รีวิว ทดสอบรถ: MG HS ออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทย ในฐานะตัวแทนรุ่นพี่ MG GS เพื่อสร้างนิยามใหม่ของรถอเนกประสงค์ ให้เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้น
รีวิว ทดสอบรถ: MG HS สร้างนิยามใหม่ของรถอเนกประสงค์เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้น
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
“การมาของ MG HS ในฐานะตัวแทนรุ่นพี่อย่าง MG GS รถอเนกประสงค์ SUV ที่มีผลงานยอดเยี่ยมในบ้านเรา คือ บททดสอบที่หนักหนาสาหัสเอาการ … แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะเราลองมาแล้ว และมันทำได้สบาย”
MG HS คือ อีกหนึ่งผลงานล่าสุดที่ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เปิดตัวออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทย ในฐานะตัวแทนรุ่นพี่ MG GS เพื่อสร้างนิยามใหม่ของรถอเนกประสงค์ SUV ให้เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้น ภายใต้แนวคิด “Elegance” ที่นำเสนอความโดดเด่น ตั้งแต่มิติตัวถังขนาดกะทัดรัด ประกอบด้วยความยาว 4,574 มม. ความกว้าง 1,876 มม. และความสูง 1,664 มม. วางตัวบนความยาวฐานล้อ 2,720 มม. และความกว้างแทรคล้อหน้า 1,573 มม. ล้อหลัง 1,584 มม.
ตามด้วยงานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่ว่ากันด้วยเส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line ที่โค้งมน พร้อมการแต่งเติมรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ชุดกระจังสไตล์เฉพาะของ MG ในแนวคิด “Stella Magnetic Field” ที่มีแรงบันดาลใจมาจากกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่ดึงดูดเข้าหากัน เสริมความสะดุดสายตาด้วยชุดไฟหน้าแบบ LED Projector และไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
ขณะที่ด้านหลังหล่อเหลาด้วยชุดไฟท้ายแบบ Space Light Field ที่รวมไปถึงในชุดไฟเลี้ยวด้านหน้า และด้านหลัง ซึ่งสามารถแสดงผลไล่ระดับแบบ Sequential สร้างความโดดเด่นให้คุณไม่เหมือนใครในท้องถนน ก่อนจะปิดท้ายด้วยส่วนของล้ออัลลอย ซึ่งรุ่นท็อป (X) แบบพระเอกของเรานั้นมากับขนาด 18 นิ้ว
เปิดประตูก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร เพื่อพบเจอกับความเซอร์ไพรส์ในงานดีไซน์ จากหลากหลายองค์ประกอบ เช่น เส้นสายโค้งมนที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้สอดรับ และลงตัวกับสรีระ เพื่อเติมด้วยรายละเอียดลูกเล่นอันน่าตื่นตา ตื่นใจ ทั้งจากงานออกแบบสไตล์การเล่นระดับ, การเลือกใช้วัสดุแบบ Soft Touch บริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตู ขณะที่ตัวท็อปที่อยู่กับเรานั้นจัดความพรีเมี่ยมมาให้ ด้วยเบาะนั่งคู่หน้าสไตล์สปอร์ตทรง Bucket Seat หุ้มด้วยวัสดุหนัง Alcantara แถมปรับด้วยระดับไฟฟ้า
ทั้งยังมีออพชั่นยกระดับความหรูอีกมากมาย อาทิ กุญแจระบบ Smart Key และปุ่ม Push Start, หลังคาแบบ Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ถึง 1.1 ตารางเมตร, ไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่สามารถฉายแสงต้อนรับเมื่อเปิดประตู รวมถึงโทนแสงภายในห้องโดยสารที่ปรับได้ถึง 64 เฉดสี ตลอดจนสามารถปรับเปลี่ยนได้อัตโนมัติตามโหมดการขับขี่ ไปจนถึงหน้าจอมาตรวัดแบบ Interactive Multi–Function Display สำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ส่วนระบบความบันเทิง และระบบนำทาง มาพร้อมหน้าจอหลักแบบ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว ที่สามารถควบคุมได้ทั้งจากบนหน้าจอ และจากบนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ซึ่งมีไฮไลท์เป็นระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เอกสิทธิ์เฉพาะผู้ใช้รถยนต์ MG ที่ช่วยยกระดับฐานะให้เทียบเท่า หรือใกล้เคียงกับเหล่ายนตรกรรมแบรนด์หรูในตลาด ด้วยความสามารถในการช่วยให้ผู้ขับขี่ และรถสื่อสารกันได้ผ่านโปรแกรม Smart Command ที่ใช้งานง่ายดายจากโปรแกรมการสั่งงานฟังก์ชันต่าง ๆ ด้วยเสียงภาษาไทย เช่น การโทรออก, ระบบเครื่องเสียง, ระบบปรับอากาศ, ระบบเปิด-ปิดหน้าต่างฝั่งคนขับ และระบบเปิด-ปิดหลังคาซันรูฟ ไปจนถึงค้นหาจุดที่น่าสนใจ (Point Of Interest) ผ่านระบบนำทาง Navigator
