รีวิว ทดสอบรถ: Isuzu D-Max Hi-Lander แม้จะเป็นเวอร์ชั่นยกสูง Hi-Lander ที่มีภาพความดุดันสไตล์สายลุย แต่ก็ยังสื่อถึงความเร้าใจดุจรถสปอร์ต
รีวิว ทดสอบรถ: Isuzu D-Max Hi-Lander ดุดันสไตล์สายลุย เร้าใจดุจรถสปอร์ต
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
Isuzu D-Max Hi-Lander
“Isuzu D-Max Hi-Lander คือ หนึ่งในยอดขุนพลของทัพ “All-New Isuzu D-Max” ที่เปิดตัวใหม่ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเราว่านี่คือโมเดลที่ “ลงตัวที่สุด” สำหรับผู้ที่อยากได้ความ “เท่ห์” ประดุจรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความ “คุ้มค่า” กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน”
ปลายปีที่ผ่านมา บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดรถปิกอัพ ด้วยการเปิดตัว “All-New Isuzu D-Max” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “พลานุภาพ…พลิกโลก!” เพื่อสร้างมาตรฐาน “ยนตรกรรมที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” ด้วยผลงานความสมบูรณ์แบบล่าสุดจาก DNA แห่งการพัฒนาภายใต้แนวคิด Bold, Emotional and Smart เพื่อนำเสนอดีไซน์ใหม่ทุกมิติ ซึ่งเราคิดว่าผลงานชิ้นนี้แหละ คือ การแสดงตัวตนความเป็นยนตรกรรมของแบรนด์ Isuzu ได้ดีที่สุด
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เหตุผล แต่เกิดจากอารมณ์ล้วน ๆ ที่เมื่อมองรูปลัษณ์ของ “All-New Isuzu D-Max” แล้ว เรามักจะนึกถึงศิลปะที่มีการผสมผสานแนวทางแห่งยุโรป และเอเชีย เป็นอันดับแรก ตามมาด้วยการผลิดอกออกผลที่เกิดขึ้นบนตัวถัง อันเกิดจากการขยับขยายมิติให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ตามแนวคิด “Bold but Emotional” ที่มีความโดดเด่นด้วยเส้นสายที่พริ้วไหว ที่มอบให้ทั้งความรู้สึกปราดเปรียว และความรู้สึกทรงพลังแข็งแกร่ง ซึ่งทั้งหมดได้ผ่านการขัดเกลาด้านอากาศพลศาสตร์ ด้านการพัฒนา และการทดสอบที่เค้าว่ากันว่าเกิดขึ้นในอุโมงค์ลม Japan Railway Research Institute สถานที่ทดสอบรถไฟหัวกระสุนของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว
และด้วยงานดีไซน์ดังกล่าว ทำให้แม้จะเป็นเวอร์ชั่นยกสูง Hi-Lander ที่มีภาพความดุดันสไตล์สายลุยเป็นหลัก แต่ก็ยังสื่อถึงความเร้าใจดุจรถสปอร์ตได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผสมผสานกับออพชั่นมาตรฐานระดับไฮไลท์ที่จัดมาให้ เช่น ชุดไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED Projector พร้อมระบบเปิด – ปิด และระบบปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ
ตลอดจนชุดไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ Built-in Multifunctional Daylight ที่มาพร้อมไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED เช่นเดียวกับชุดไฟท้าย Dual-Sonic LED แบบ Clear Lens ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่น รับกับชุดกันชนท้ายแบบ Integrated Bumper ดีไซน์เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ชนิดที่เห็นแค่ด้านท้ายก็โดดเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกล ไม่ต่างกับด้านข้างที่ดุดันด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมความสปอร์ตจากไฟเลี้ยวแบบ LED ที่กระจกมองข้าง
