รีวิว ทดสอบรถ: MG Extender งานออกแบบที่ยังคงสืบทอดแนวคิด BRIT Dynamic ผ่านความสะดุดตาของชุดกระจังหน้าแบบโมเดิร์นดีไซน์ อันเป็นเอกลักษณ์ของ MG
รีวิว ทดสอบรถ: MG Extender “สมาร์ทปิคอัพ” รุ่นท็อปสุด 4 ประตู (Double Cab)
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
MG Extender
“หลังจากจากนำร่องด้วย Sedan และ SUV จนมั่นใจ ก็ถึงเวลารุกคืบครั้งใหม่ ส่ง MG Extender เปิดตัวในฐานะรถกระบะรุ่นแรกของค่าย ที่คล้ายกับเป็นสิ่งยืนยันความเอาจริง เอาจัง ในการทำตลาดเมืองไทยของค่าย MG”
MG Extender คือ ผลงานจาก บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์–ซีพี จำกัด และบริษัทเอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ซึ่งสร้างกระแสฮือฮาระลอกใหญ่นับตั้งแต่ปล่อยข่าว จนกระทั่งมาถึงการเผยโฉมตัวเป็น ๆ ให้ชาวไทยได้เห็น พร้อมราคาที่เอื้อมถึงได้ตั้งแต่ 549,000 บาท ถึง 1,029,000 บาท
ความโดดเด่นของ MG Extender ไม่ได้มีเพียงเรื่องของความ “สด” ของฐานะ “น้องใหม่” ในตลาดเมืองไทยเท่านั้น แต่ความน่าสนใจนั้นว่ากันตั้งแต่ “ขนาด” ที่ใหญ่โต โดยเฉพาะกับรุ่นท็อปสุด 4 ประตู (Double Cab) ที่กำลังประจันหน้าเราอยู่ในขณะนี้ เพื่อโชว์อารยธรรมงานออกแบบที่ยังคงสืบทอดแนวคิด BRIT Dynamic ผ่านความสะดุดตาของชุดกระจังหน้าแบบโมเดิร์นดีไซน์ อันเป็นเอกลักษณ์ของ MG ประกบอย่างลงตัวกับขนาดของชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED ที่มากับชุดไฟ Daytime Running Lights ในโคมเดียวกัน
ส่วนมุมมองด้านข้าง และด้านหลังก็ดุดันใช่ย่อย จากงานดีไซน์ยนตรกรรมสายลุย ที่มาพร้อมองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่ลงตัวกับชุดบันไดข้าง สำหรับเพิ่มความสะดวกในการขึ้น-ลง ตลอดจนด้านหลังที่ให้ความรู้สึกบึกบึน กับงานออกแบบชุดกันชนท้าย และชุดไฟท้ายในรูปทรงแนวตั้ง พร้อมตราโลโก้แบรนด์ MG ขนาดใหญ่ประทับกึ่งกลางบานฝาท้าย
และจากงานดีไซน์ภายนอก เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าเกิดความรู้สึกอยาก “ชม” ภายในห้องโดยสารมากแค่ไหน ฉะนั้นเราจึงไม่รอช้าที่จะคว้ากุญแจแบบ Smart Key เพื่อปลดล็อคทันที ซึ่งสิ่งแรกที่รู้สึกได้ก็คือ “ความกว้างขวาง” ผสมอารมณ์ความรู้สึกแข็งแกร่งด้วยโทนสีเข้ม และติดหรูเบา ๆ ด้วยวัสดุแบบ Soft Touch สอดแทรกความสปอร์ตเข้าไปที่การออกแบบชุดมาตรวัด เพื่อช่วยเพิ่มความเร้าใจขณะขับขี่ได้ดี
เช่นเดียวกับบรรดาออฟชั่นมาตรฐานที่จัดมาให้แบบไม่มีขาดตกบกพร่อง ตั้งแต่ เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมเบาะหลังพับได้, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว, ปุ่ม Push Start, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
และขาดไม่ได้เลยกับไฮไลท์สุดล้ำที่ทำให้ Extender ได้รับฉายาว่า “สมาร์ทปิคอัพ” กับการติดตั้งระบบ i– SMART มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยระบบที่ว่าจะประกอบไปด้วยฟังก์ชัน SMART Command สั่งการด้วยเสียงภาษาไทย สำหรับการโทรออก เปิด-ปิด หรือควบคุมระบบปรับอากาศ, หน้าต่างฝั่งคนขับ ตลอดจนวิทยุภายในรถ หรือการค้นหาจุดน่าสนใจ โดยสามารถสั่งการได้ทั้งจากบนหน้าจอทัชสกรีนในรถ หรือบนสมาร์ทโฟนผ่าน MG Mobile Application
