รีวิว ทดสอบรถ: นิสสัน จัดกิจกรรมคาราวาน “Go Anywhere” ณ ประเทศมาเลเซีย สู่แดนมาลายูโดยแบ่งออกเป็น 3 เส้นทาง ตะลุยรอบประเทศมาเลเซีย
รีวิว ทดสอบรถ: นิสสัน “Go Anywhere” ลุยได้ทุกที่ ตะลุยมาเลเซีย กว่า 2,000 กม.
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
นิสสัน “Go Anywhere” ลุยได้ทุกที่ ตะลุยมาเลเซีย กว่า 2,000 กม.
นิสสันเปิดประสบการณ์การขับขี่โดยเน้นถึงสมรรถนะของรถนิสสันที่มีความแกร่ง ที่พร้อมท้าทายทั่วทุกเส้นทาง หลังจากมีการจัดกิจกรรมคาราวานประเทศเพื่อนบ้านไปเมื่อปีที่แล้ว ล่าสุดทางนิสสันเชิญสื่อไปร่วมสัมผัส “Go Anywhere” ณ ประเทศมาเลเซีย สู่แดนมาลายูโดยแบ่งออกเป็น 3 เส้นทาง ตะลุยรอบประเทศมาเลเซีย ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลายของมาเลเซีย
จัดขึ้นเพื่อทดสอบรถยนต์นิสสันที่ผลิตขึ้นจากฐานการผลิตในประเทศไทย โดยเส้นทางรอบประเทศมาเลเซียสามารถพิสูจน์สมรรถนะ ความสะดวกสบายในการขับขี่ และเทคโนโลยีอัจฉริยะจากการใช้งานจริงของ นิสสัน เทอร์ร่า นิสสัน นาวารา และนิสสัน เอ็กซ์เทรล สภาพเส้นทางที่ผสมผสานถนนลาดยาง ถนนโค้งบนภูเขา หรือการผจญภัยแบบออฟโรด โดยที่มาเลเซียการขับขี่ใช้ถนนเป็นเดียวกับบ้านเรา ทำให้ไม่ต้องวิตกกังวลนัก
โดยเส้นทางแรกเริ่มเดินทางจากอำเภอหาดใหญ่ ไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านสะเดา หลังจากนั้นเดินทางเข้าสู่ รัฐเกดะห์ (Kedah) ประเทศมาเลเซีย ก่อนเดินทางไปยัง ภูเขาเจไร (Mount Jerai) ปราสาทเคลลี (Kellie’s Castle) และกรุงกัวลาลัมเปอร์
เส้นทางที่สองขับจากกัวลาลัมเปอร์ไปยัง เมืองกวนตัน (Kuantan) ผ่านเมือง ปุตราจายา (Putrajaya) และ เมืองมะละกา (Malacca)
เส้นทางสุดท้ายที่ทีมงานได้ร่วมทดสอบจะใช้เส้นทางจาก กวนตัน ผ่านเมือง กัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) ไปยัง รัฐปีนัง (Penang) ก่อนที่จะข้ามชายแดนด่านสะเดากลับสู่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นการสิ้นสุดภาระกิจในครั้งนี้
วันแรกจากกรุงเทพฯ นั่งเครื่องบินไปลงกัวลาลัมเปอร์ แล้วต่อไฟลท์ไปยังกวนตัน โดยเราวิ่งรถจากฝั่งซ้ายไปทางฝั่งขวาของประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีจุดหมายอยู่ที่กัวลาตรังกานู ระยะทางวันนี้รวม 375 กิโลเมตร ซึ่งวันนี้เราได้ขับ นิสสัน เอ็กซ์เทรล เอ็กซ์เทรล ใหม่ นี้ เป็นเจนเนอเรชันที่ 3 ที่ได้รับการปรับโฉมภายนอกใหม่ ตั้งแต่ด้านหน้ากับกระจังหน้ารูปตัววี หรือ “V-motion” ปรับกันชนด้านหลังใหม่ ให้โค้งรับและเข้ากันกับไฟท้ายทรงบูมเมอแรง ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 19 นิ้ว สำหรับรุ่น 2.5VL 4WD พร้อมกับสีใหม่สีส้ม โมนาร์ช (Monarch Orange)
วันนี้การเดินเน้นทางบนทางหลวงเป็นระยะทางไกล ๆ เราจึงได้มีโอกาสใช้เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC) จะรักษาระยะห่างตามความเร็วของรถคันหน้าตามที่ตั้งค่าไว้โดยอัตโนมัติ
เทคโนโลยีช่วยลดความเร็วอัตโนมัติ (Intelligent Engine Brake) จะเปลี่ยนเกียร์ลงอย่างนุ่มนวลเมื่อรถคันหน้าชะลอความเร็ว เทคโนโลยีทั้งสองระบบนี้จะช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ตลอดการเดินทาง จะเห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีอัจฉริยะเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนในขับขี่บนทางหลวง ทางด่วน หรือในสภาพการจราจรที่หนาแน่น
