รีวิว ทดสอบรถ: Mercedes-Benz S350d นั่นคือส่วนผสมที่สร้างความสนุกในการขับขี่ ชนิดที่สามารถลืมไปได้เลยว่านี่คือ The S-Class
รีวิว ทดสอบรถ: Mercedes-Benz S350d เรือธงระดับ Big Size Sedan
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
“คงไม่มีสำนวนใดที่จะเหมาะสมกับ Mercedes-Benz S350d ไปกว่า Wolf in Sheep’s Clothing หรือ หมาป่าในคราบลูกแกะ … ที่เปรียบได้กับความเร้าใจที่ถูกซุกซ่อนใต้อาภรณ์สวยหรู”
Mercedes-Benz S350d
Mercedes-Benz S350d คือ เรือธงระดับ Big Size Sedan ที่มาพร้อมกับการนำเสนอความหรูหราด้วยรหัส Exclusive ซึ่งขึ้นชื่อว่า S-Class ก็คงไม่ต้องพร่ำอะไรมากมายเรื่องออพชั่นว่าอะไรควรจะมี หรือไม่มี เพราะจากรายนามตามสเปค บอกเลยว่าจัดมาแบบครบเครื่อง
ตั้งแต่ชุดไฟหน้าแบบ Multibeam LED ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Ultra Range ซึ่งส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร หากไม่พบรถยนต์ที่วิ่งสวนทางมา ทั้งยังพ่วงด้วยระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering Light)
และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) เสริมด้วยชุดไฟ Daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน, ชุดไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง พร้อมด้วยไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ประกบด้วยชุดไฟท้ายแบบ LED จากเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก
ตามด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ชุดใบปัดน้ำฝนทำงานโดยอัตโนมัติ พร้อมเซ็นเซอร์วัดปริมาณน้ำฝน, กระจกมองข้างปรับระดับ และพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า โดยฝั่งกระจกมองข้างด้านซ้ายสามารถปรับมุมเอนลงอัตโนมัติ ขณะเข้าเกียร์ถอยหลัง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการจอดแบบเทียบด้านข้าง พร้อมด้วยกระจกมองข้างฝั่งผู้ขับขี่ และกระจกมองหลังยังเป็นแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังมากับกุญแจรีโมทคอนโทรลแบบ Keyless-Go ที่ควบคุมผ่านคลื่นวิทยุในการสั่งเปิด-ปิดล็อค ตลอดจนฝากระโปรงท้ายที่มากับระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มือ (Hands-Free Access) พร้อมระบบช่วยปิดประตู และฝากระโปรงท้าย ด้วยระบบไฟฟ้า ปิดท้ายด้วยการเพิ่มความโปร่งให้กับห้องโดยสารจากชุดหลังคาพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่ ที่เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
และด้วยขนาดมิติตัวถังที่ประกอบด้วยความยาว 5,271 มม., ความกว้าง 1,905 มม. และความสูง 1,496 มม. จึงทำให้เกิดความกว้างขวางของห้องโดยสารเป็นองค์ประกอบสำคัญของ The S-Class ตามด้วยการคัดสรรอุปกรณ์ตกแต่งคุณภาพสูงมาใช้ เช่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้านหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control เสริมด้วยความคล่องตัวจากระบบเพาเวอร์ ปรับระดับด้วยไฟฟ้า แปรผันน้ำหนักตามความเร็วรถ
ส่วนเบาะนั่งคู่หน้า และคู่หลังแบบ Multi-Contour สามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้า และหน่วยบันทึกความจำ ตลอดจนฟังก์ชั่นอุ่น และระบายอากาศ ซึ่งรวมถึงฟังก์ชั่นนวด Energizing 6 รูปแบบ พร้อมที่รองขาแบบปรับระดับ และที่วางเท้า สำหรับผู้โดยสารด้านหลังซ้าย
อีกทั้งยังเพิ่มความสบายให้เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ที่สามารถปรับเลื่อนไปด้านหน้าได้อีก 4 ซม. และเลื่อนขึ้นด้านบนได้อีก 3.7 ซม.ขณะที่ตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง มากับม่านบังแดดประตูหลังทั้งฝั่งซ้าย, ขวา และด้านหลัง ซึ่งเลื่อนขึ้น-ลง ด้วยระบบไฟฟ้า
ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกอัดแน่นเต็มระบบ ด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ Thermotronic แบบ 4 – Zone พร้อมฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (Air Balance Package) ตามด้วยระบบความบันเทิงจากชุดเครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester® Surround Sound System พร้อมจอแสดงผล 2 ตำแหน่ง ควบคุมผ่านระบบ Comand Online หรือรีโมทควบคุม
และสั่งงานจาก Touchpad ซึ่งรองรับระบบแผนที่นำทาง (Navigation System), ระบบสั่งการด้วยเสียง (Lingua Tronic), เครื่องเล่น Blu-ray สำหรับที่นั่งด้านหลัง, การเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlayTM และ Android Auto พร้อมระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charging) สำหรับที่นั่งด้านหน้า รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth
ซึ่งออฟชั่นดังกล่าวทั้งภายนอก และภายในนั้นถูกจัดวางมาให้ บนงานดีไซน์ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการคิดคำนวณของดีไซเนอร์เป็นที่เรียบร้อย เพราะฉะนั้นในเรื่องของการจัดวาง ตลอดจนความสวยงามที่เกิดขึ้นมันอาจจะตรงใจ หรือไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค เราขอยกให้คุณเป็นคนตัดสินใจเอาเองน่าจะดีที่สุด
Mercedes-Benz S350d มากับรหัส “d” ลงท้าย ซึ่งนั่นหมายถึงขุมพลังประจำการ ที่มากับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบพิกัด 3.0 ลิตร เสริมแรงด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบคู่ และอินเตอร์คูลเลอร์ช่วยระบายความร้อน ที่สร้างพละกำลังสูงสุดได้ถึง 286 แรงม้าที่ 3,400-4,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 600 นิวตันเมตรที่ 1,200 – 3,200 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-Tronic
พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering – Wheel Gearshift Paddles) สู่ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมด้วยเทคโนโลยีระบบ Dynamic Select เพื่อปรับเปลี่ยนบุคลิกในการขับขี่ได้ถึง 5 รูปแบบ คือ Individual, Eco, Comfort, Sport และ Sport+ โดยต้นสังกัดได้เคลมอัตราเร่งสุดเร้าใจจาก 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 6 วินาทีถ้วน ๆ พร้อมความเร็วสูงสุดที่จำกัดไว้ 250 กม./ชม.
และด้วยตัวเลขสมรรถนะจากเครื่องยนต์ โดยเฉพาะแรงบิดระดับ 600 นิวตันเมตรในรอบต่ำ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะฉุดลากตัวรถขนาดใหญ่อย่าง The S-Class ที่ดูแล้วน้ำหนักน่าจะอยู่ราว ๆ 2 ตัน “ปลิว” ไปตามแรงสั่งของเท้าขวาได้อย่างสบาย ๆ
ขณะเดียวกันก็สามารถลดข้อจำกัดของความเป็นรถใหญ่ได้อย่างหากใช้งานในเมือง ด้วยแรงบิดมหาศาลที่จะทำให้การเคลื่อนที่ทำได้อย่างกระชับฉับไว จนกลายเป็นความคล่องตัวที่ทำให้คุณรู้สึกสนุกไปกับการโลดแล่นในเมือง โดยไม่ได้รู้สึกว่าการควบคุม The S-Class ที่เป็นยนตรกรรมซีดานขนาดใหญ่ คือ ภาระ
อีกทั้งเมื่อได้โอกาสโลดแล่นออกนอกเมือง เพื่อใช้ความเร็วสูงยังพบว่า แม้จะเป็นเครื่องดีเซลแรงบิดสูง แต่การ Kick Down เพื่อแรงแซง ก็ไม่ได้สร้างแรงกระชากกระชั้น จนเสียจริตความเป็นยนตรกรรมหรู หากแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นของพละกำลัง ที่ถ่ายทอดผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดที่อย่างต่อเนื่อง เต็มเม็ด เต็มหน่วย และมีเรี่ยวแรงให้ใช้มากพอเท่าที่ต้องการ หรือถ้าหากต้องการเพิ่มความมันส์เบาๆ เราแนะนำให้เลือกเล่นกับอแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift หลังพวงมาลัย
ด้านระบบช่วงล่างเรียกได้ว่ามีส่วนผสมของความนุ่มนวลที่ค่อนข้างเด่นชัด จากพื้นฐานของระบบช่วงถุงลม (Airmatic) พร้อมระบบควบคุมอัตโนมัติ ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับน้ำหนักพวงมาลัยแบบเพาเวอร์ฟ้าแปรผันน้ำหนักตามความเร็วรถ เพื่อช่วยให้เบาแรง และควบคุมได้ง่ายในความเร็ว แต่หน่วงหนักสร้างความมั่นใจให้มากขึ้นบนความเร็วสูง ซึ่งนั่นคือส่วนผสมที่สร้างความสนุกในการขับขี่ ชนิดที่สามารถลืมไปได้เลยว่านี่คือ The S-Class
