TorqueThailand.com
รีวิว ทดสอบรถ: JAGUAR i-PACE EV400 AWD HSE (Compact SUV) EV คันแรกในประวัติศาสตร์ของ Jaguar ให้กำลังสูงสุดถึง 400 แรงม้า
รีวิว ทดสอบรถ: JAGUAR i-PACE EV400 AWD HSE (Compact SUV)
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
Jaguar i-Pace
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่, ตัวถังอลูมิเนียม, คุณภาพสูงทุกกระเบียดนิ้ว บวกด้วยสมรรถนะระดับสปอร์ตคาร์ i-Pace คือยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคตที่ถูกส่งผ่าน Time Machine กลับมาให้คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันนี้
เสียง “วี๊ดดดดดดดดดด…” จากมอเตอร์ไฟฟ้าดังขึ้นมาขณะเหยียบคันเร่งจนมิดพื้น แรงบิดมหาศาล 696 นิวตันเมตร ที่มีให้ใช้เต็มพิกัดตั้งแต่ออกตัว ร่วมด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ฉุดให้ตัวคุณถูกกดแน่นติดกับเบาะ พร้อมกับทัศนวิสัยรอบด้านที่พุ่งเข้าหา และจากคุณไปอย่างรวดเร็วราวกับกำลังวาร์ปข้ามมิติ
i-Pace สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.8 วินาที ซึ่งนั่นเทียบเท่ากับอัตราเร่งของ Jaguar XK R รถสปอร์ตคูเป้ร่วมค่าย ที่ใช้เครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร พ่วงซูเปอร์ชาร์จ เลยทีเดียว!
Jaguar i-Pace ชี้ให้เห็นทิศทางอันควรจะเป็นของรถพลังงานไฟฟ้าได้อย่างเห็นภาพชัดเจนที่สุดก็ว่าได้ มันคือ EV คันแรกในประวัติศาสตร์ของ Jaguar พวกเขาเลือกรูปทรงแบบ Compact SUV ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะรถประเภทนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีแนวโน้มที่จะยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
รูปโฉมโดยรวมแทบจะไม่ผิดเพี้ยนไปจากเมื่อครั้งที่มันยังเป็นรถต้นแบบ จะเห็นว่าส่วนหน้าของรถลาดต่ำกว่าปกติวิสัยของรถประเภทนี้ เหตุเพราะไม่จำเป็นต้องเผื่อพื้นที่ให้กับเครื่องยนต์อีกแล้ว ใต้ฝากระโปรงจึงกลายเป็นช่องเก็บสัมภาระขนาดกะทัดรัดแทน
ที่น่าทึ่งก็คือ 94% ของรถทั้งคันเป็นอลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนัก และการเกิดสนิม อย่างไรก็ตาม น้ำหนักรวมของ i-Pace ก็ยังอยู่ในพิกัด 2 ตันอยู่ดี เนื่องจากต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน ที่มีขนาดใหญ่ถึง 90 kWH ที่ติดตั้งไว้ด้านล่างช่วงกลางของตัวรถ
ด้วยตำแหน่งของแบตเตอรี ทำให้มันต้องไปเบียดเบียนพื้นห้องโดยสาร เบาะนั่งจึงอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งอาจมีผลกับผู้ที่ตัวสูงเกินกว่า 175 ซม. คันของเรามาพร้อมกับออปชั่นแบบ “จัดเต็ม” และนั่นรวมถึงเบาะนั่งแบบเดียวกับรุ่น F-Type สปอร์ตคาร์จากแบรนด์เดียวกัน
แน่นอนว่ามันกระชับลำตัวคุณยิ่งขึ้น และคุณจะต้องประหลาดใจในความสบายแม้ต้องนั่งเป็นเวลาหลาย ๆ ชั่วโมงก็ตาม เช่นเดียวกับเบาะหลังที่มีเนื้อที่โดยรอบกว้างขวางน่าพอใจ ข้อเท็จจริงก็คือ แม้ว่า i-Pace จะมีขนาดตัวถังสั้นกว่า F-Pace รถ SUV รุ่นใหญ่ อยู่ 50 มม. แต่มันมีฐานล้อยาวกว่าถึง 130 มม.