ห้องโดยสารภายในได้รับการออกแบบใหม่ ภายใต้แนวคิด “Bold but Smart” ที่เน้นเส้นสายเฉียบคม
แต่ที่เราชื่นชอบก็คือ ออพชั่นอันเป็นไฮไลท์ที่จัดเต็มทุกความต้องการใช้งานตามหลัก Usability Design เช่น มาตรวัดแบบ Super Vision ที่มากับหน้าจอ Smart MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว, แผงควบคุมระบบปรับอากาศแบบ Piano Touch, พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง แบบ Tilt & Telescopic พร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่น ตลอดจนเบาะนั่งคู่หน้าที่สามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง สำหรับฝั่งคนขับ
อีกทั้งระบบความบันเทิงชุดใหญ่ที่มากับระบบ Isuzu Ultimate Entertainment ซึ่งประกอบด้วยหน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว ที่คมชัดระดับ HD พร้อมการรองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ส่งผ่านระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Dynamic Surround Sound ด้วยลำโพง 8 ตัว ตลอดจนระบบปรับอากาศอัตโนมัติใหม่แบบ Dual Zone ที่มาพร้อมช่องแอร์ สำหรับผู้โดยสารข้างหลัง ทั้งยังมีการมอบสุนทรียภาพในการขับขี่ ด้วยไฟส่องสว่างห้องโดยสารแบบ Vanity Mirror & Light ที่ดีงามขณะขับขี่เวลากลางคืน
แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญในเรื่องของออพชั่นความ “คุ้มค่า” เพราะนอกจากสิ่งมาตรฐานที่เรา ๆ ท่าน ๆ คุ้นเคยกันดีแล้ว ยังมี “ของใหม่” ที่ติดตั้งมาให้อีกด้วย อย่างระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensing Wiper พร้อม Integrated Wiper Blade ระบบฉีดน้ำบนก้านปัดแบบ Blade Type ที่ติดตั้งมาให้เป็นครั้งแรกในวงการรถปิกอัพ
พ่วงมาด้วยระบบกุญแจ Isuzu Genius Entry และระบบ Push Start พร้อมฟังก์ชั่น Remote Engine Start ซึ่งสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ด้วยกุญแจรีโมทในระยะ 20 เมตร, ทั้งยังเป็นครั้งแรกในวงการปิกอัพที่มีการติดตั้งกระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut เพื่อช่วยกรองรังสีอินฟราเรด, ป้องกันรังสี UVA และ UVB ที่รวมถึงการช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสาร ตามด้วยการเสริมความอุ่นใจจากเทคโนโลยีต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งที่ถูกใจเราที่สุดก็ต้องยกให้กับระบบ High Efficiency Filter หรือ ระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสารที่สามารถดักฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM2.5 เลยทีเดียว
สำหรับสมรรถนะของ Isuzu D-Max Hi-Lander ที่อยู่กับเราในวันนี้ คือ สายท็อปสุดที่มากับขุมพลังอีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ใหม่ รหัส 4JJ3-TCX ที่มากับเทคโนโลยีดีเซลล่าสุดอันสมบูรณ์แบบ เสริมด้วยระบบ E-VGS TURBO หรือ เทอร์โบแปรผันปรับไฟฟ้า ทำกำลังสูงสุดมาให้ใช้ที่ 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่มาพร้อมโหมดขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic
ภายใต้การออกแบบโครงสร้างตัวถัง และแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดในชื่อ “Isuzu Dynamic Drive Platform” ที่ผสานการทำงานของโครงสร้างตัวถังเสริมเหล็ก Ultra-High Tensile ตามด้วยแชสซีส์ใหม่ขนาดใหญ่ที่รองรับแรงบิดได้สูงขึ้นอีก 23% บนพื้นฐานช่วงล่างด้านหน้าใหม่แบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone with Coil Spring และด้านหลังแหนบยาวแบบ Long Span ให้ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่ง
ทั้งยังรวมถึงการวางตำแหน่งเครื่องยนต์, การวางตำแหน่งห้องโดยสาร และแชสซีส์, การปรับแต่งระบบควบคุมของพวงมาลัยใหม่ ซึ่งทั้งหมดรวมกันเพื่อสร้างสรรค์ให้ Isuzu D-Max Hi-Lander ก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยพลานุภาพใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด และนั่นเป็นสิ่งที่เรากำลังจะพิสูจน์กัน
เราก้าวขึ้นห้องโดยสารเพื่อประทับร่างลงในตำแหน่งคนขับขี่ ซึ่งด้วยความที่ติดสไตล์การขับขี่แบบรถสปอร์ตที่ต้องกดเบาะนั่งลงต่ำเป็นพื้นฐาน แต่ Isuzu D-Max Hi-Lander ก็ตอบรับได้อย่างดี รวมถึงระบบพวงมาลัยที่ปรับได้แบบ Tilt & Telescopic ที่ทำให้การจัดที่จัดทางของตำแหน่งเบาะนั่งให้เข้ากับความถนัดของตัวเองเป็นเรื่องง่าย และสามารถทำได้แบบสบาย ๆ
ส่วนอารมณ์ในการขับบอกเลยว่าแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อกดคันเร่งจากจุดหยุดนิ่ง ซึ่งมีแรงบิดระดับ 450 นิวตันเมตรแสดงแสนยานุภาพ ในการส่งตัวเองออกจากจุดหยุดนิ่งได้อย่างสะใจ ในการเดินเครื่องสู่ความเร็วเดินทางได้อย่าง แต่ทว่ามีความนุ่มนวลด้วยอัตราการส่งกำลังของชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดลงสู่ล้อหลัง ซึ่งรับหน้าที่ขับเคลื่อน โดยถ้าหากยังสร้างความมันส์ได้ไม่เพียงพอฟังก์ชั่น Rev Tronic ที่จัดมาให้ คือ กุญแจไขความลับ ที่จะแปรเปลี่ยนบุคลิกของ Isuzu D-Max Hi-Lander ให้สะใจยิ่งขึ้น
จนคุณนึกว่ากำลังนั่งอยู่ในรถอเนกประสงค์สมรรถนะสูง ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ในรถปิกอัพแบบขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง เนื่องด้วยเพราะทัศนวิสัยเบื้องหน้ามีความชัดเจนไม่ต่างกัน และเอื้ออำนวยให้คุณสามารถคาดคะเนสถานการณ์เบื้องหน้าได้อย่างง่ายดาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องไม่ลืมว่านี่ คือ รถปิกอัพ ที่มี “ความยาว” ตัวรถ เป็นส่วนประกอบสำคัญ และเมื่อนั้นคุณจะแสดงพลานุภาพของ Isuzu D-Max Hi-Lander ให้เพื่อนร่วมท้องถนนได้เห็นเต็ม 2 ตา
โดยนอกจากความปราดเปรียวที่สามารถแสดงออกขณะใช้ความเร็วแล้ว คุณยังสามารถแสดงความแข็งแกร่ง น่าเกรงขามได้ง่าย ๆ ขณะเคลื่อนกายด้วยความเร็วต่ำ เพื่ออวดเรือนร่างที่ได้รับการออกแบบมาได้อย่างใกล้เคียงกับโมเดลสายลุยเวอร์ชั่น 4×4 อีกด้วย และนี่แหละคือสิ่งที่เรามองว่าเป็นความ “คุ้มค่า” ด้านอารมณ์ … โดยต้องไม่เลยเถิดลืมตัวว่าเป็นสายลุย 4×4 บ้าจี้ตามเพื่อนไปจริง ๆ นะ เพราะไม่งั้นล่ะก็ได้ “เศร้า” และ “เหงา” อยู่กลางป่าแน่ ๆ
Specification: Isuzu D-Max Hi-Lander
- Price: 1,054,000 BHT
- Engine: 2,999 CC / Diesel Turbo / 4 Cylinder 16 Valve 190 hp @ 3,600 rpm / 450 Nm @ 1,600-2,600 rpm
- Transmission: 6A/T / Rear Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A, Top Speed @ N/A
- Weight: 1,920 Kg.