ทั้งยังรวมถึงสั่งการระบบต่าง ๆ ผ่าน MG Mobile Application จากสมาร์ทโฟนด้วยโปรแกรม Smart Connect เช่น การค้นหาเพลงฮิตผ่าน Online Music, ค้นหาร้านอาหารเด็ด, สถานที่ท่องเที่ยว และโรงแรม จนถึงการแสดงผลการจราจร, การอัพเดตข่าวสารในปัจจุบันบนหน้าจอในรถ ไปจนถึงสร้างความมั่นใจด้วยโปรแกรม Smart Check เพื่อตรวจสอบสถานะ, ตรวจเช็ครถ, สั่งการล็อก หรือปลดล็อกประตูรถ, ตรวจสอบตำแหน่งรถ หรือกระทั่งแจ้งเตือนเมื่อพบสิ่งผิดปกติ จนถึงช่วยค้นหาศูนย์บริการ และบันทึกการดูแลรักษาตามระยะผ่าน MG Mobile Application
และนอกจากเทคโนโลยีสุดล้ำที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตปัจจุบันให้ง่ายดายขึ้นแล้ว MG HS ยังมาพร้อมกับความอเนกประสงค์ในสไตล์ยนตรกรรม SUV ด้วยเบาะนั่งด้านหลังพร้อมที่วางแขน และสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรจุสัมภาระ จับคู่กับฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า (Electric Liftgate) ที่บอกได้เลยว่าเป็นคุณสมบัติซึ่งตรงใจกับพ่อบ้าน แม่บ้านสายช้อปปิ้งอย่างแน่นอน
แต่สำหรับเรา ทั้งความสวยงามของงานดีไซน์ และอรรถประโยชน์ใช้สอย เพียงแค่นั้นยังถือว่าไม่มากพอ เพราะขาดส่วนสำคัญอย่าง “สมรรถนะ” ไปไม่ได้ โดย MG HS นั้นกับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ซึ่งให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด สู่ล้อขับเคลื่อนคู่หน้า
ที่มาพร้อมฟังก์ชันการอัพเกรดความเร้าใจ ผ่านปุ่มปรับโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือก 4 รูปแบบ คือ Normal, Eco, Sport และ Custom เพิ่มเติมด้วยปุ่ม Super Sport บนพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียนควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) และระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut และด้านหลังแบบ Multi-link ที่ได้รับการปรับเซ็ทใหม่ เพื่อรับมือกับการขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย บนพื้นฐานสไตล์ Euro Tuning Suspension
ซึ่งประเด็นคือ อารมณ์ของช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension นั่นแหละ คือ ความน่าหลงใหลของยนตรกรรมจากแบรนด์ MG ที่เราเคยสัมผัส และยอมรับมาแล้วจากหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นสายรถยนต์นั่ง Sedan พันธุ์สปอร์ต หรือ รถอเนกประสงค์สายหรู ก็ตาม
และอารมณ์ที่ว่าก็คือ ความหนักแน่น นุ่มหนึบ ในแบบฉบับรถยุโรป ซึ่งสายที่ชอบความนุ่มนวลอาจจะรู้สึกไม่ Enjoy เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะในความเร็วต่ำ ขณะที่ในความเร็วสูงจะแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกมั่นคง ที่สำหรับเราบอกเลยว่า “ถูกจริต” เช่นเดียวกับขุมพลังเบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่มีเซอไพรส์ให้แปลกใจในเรื่องการตอบสนอง ซึ่งถือว่าทำได้ดีเกินคาด แม้จะมีอาการ “รอ” เบา ๆ ช่วงออกตัวบ้าง แต่หลังจากลอยลำก็ทำให้เรา Happy และรู้สึกได้ถึงความเพียงพอต่อการใช้งานในเมือง หรือนอกเมืองในวันหยุดพักผ่อนได้สบายๆ
โดยส่วนหนึ่งต้องขอบคุณระบบส่งกำลังอัตโนมัติ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด ที่บอกเลยว่ามีการพัฒนามาได้ดีมาก ๆ สัมผัสได้ถึงการถ่ายทอดกำลังจากเกียร์ต่อเกียร์ได้อย่างไหลลื่น ไม่แสดงอาการสะดุดออกมาให้เสียอารมณ์ซักเท่าไหร่ … ซึ่งเราเดาว่าจะเป็นการนำเสนอบุคลิกของการเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวให้ชัดเจนมากขึ้น แต่ก็แอบมีความสนุกให้พ่อบ้านบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราหมายถึงโหมด Super Sport นอกจากเหนือโหมดปกติพื้นฐาน ที่มันสามารถอนุญาตให้คุณลากรอบ เพื่อสร้างความมันส์ในอารมณ์เพิ่มขึ้น
และสุดท้ายสำหรับ MG HS ในเรื่องของ “สมรรถนะ” จะถูกจริตใคร หรือไม่อย่างไร เราแนะนำให้ไปลองกันเองดีกว่า แต่ถ้าถามถึงความ “คุ้มค่า” เราสามารถบอกได้ว่านี่คือ “เบอร์ต้น” ในเมืองไทย เอาง่าย ๆ แค่เรื่อง “ออพชั่น” ครบ ๆ กับค่าตัวขนาดนี้ คุณจะไปหาได้จากที่ไหน ถ้าไม่ใช่ MG
Specification: MG HS
- Price: 1,119,000 BHT
- Engine: 1,490 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / Turbocharged 162 hp @ 5,600 rpm / 250 Nm @ 1,700-4,400 rpm
- Transmission: 7AT / Front Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A Sec, Top Speed @ N/A
- Weight: 1,570 Kg.