บวกด้วยการจัดวางเบาะคู่หน้าให้เยื้องไปด้านหน้ารถมากกว่าปกติ คุณจึงได้พื้นที่ในห้องโดยสารโอ่อ่ากว่าตามไปด้วย คุณภาพวัสดุ และการประกอบนั้นยอดเยี่ยมมาก ประณีตบรรจง, ให้ความรู้สึกหรูหรา และมีดีไซน์ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันงดงาม
นอกจากนั้น ยังมาพร้อมกับระบบไฮเทคครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ อาทิ เตือนออกนอกเลนพร้อมดึงกลับอัตโนมัติ, เตือนจุดอับสายตา, Head-up Display, ครูสคอนโทรลแบบ Adaptive เป็นต้น
รวมไปถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น เครื่องเสียงรองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, พาโนรามิกรูฟ และอื่น ๆ อีกยาวเป็นหางว่าว
นอกจากนั้น คุณยังสามารถเช็คสถานะการชาร์จไฟ, ล็อก/ปลดล็อก ประตู, เปิด/ปิด กระจกหน้าต่าง, พับ/กางกระจกมองข้าง, ค้นหารถ, เปิดระบบปรับอากาศ และอื่น ๆ ได้ผ่านสมาร์ตโฟน รวมถึง Apple Watch, Android Wears เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “Jaguar Remote” เข้าไปเท่านั้น
ล่างสุดของคอนโซลที่เชื่อมต่อไหลลื่นมาจากแดชบอร์ด เป็นศูนย์รวมของปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อน และไดนามิกส์ เนื่องจากเป็นเกียร์แบบซิงเกิลสปีด สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่เลือกกดไปที่ปุ่ม P, R, N หรือ D
ในกรณีของเราที่พร้อมแล้วสำหรับการทดลองขับ… i-Pace มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหนึ่งสำหรับล้อคู่หน้า และอีกตัวสำหรับคู่หลัง ทำงานร่วมกัน นั่นหมายถึงมันเป็นรถแบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลที่ 696 นิวตันเมตร
จะมีให้ใช้เต็มพิกัดตั้งแต่เริ่มกดคันเร่ง Jaguar เคลมว่าแบตเตอรี่ขนาด 90 kWH สามารถวิ่งได้มากกว่า 400 กม. และใช้เวลาเพียง 40 นาที ในการชาร์จจาก 0-80% ด้วยชาร์จเจอร์ DC 100 kW (ประมาณ 15 นาที ต่อการขับใช้งานระยะทาง 100 กม.) และ 10 ชั่วโมง หากคุณชาร์จที่บ้านผ่าน AC Wallbox ขนาด 7 kW (ประมาณ 60 นาที ต่อระยะทาง 35 กม.)
บนมอเตอร์เวย์ การเก็บเสียงทำได้อย่างดีเยี่ยมแม้จะใช้ความเร็วสูงมาก ๆ ก็ตาม ช่วงล่างที่มาพร้อมกับถุงลม และช็อคอับแบบ Adaptive ทำงานร่วมกันได้อย่างน่าประทับใจ นุ่มนวลทั้งยังมั่นคงอีกด้วย
พวงมาลัยตอบสนองฉับไว และเป็นธรรมชาติ ให้น้ำหนักกำลังพอดีมือ ไม่เบา หรือหน่วงจนเกินไป นอกจากนั้นคุณยังสามารถเซ็ตแป้นคันเร่งให้เป็น “One pedal driving” ได้
โดยเมื่อคุณถอนคันเร่ง ระบบจะเบรกเพื่อลดความเร็วให้อัตโนมัติ มันทำงานได้เป็นธรรมชาติ และให้ความรู้สึกเหมือนใช้ Engine Brake ในเครื่องยนต์ทั่วไป ทั้งยังเลือกเพิ่ม หรือลดแรงเบรกได้อีกด้วย
Instant Torque ช่วยให้การเร่งแซงเป็นไปอย่างกระฉับกระเฉง i-Pace ให้อารมณ์แบบสปอร์ตคาร์เมื่อคุณเริ่มหวดคันเร่งให้หนักขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโหมด Dynamic ที่ระบบจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาเต็มพิกัด คุณจะสัมผัสได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่มาออรวมกันอยู่ใต้เท้าขวา
กดคันเร่งให้มิดพรมแล้วเสียงหวีดแบบเครื่องบินเจ็ทจะแทรกซึมเข้ามาในห้องโดยสาร พวงมาลัย และช่วงล่างขึงตึงขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับการพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วของรถ รูปโฉมแบบ SUV เป็นเพียงภาพลักษณ์คลุมทับสมรรถนะระดับพายุที่แฝงอยู่ในตัวของมันเอาไว้ และ “ความเร็ว” จะเผยตัวตนที่แท้จริงของ i-Pace ให้คุณได้เห็น
มันจะชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อคุณ และ i-Pace เข้าสู่ถนนที่คดเคี้ยวโดยยังคงค้างไว้ที่โหมด Dynamic ข้อได้เปรียบจากจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และการกระจายน้ำหนัก หน้า:หลัง ที่ 50:50 พอดีเป๊ะ, ผลลัพธ์จากการจัดวางตำแหน่งของมอเตอร์และแบตเตอรี่, ส่งให้มันเป็นรถที่ขับสนุกบนเส้นทางแบบนี้ สมดุล, เกาะหนึบ และทำตามคำสั่งได้อย่างไม่ดื้อดึง