และยิ่งโดยเฉพาะในโหมด Comfort และ Sport ที่มีมากับความสามารถในการยกตัวรถให้สูงขึ้นอีก 30 มม. หรือปรับลดความสูงตัวรถลง 20 มม. เมื่อใช้ความเร็วสูง เพื่อยกระดับการทรงตัวที่ดียิ่งขึ้น เสริมด้วยความมั่นใจจากระบบควบคุมการทรงตัว (ESP) และระบบความปลอดภัยที่จัดมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ระบบควบคุมความเร็วขณะขึ้นทางลาดชัน Hill-Start Assisant
ตลอดจนระบบความปลอดภัยระดับไฮไลท์ เช่น ป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® Plus ผ่านการทำงานของเรดาร์ที่หากตรวจพบรถยนต์จากด้านหลังที่วิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว จนเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ไฟกระพริบฉุกเฉินจะทำงานด้วยความถี่ที่มากกว่าปกติเพื่อเตือนผู้ขับขี่รถคันหลัง
ขณะระบบ PRE-SAFE® Impulse จะทำการตรวจจับรถยนต์ที่กำลังวิ่งเข้ามาทางด้านข้างตัวรถ ด้วยเรดาร์ที่ด้านซ้าย และขวา ซึ่งเมื่อพบว่ามีเหตุการณ์ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ถุงลมที่อยู่ในพนักพิงด้านข้างจะพองออก เพื่อผลักให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารด้านหน้า ให้ขยับไปอยู่ส่วนตรงกลางห้องโดยสาร
นอกจากนี้ยังมีระบบ Active Emergency Stop Assist สำหรับคนขับหลับใน หรือหมดสติ ที่หากระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวของพวงมาลัยเลย ระบบจะส่งสัญญาณเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่กลับมาประคองพวงมาลัยรถ, ระบบ Evasive Steering Assist ระบบช่วยหลบหลีกการชนจากด้านหน้า,
ระบบ Active Distance Assist DISTRONIC ช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า โดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกันชนหน้าในการคำนวณระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า ให้สัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้น
ตามด้วยระบบ Active Blind Spot Assist ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์คันอื่นที่อยู่ในจุดอับสายตาในขณะที่กำลังจะเปลี่ยนช่องจราจร, ระบบ Active Lane Keeping Assist ที่หากเรดาร์ตรวจพบความเสี่ยงในการชนกับรถยนต์ที่ตรวจจับได้ ระบบจะช่วยดึงรถเข้าสู่ช่องจราจรเดิมโดยอัตโนมัติ,
ระบบ Active Brake Assist และฟังก์ชัน Cross-Traffic ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่น หรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก โดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดอยู่บริเวณกันชนด้านหน้า และกล้อง MPC ตรวจจับเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยง และจะส่งเสียงเตือนให้เบรก ซึ่งหากเกิดการตอบสนอง ระบบจะช่วยเพิ่มกำลังเบรกไปจนเต็มประสิทธิภาพ
ปิดท้ายด้วยความสะดวกสบายในการจอดรถ ด้วยระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) ทั้งการจอดแบบขนาน และการจอดแบบเข้าซอง โดยใช้กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา เพื่อแสดงภาพบริเวณรอบกันชนในจอแสดงผล รวมถึงภาพจากมุมสูง เพื่อช่วยให้เห็นสิ่งกีดขวางรอบคันรถ
และเกือบทั้งหมด คือ สิ่งที่ “คนขับรถ” ของคุณจะได้สัมผัส เพราะจากค่านิยมคนไทยยังไงซะ The S-Class ก็ยังเป็นยนตรกรรมที่ส่วนใหญ่ “คนซื้อไม่ได้ขับ และคนขับไม่ได้ซื้อ” ซึ่งนั่นแหละ คือ สิ่งที่ทำให้คนจ่ายเงินมักจะพลาดอะไรไปหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะความสามารถในการขับขี่
Specification: Mercedes-Benz S350d
- Price: 6,390,000 BHT
- Engine: 2,925 CC / 6 Cylinder 24 Valve / Turbo Intercooler
286 hp @ 3,400-4,600 rpm / 600 Nm @ 1,200-3,200 rpm - Transmission: 9A/T 9G-Tronic / Rear Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ 6.0 Sec / Top Speed @ 250 Km./h
- Weight: N/A