Breaking News

รีวิว ทดสอบรถ: Mercedes-AMG GT C Roadster

รีวิว ทดสอบรถ: Mercedes-AMG GT C Roadster เครื่องยนต์วางกลางลำด้านหน้า ขุมพลัง V8 ความจุ 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ผลิตกำลังสูงสุดได้ 557 แรงม้า

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

รีวิว ทดสอบรถ: Mercedes-AMG GT Roadster ขุมพลัง V8 ความจุ 4.0 ลิตร

หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆ

เราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้

Mercedes-AMG GT C Roadster

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

GT-C นำเราเข้าสู่อีกด้านหนึ่งของซูเปอร์คาร์! แน่นอนว่ามันเร็ว, แรง และบ้าระห่ำ แต่ไม่ต้องมีฝีมือระดับพระกาฬก็สามารถขับไปจนถึงขีดจำกัดสูงสุดของรถได้อย่างง่ายดาย… Mercedes ทำได้อย่างไร? เราอยู่กับ Roadster ราคากว่า 17 ล้านบาทของพวกเขา เพื่อค้นหาคำตอบนั้น!

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

เรือนร่างของ AMG GT-C เผยให้เห็นภาพเงาเลือนลางของรุ่น 300SL โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองจากด้านข้าง ฝากระโปรงหน้าทอดยาว, กระจกหน้าตั้งชันเล็กน้อย

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

ก่อนที่ส่วนโค้งของหลังคาจะนำสายตาไปยังท้ายรถที่กลมมน ห้องโดยสารถอยมาจนเบาะแทบจะพิงอยู่กับล้อหลัง ช่วยสมดุลน้ำหนัก และเพื่อให้แน่ใจว่าจะเหลือพื้นที่มากพอให้เครื่องยนต์ได้ถอยจนอยู่เกือบกึ่งกลางรถ

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

ใช่แล้วครับ AMG GT เป็นรถแบบเครื่องยนต์วางกลางลำด้านหน้า ขุมพลัง V8 ความจุ 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ผลิตกำลังสูงสุดได้ 557 แรงม้า ที่ 5,750-6,750 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 680 นิวตันเมตร ที่ 2,100-5,500 รอบ/นาที นี่คือการนำเอาบล็อก 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ของ AMG จำนวน 2 ตัว

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

มาผนวกรวมกันด้วยเพลาข้อเหวี่ยงอลูมิเนียมน้ำหนักเบาที่ผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีการหล่อทราย (Sand Casting) เพื่อให้มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งสูง กระบอกสูบทั้ง 8 เคลือบด้วย “NANOSLIDE” แบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่องยนต์รถแข่ง F1 ของ Mercedes เพื่อลดความฝืดขณะลูกสูบเคลื่อนที่ เทอร์โบทั้งสองตัวติดตั้งไว้กึ่งกลางระหว่างฝาสูบทั้งสอง

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

รูปแบบที่ Merc เรียกว่า “Hot in V” นี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศจากเทอร์โบเข้าสู่เครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้น อินเตอร์คูลเลอร์แบบ อากาศ-สู่-น้ำ เป็นกุญแจสำคัญในการช่วยลดความร้อนที่สูงกว่าปกติจากการจัดวางเทอร์โบไว้ในตำแหน่งดังกล่าว วงจรของระบบน้ำหล่อเย็นจะแยกการทำงานเป็น 2 สเตจ อิสระจากกัน

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

โดยสเตจแรกจะควบคุมคูลเลอร์ทั้ง 2 ตัว (ติดตั้งอยู่หน้าล้อซ้ายและขวา ฝั่งละตัว) ส่วนสเตจที่ 2 จะทำงานเมื่ออากาศมีอุณหภูมิสูง โดยการเปิดให้น้ำหล่อเย็นไหลผ่านหม้อน้ำหลักของเครื่องยนต์เพิ่มอีกทางหนึ่ง

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

เมื่อกดปุ่มสตาร์ทเพื่อปลุกให้ขุมพลัง AMG V8 ของ GT-C ตื่นขึ้นจากภวังค์ สิ่งแรกที่คุณจะได้สัมผัสก็คือเสียง “บู้ม!” ทุ้มต่ำที่คำรามลั่น แม้ยังอยู่ในโหมด Comfort ก็ตาม ระบบไอเสียได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่น่าประทับใจ

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพการระบายไอเสียที่ดี แผ่นกั้นเสียงซึ่งติดตั้งอยู่ด้านในท่อ จะทำงานแบบแปรผันเพื่อปรับเสียงให้สอดคล้องเหมาะสมกับโหมดการขับขี่ที่คุณเลือก โดยเริ่มจากเสียงความถี่ต่ำใน Comfort และ Sport ก่อนที่จะแผดสนั่นหากปรับไปที่โหมด Sport + หรือ Race