ราวกับมันเตี้ยกว่าความเป็นจริงครึ่งต่อครึ่ง i-Pace พลิ้วปลิวไหลลื่นไปตามความคดเคี้ยวอย่างบ้าคลั่งของถนนเบื้องหน้าโดยไม่หวั่นเกรง ช่วงล่างแบบดับเบิลวิชโบนด้านหน้า และ Integral Link ของล้อคู่หลัง ผลิตจากอลูมิเนียม เป็นเลย์เอาท์เดียวกับที่มีอยู่ในรุ่น XE, XF และ F-Pace
ส่วนระบบเบรกก็ทรงพลัง เหลือเฟือสำหรับการลดความเร็วอย่างฉับพลันก่อนเริ่มเทิร์นอิน ทั้งยังให้ความรู้สึกที่ดี และควบคุมความหนักเบาของแรงเบรกได้ง่าย น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของพวงมาลัยมีผลอย่างยิ่งต่อความมั่นใจในการควบคุม ทั้งยังสื่อสารความเป็นไปของล้อหน้ามาสู่มือของคุณได้ราวกับตาเห็น ตอบสนองดี และเฉียบคม มันคือรถที่มีสมรรถนะสมบูรณ์แบบเกินคาดจริง ๆ
เข้าสู่บรรยากาศที่ผ่อนปรนยิ่งขึ้น เมื่อกลับเข้าสู่เมืองหลวง ที่ซึ่งคุณจะรู้สึกปลอดภัยเพราะมีสถานีชาร์จอยู่มากมาย หน้าจอแบบดิจิตอลแสดงผลว่า พลังงานถูกใช้ไปแล้วราว 50% จากระยะทาง 200 กว่า กม. รอบถนนวงแหวนเรื่อยไปถึงมอเตอร์เวย์ ทั้งเร็ว และช้าตามแต่การจราจรจะเอื้ออำนวย
นั่นหมายถึง คุณยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งสำหรับการเคลื่อนที่สลับหยุดนิ่งในกรุงเทพฯ มันคล่องแคล่วในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยขนาดตัวถังที่พอเหมาะบวกกับ – อีกครั้ง – แรงบิดมหาศาล i-Pace จึงลัดเลาะซอกแซกได้อย่างกระฉับกระเฉง, มีชีวิตชีวา ทั้งยังเฉิดฉายโดดเด่นจากรูปโฉมแบบ Concept Car ที่ฉูดฉาดสะดุดตา ทัศนวิสัยด้านหน้ากว้างขวางดี แต่คุณจะไม่สามารถมองเห็นปลายสุดของฝา กระโปรงได้
เนื่องจากส่วนหน้าที่ลาดต่ำของมัน นอกจากนั้น C-Pillar ที่มีขนาดใหญ่ และทึบตัน ยังทำให้การถอยหลังเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ดังนั้น คุณควรทำความคุ้นเคยกับกล้องมองหลัง และกระจกมองข้างให้ดี ถ้าไม่อยากไปถูรถคันข้าง ๆ หรือบวกเข้ากับกำแพง
Jaguar i-Pace มีราคาเริ่มต้นที่ 5.7 ล้านบาท ในเกรด S, 6.3 ล้าน สำหรับ SE และ 7 ล้านบาท สำหรับ HSE ซึ่งเป็นเกรดสูงสุดแบบเดียวกับคันที่เรากำลังขับอยู่นี้ นั่นอาจเป็นราคาที่น่าคิดสักหน่อย แต่ข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน รวมถึงพวกไฮบริด ก็คือค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่ากันอย่างมาก
โดย i-Pace จะต้องเข้าตรวจเช็คทุก ๆ 33,000 กม. หรือราว ๆ 1.5-2 ปี/ครั้ง เมื่อคำนวณจากอัตราการใช้รถยนต์โดยเฉลี่ยต่อปีของคนไทย (ปีละประมาณ 20,000 กม.) และด้วยราคาค่าตรวจเช็คที่ถูกกว่าเนื่องจากแทบไม่มีชิ้นส่วนสึกหรอที่ต้องเปลี่ยนเหมือนกับเครื่องยนต์ทั่วไป
ดังนั้น เรื่องที่น่ากังวลจริง ๆ จึงไม่ใช่ที่ตัวรถ แต่เป็นอัตราการขยายตัวของสถานีชาร์จเสียมากกว่า เพราะปัจจุบันยังคงมีอยู่แค่ในกรุงเทพฯ และประปรายตามจังหวัดใหญ่ ๆ หรือเมืองท่องเที่ยว ในขณะที่จังหวัดอื่น ๆ มีเพียง 1-2 แห่ง/จังหวัด หรือไม่มีเลย รถยนต์ไฟฟ้าจึงยังคงถูกจำกัดพื้นที่การใช้งานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนั้น ควิกชาร์จเจอร์ก็ยังมีอยู่เพียงไม่กี่สถานี นั่นหมายถึง คุณต้องหมดเปลืองเวลาหลายชั่วโมงไปกับการนั่งรอนอนรอในการชาร์จผ่านชาร์จเจอร์ระบบ AC เทียบกับรถยนต์ทั่วไปซึ่งใช้เวลาเพียงอึดใจก็เติมน้ำมันได้เต็มถัง
คำถามก็คือ ประเทศไทยพร้อมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแล้วจริงหรือ?
JAGUAR i-PACE EV400 AWD HSE
- Price: 6,999,000 Baht
- Engine: Twin permanent magnet electric motors
- Transmission: Single-speed epicyclic, all-wheel drive
- Performance: 400 hp, 696 Nm, 4.8sec 0-100 kph, 200 kph, 0g/km
- NCAP Rating: 5 Stars