ฟังก์ชัน SMART Connect สำหรับการเชื่อมต่อเพื่อให้สามารถเลือกฟังเพลงผ่าน Online Music ไปจนถึงการค้นหาร้านอาหาร, ที่พัก เรียกดูข้อมูลข่าวสาร และเหตุการณ์ปัจจุบันจากเว็บไซต์ได้จากบนหน้าจอในรถ แถมด้วยฟังก์ชัน SMART Check ยกระดับความมั่นใจในการตรวจเช็ครถ จากสั่งล็อค หรือปลดล็อค, ตรวจสอบตำแหน่ง, ค้นหารถ, แจ้งความผิดปกติ หรือแจ้งสถานะการทํางานของรถ รวมถึงระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะอีกด้วย … เรียกได้ว่าออฟชั่นของ Extender ที่เค้าจัดมา คงทำให้หลายคนนึกว่ากำลังใช้งานยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยมหรู ๆ ขึ้นมาเลยก็ว่าได้
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะอีกหนึ่งความประทับใจของ Extender เกิดจาก “สมรรถนะ” ของเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น ที่ขนาดไม่ได้ใหญ่โตมากมาย เพราะใช้แค่พิกัด 2.0 ลิตร เสริมความแรงด้วยเทอร์โบแปรผัน แต่กลับสร้างพละกำลังสูงสุดได้ถึง 161 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดในระดับ 375 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,500 – 2,400 รอบต่อนาที
ส่งถ่ายกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งเพิ่มอรรถรสการขับขี่ ด้วยฟังก์ชันปรับรูปแบบให้เลือกระหว่าง Eco และ Power แถมครั้งนี้เราอยากลองขับขี่แบบใช้งานในเมืองเป็นหลัก ก็เลยเลือกที่จะจับคู่กับเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 2 ล้อ เพราะดูท่าแล้วน่าจะเหมาะกว่าเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) … ว่าแล้วก็ไปกันเลยดีกว่า
เริ่มจากอารมณ์เบา ๆ ด้วยการปรับความคุ้นเคย ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าไม่ยาก ด้วยลักษณะของมุมมอง, ความรู้สึก ทัศนวิสัยที่ใกล้เคียงกับรถปิคอัพยกสูงที่คุ้นเคยทั่วไป และหลังจากที่อะไรหลาย ๆ อย่างเข้าที่ เข้าทาง การบรรเลงความมันส์บนคันเร่งก็เริ่มขึ้น เพื่อพบความเจ้าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ดีเซล เทอร์โบ นั้นทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะ “แรงดึง” ในรอบต่ำ ที่กดคันเร่งสั่งการได้ฉับไว ทำให้ข้อจำกัดของความเป็นรถขนาดใหญ่น้อยลง และเอื้ออำนวยให้การใช้งานชีวิตประจำวัน หรือใช้งานในเมืองเป็นเรื่องง่าย แถมยังช่วยสร้างความสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้นอีกด้วย
แต่ขณะเดียวกัน “ความสนุก” อย่างที่ว่ามาดันอยู่กับเราไม่นาน เพราะหากลอยลำมากกว่าระดับ 70-80 กม./ชม. ขึ้นไป รสชาติแซ่บซ่าส์ของ Extender จะเริ่มจืดจางลงไป จากที่เคยดีดดิ้นในช่วงความเร็วต่ำ ก็เริ่มดื้อรั้นจนต้องใช้คันเร่งมากขึ้น ในการสั่งงาน ฉะนั้นสายซิ่งที่ต้องการงานด่วนรวดเร็ว โปรดใจเย็นลงนิด เพราะเค้าแค่เริ่มจืดจาง แต่ก็ใช่ว่าจะเฉยชาต่อคำสั่ง
หากแต่เราเรียกว่าเป็นบุคลิกที่เน้นการ “ใช้งานทั่ว ๆ ไป” ด้วยการทำตัวเป็น “รถเดินทาง” มากกว่าการ “ซิ่ง” แถมบุคลิกความเป็น “รถเดินทาง” ก็สามารถทำออกมาได้ดี โดยมีระบบส่งกำลังที่ตอบสนองได้อย่างต่อเนื่อง ลื่นไหล ทำให้ขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียว
