก และไม่ได้คาดหวังออพชั่นอำนวยความสะดวกสบายอะไรมากมายนักล่ะก็ จะตัวท็อป ตัวเริ่มต้น หรือตัวกลาง ก็ไม่สำคัญ … เพราะลองคิดดูสิครับว่าเงินในบัญชีที่ซื้อได้แค่ Eco Car แต่ครั้งนี้กลับมีโอกาสคว้ารถอเนกประสงค์คันใหญ่ได้ง่าย ๆ แบบเหลือเชื่อ จนคุณต้องร้องว่า “โอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีล่ะ บ๊อยบ่อย” เลยทีเดียว
Specification: Chevrolet Captiva
- Price: 699,000 BHT
- Engine: 1,451 CC / 4 Cylinder 16 Valve / Turbocharger 143 hp @ 5,000 rpm / 250 Nm @ 2,400 rpm
- Transmission: CVT / Front Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A, Top Speed @ N/A
- Weight: 1,630 Kg.