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

คุณสามารถเลือกโหมดต่าง ๆ เหล่านั้นได้ด้วยการหมุนปุ่มควบคุมที่ติดตั้งไว้บนคอนโซลกลางขนาดมหึมาของมัน พละกำลังมหาศาลจะเผยให้ได้สัมผัสทันทีที่แตะคันเร่ง แม้ในโหมด Comfort ก็ตาม และการตอบสนองจะยิ่งฉับไวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเปลี่ยนไปสู่โหมด Sport, Sport + จนกระทั่งถึงโหมด Race

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

ซึ่งศักยภาพทั้งหมดของ AMG GT ถูกดึงออกมาใช้ มันสามารถพุ่งออกจากจุดหยุดนิ่งสู่ 100 กม./ชม. ได้ใน 3.7 วินาที พร้อมกับเสียงคำรามที่กู่ร้องกึกก้องอยู่เบื้องหลังของคุณ ไฟเตือนของระบบแทร็คชั่นคอนโทรลกระพริบวิบวับอยู่บนหน้าปัด ชี้ให้เห็นว่ามันกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อยับยั้งไม่ให้ยางคู่หลัง (ที่แม้จะมีขนาดมหึมาถึง 305 มม.) หมุนฟรีจากแรงบิดอันหนักหน่วง

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

อย่างไรก็ตาม ระบบยังคงยอมปล่อยให้มีการลื่นไถลได้เล็กน้อยเพื่อเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ นั่นหมายถึงคุณต้องควบคุมพวงมาลัยให้ดีเพื่อจำกัดการส่ายไปมาของท้ายรถในขณะที่มันพยายามตะกุยไปข้างหน้า รอบเครื่องยนต์ฟาดพรวดสู่เรดไลน์ จากนั้นก็เสียงปะทุปุ้งปั้งจากปลายท่อ – ผลจากการทำงานของระบบ Anti-lag – ก่อนเข้าสู่เกียร์ถัดไป ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงเกียร์

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

สุดท้าย GT-C สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 316 กม./ชม. ซึ่งนั่นเป็นเรื่องง่าย ๆ และไม่มีอะไรให้ต้องกังวลนัก มันควบคุมได้อย่างเชื่องมือด้วยการประคับประคองจากเทคโนโลยีอันรุดหน้า ตัวการสำคัญคือ ระบบบังคับเลี้ยวแบบแอคทีฟที่เพลาท้าย ซึ่งจะสั่งให้ล้อหลังหักเลี้ยวเล็กน้อยไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้าเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ขึ้นไป

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

คุณจะรับรู้ถึงแรงยึดเกาะระดับสูงเมื่อเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ระบบนี้ส่งผลอย่างยิ่งต่อการตอบสนองของพวงมาลัย มันเฉียบคม, สื่อสารได้อย่างเห็นภาพ และเปี่ยมด้วยความมั่นคง ส่วนที่ความเร็วต่ำกว่า 100 กม./ชม. ล้อหลังจะเลี้ยวในทิศทางตรงข้ามกับล้อหน้า ช่วยให้เข้าโค้งแคบ ๆ ได้ง่ายดายด้วยการหมุนพวงมาลัยเพียงเล็กน้อย

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

นอกจากนั้น โค้งแคบ ๆ ยังช่วยเผยให้เห็นประสิทธิภาพช่วงล่างของ GT-C อีกด้วย เริ่มจากงานลดน้ำหนัก และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างตัวถัง มีการนำวัสดุน้ำหนักเบาหลายประเภทมาใช้ ตัวอย่างเช่น อลูมิเนียมอัลลอยสำหรับแชสซีส์และตัวถัง, แมกนีเซียมที่โครงสร้างด้านหน้าของรถ

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

เรื่อยไปถึงฝากระโปรงหน้าที่ใช้กระบวนการผลิตแบบ SMC (Sheet Molding Compound) โดยการนำเรซิ่น และเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ใส่เข้าไปในแม่พิมพ์แล้วขึ้นรูปโดยใช้แรงกดและความร้อน เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่แข็งแกร่ง, น้ำหนักเบา

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

รวมทั้งมีพื้นผิวที่เรียบเนียนเป็นพิเศษ เป็นต้น ส่วนปีกนก, คอม้า และดุมล้อ ผลิตขึ้นจากฟอร์จอลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักใต้สปริง ส่งให้ช่วงล่างตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ระบบ AMG Ride Control คอยปรับช็อคอับให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้นอย่างต่อเนื่องโดยอัตโนมัติ