จุดที่เราชอบสุด คงหนีไม่พ้นระบบช่วงล่างที่สื่อสารอารมณ์ความเป็นยนตรกรรมของแบรนด์ MG ได้ดี โดยใช้พื้นฐานแบบอิสระปีกนกคู่ในด้านหน้า และแหนบแบบซ้อนแผ่นในด้านหลัง ผสมผสานออกมาเป็นอารมณ์ที่มีทั้งความนุ่มนวล และหนักแน่น ที่ให้ความมั่นใจได้ดีแม้จะขับขี่ด้วยความเร็วสูง … โดยจะมีข้อติเบา ๆ ก็คือในเรื่องของน้ำหนักพวงมาลัยแบบ แร็คแอนด์พิเนียน ผ่อนแรง ด้วยไฮดรอลิค ที่ออกจะ “เบา” ไปนิด สำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ขณะที่ในความเร็วต่ำเราถือว่าจัดมาให้ในระดับที่ดี เพราะช่วยได้มากในเรื่องของการสร้างความคล่องตัว
ปิดท้ายด้วยเรื่องของความมั่นใจ บอกได้เลยว่า “หายห่วง” เพราะว่ากันตั้งแต่ โครงสร้างตัวถังแบบ FSF (Full Space Frame) แบบ Ultra-High Strength Body ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง Thermoforming Steel ในบริเวณเสา A ไปจนถึงเสา B ด้วยวัสดุเหล็ก High Strength Steel ที่มีความแข็งแกร่งสูง
พร้อมจุดเด่นอย่างระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System ซึ่งประกอบด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Braking System), ระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist), ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution), ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ตลอดจนระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System) ไปจนถึงอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง พร้อมเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับ พร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ พร้อมทั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง, สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า และด้านหลัง, กล้องมองหลัง, ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer และระบบตรวจสอบความผิดปดติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
และด้วยรายละเอียดทั้งหมด บวกกับประสบการณ์หนึ่งวันเบา ๆ กับเจ้า MG Extender ครั้งนี้ ทำให้เรารู้สึกได้ถึง “ความไม่ธรรมดา” ของค่าย MG ที่พยายามจะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตลาดรถปิคอัพเมืองไทย ซึ่งในเรื่องของโปรดักส์ที่มีการพัฒนามาถึงระดับนี้ เราเองมองว่าน่าจะไม่ใช่ปัญหาอะไร แถมน่าจะถูกใจลูกค้าชาวไทยที่ชอบอะไรล้ำ ๆ หรือมากด้วยออฟชั่นความสะดวกสบาย ๆ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็คือความน่าห่วงในเรื่องของค่าใช้จ่ายสำหรับการบำรุงรักษา แล้วก็ความทนทาน ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของผู้ใช้รถปิคอัพเมืองไทย ซึ่งค่าย MG น่าจะต้องเก็บเอาไปคิดเพิ่ม
Specification: MG Extender
- Price : 879,000 BHT
- Engine : 1,996 CC / Diesel / 4 Cylinder 16 Valve / Turbo / Intercooler 161 hp @ 4,000 rpm / 375 Nm @ 1,500-2,400 rpm
- Transmission : 6AT / Rear Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A, Top Speed @ N/A
- Weight : N/A