วันที่สอง ค่อนข้างจะตื่นเต้นเพราะเป็นไฮไลท์ท่ามกลางป่าดงดิบ หรือ Rainforest ซึ่งแต่ละเส้นทางก็จะมีไฮไลท์ที่แตกต่างกัน สำหรับเส้นทางที่สามของนิสสัน Go Anywhere ประเทศมาเลเซียคือการขับออฟโรดในกัวลาตรังกานู ทั้งทางลูกรัง ผ่านร่องน้ำ ทางหิน ฟังก์ชันการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนขณะขับขี่ หรือ shift-on-the-fly ช่วยให้เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจากสองล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4H) เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นในสภาพถนนที่มีความลื่นไถล นอกจากนี้ในโหมดการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อที่ความเร็วต่ำ (4LO) ช่วยเสริมกำลังเมื่อเผชิญกับทราย และโคลนที่ลึก
ขณะเดินทางข้ามแม่น้ำ การขับขึ้นโขดหิน รวมถึงขึ้น และลงจากเนินสูงต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างสบายๆ ซึ่งรถที่ประกอบในไทยสามารถผ่านเส้นทางด้อย่างฉลุยไม่มีปัญหา หลังใช้เวลากว่าตรึ่งวันในป่าก็กลับสู่ทางคอนกรีต ไปพักที่เมืองกัวลาตรังกานู เป็นรีสอร์ทอยู่บนเกาะ ซึ่งต้องข้ามสะพานซึ่งมีความสวยงามและเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในมาเลเซียอีกด้วย
เช้าวันที่ 3 ของนิสสัน Go Anywhere ประเทศมาเลเซีย กลุ่มที่ 3 เราสลับจาก นิสสัน เอ็กซ์เทรล มาขับ นิสสัน เทอร์ร่าจุดหมายอยู่ที่ปีนัง ระยะทางวันนี้ 448 กิโลเมตร การขับขี่เหมือนอยู่เมืองไทย สภาพแวดล้อมสองข้างทางราวกับภาคใต้บ้านเรา มีความเป็นธรรมชาติสูง เต็มไปด้วยต้นยางและต้นปาล์มจำนวนมาก การเดินทางบนสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย เส้นทางคดโค้งแต่ช่วงล่างของนิสสัน เทอร์ร่า
ก็สร้างความมั่นใจในการขับขี่อย่างไม่ผิดหวัง ความนุ่มนวลของตัวรถช่วยให้ความเหนื่อยล้าจากการขับขี่เป็นระยะทางนานๆได้เป็นอย่างดี เมื่อเข้าเขตเมืองปีนัง
ยิ่งวุ่นเข้าไปอีกเมื่อข้ามสะพานสู่เกาะปีนัง บนสะพานมีถึงสามเลน แต่ด้วยความที่เรามาถึงปีนังเกือบเย็นแล้วทำให้มีรถค่อนข้างเยอะ ยิ่งพอเข้าตัวเมืองจะพบแยกมากมาย แม้นิสสัน เทอร์ร่า จะมีขนาดใหญ่จนเกือบเต็มถนน แต่ก็มีความคล่องตัวในเมือง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ทวินเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ DOHC ขนาด 2,298 ซีซี มาพร้อมหัวฉีดเชื้อเพลิงระบบไดเร็คอินเจคชัน ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร จึงทำให้ขับเคลื่อนได้อย่างราบรื่นและทรงพลังเมื่อต้องการ
โดยถ่ายทอดผ่านระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด ที่มาพร้อมโหมดขับขี่แบบแมนนวล (M mode) ที่โดดเด่นด้านพละกำลัง ทำให้เราสามารถเรียกพละกำลังได้ทันใจ แข่งกันรถพื้นเมืองที่พยายามจะแทรกเข้ามาในขบวน จนถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
เช้าวันที่ 4 เราเปลี่ยนมาขับนิสสัน นาวารา โดยระยะทางวันนี้ 220 กิโลเมตร จากปีนังข้ามกลับเมืองไทย จุดหมายอยู่ที่หาดใหญ่ ช่วงเช้าเราแวะชมย่านเมืองเก่าปีนัง แวะรับประทานอาหารท้องถิ่นที่ดังที่สุดในปีนัง หน้าตาเหมือนผัดซีอิ้วบ้านเรากับออส่วน หลังจากอิ่มกันแล้ว ทางนิสสันจัดนั่งรถสามล้อท้องถิ่นเพื่อเยื่ยมชมเมืองปีนังและเดินชมสตรีท อาร์ท แล้วมานั่งจิบกาแฟ ตรงข้ามสถานีดับเพลิง ก่อนย้อนข้ามสะพานออกจากเกาะปีนัง รถติดเช่นเดิม การจราจรหนาแน่น มุ่งสู่ประเทศไทย
Go Anywhere ‘ลุยได้ทุกที่’ ภายใต้วิถีการขับขี่ในทุกเส้นทางของนิสสัน
Go Anywhere ประเทศมาเลเซียนับเป็นอีกการเดินทางที่หลากหลายรสชาติการขับขี่ทั้งทางราบ ทางด่วน ทางโค้งบนเขา ผ่าวิกฤติในเมือง และออฟโรด เส้นทางรอบประเทศมาเลเซียสามารถพิสูจน์สมรรถนะ ความสะดวกสบายในการขับขี่ และเทคโนโลยีอัจฉริยะจากการใช้งานจริงของนิสสัน เทอร์ร่า นิสสัน นาวารา และนิสสัน เอ็กซ์เทรล เติมเต็มคำนิยามภายใต้แนวคิดของการขับขี่แบบ Go Anywhere หรือ ‘ลุยได้ทุกที่’ ภายใต้วิถีการขับขี่ในทุกเส้นทางของนิสสัน