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

ทั้งหมดนี้, เมื่อผนวกเข้ากับระบบเลี้ยวล้อหลัง และโหมด Race, GT-C สวมบทบาทเป็นรถแข่งได้อย่างแนบเนียน คล่องแคล่ว และให้ระดับแรงยึดเกาะอันน่าทึ่ง ระบบเบรกสามารถลดความเร็วลงได้อย่างฉับพลัน เกียร์คลัทช์คู่จะสับลงต่ำเพื่อเตรียมรอบเครื่องตุนแรงบิดเอาไว้ เสียงปะทุดังรัวเหมือนปืนกลออกมาจากปลายท่อคือสัญญาณบ่งบอกว่า

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

กังหันในเทอร์โบคู่พร้อมเสมอหากคุณต้องการเรียกใช้ กุมพวงมาลัยให้มั่นเพื่อออกแรงหมุนน้ำหนักที่ขึงตึงของมัน จากนั้น GT-C จะเบนหน้ามุ่งสู่เอเป็กซ์พร้อมแรง G ที่รุนแรงราวกับจะเหวี่ยงคุณกระเด็นออกนอกห้องโดยสาร กระทั่งถึงทางออกโค้ง

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

คุณจะมี 2 ทางเลือกสำหรับฉากนี้ บรรจงเติมคันเร่งลงไปอย่างนุ่มนวลทว่ารวดเร็ว เพื่อเวลาต่อรอบที่ดี ไม่ก็กดให้มิดพรมและสนุกไปกับการคอนโทรลพวงมาลัย… เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับทางเลือกที่ 2: ปิดแทร็คชั่นคอนโทรล!

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

GT-C สามารถขับใช้งานทั่วไปได้เช่นกัน แต่คุณคงไม่คาดหวังถึงความสะดวกสบายในรถสปอร์ตนักใช่ไหมครับ? ผมหมายถึง นี่คือเครื่องจักรที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการทำความเร็วมากกว่าที่จะขับฉุยฉายเรื่อยเปื่อย คันเร่งไวเกินไปอยู่ดีแม้จะอยู่ในโหมด Comfort, ห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่ง

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

ถูกคั่นด้วยคอนโซลกลางที่มีขนาดใหญ่จนแทบจะเปลี่ยนเป็นเบาะตัวที่ 3 ได้ ตัวคุณจะนั่งจมอยู่ในเบาะกึ่งบักเก็ตที่วางต่ำเรี่ยพื้น ทัศนวิสัยด้านหลังที่บีบแคบเป็นปัญหาอย่างมากตอนถอยเข้าช่องจอด และขุมพลัง V8 ก็สวาปามเชื้อเพลิงแบบไม่เกรงอกเกรงใจคุณสักเท่าไหร่นัก

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

ด้วยราคา 17.2 ล้านบาท Mercedes-AMG GT C Roadster จะคุ้มค่าก็ต่อเมื่อคุณใช้ประสิทธิภาพทั้งหมดของมันได้บ่อย ๆ ซึ่งผมมั่นใจว่าคุณจะทำเช่นนั้นเสมอ มันเป็นซูเปอร์คาร์ที่เปิดกว้างสำหรับผู้เริ่มต้นไปจนถึงนักขับฝีมือดี เทคโนโลยีล้ำสมัยที่คอยช่วยเหลือแม้จะขับอยู่บนขีดจำกัดสูงสุด ส่งให้ GT-C ควบคุมได้ง่ายดายเชื่องมือ

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster

ในอีกด้านหนึ่ง หากคุณเริ่มคุ้นชินกับบุคลิกของมันแล้วล่ะก็ ลองลดระดับ หรือปิดระบบช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่อสนุกไปกับสมรรถนะที่ถูกเปลือยเปล่าจนธาตุแท้อันดิบเถื่อนแสดงตนออกมา… นั่นแหละที่เรียกว่า ความคุ้มค่าสูงสุด

Specification: Mercedes-AMG GT C Roadster

Mercedes-AMG GT C Roadster
Mercedes-AMG GT C Roadster
  • Price: 17,190,000 Baht
  • Engine: 3,982cc. biturbo V8, 557 ps @ 5,750-6,750 rpm, 680 Nm @ 2,100-5,500 rpm
  • Transmission: 7-speed Dual-clutch, rear-wheel drive
  • Performance: 3.7 sec 0-100 km/h, 316 km/h top speed, 259 g/km Co2
  • NCAP rating: n/a

Check Also

Kia EV5 Earth Exclusive AWD 2024

รีวิว ลองขับ Kia EV5 Earth Exclusive AWD รถไฟฟ้าจากเกาหลี ที่เติมอรรถประโยชน์ในการใช้งานที่คุ้มค่า

รีวิว ลองขับ Kia EV5 Earth Exclusive AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตัน-เมตร …