TorqueThailand.com
รีวิว ทดสอบ Ford Ranger FX4 Max สนองตอบการออกตัวได้อย่างทันใจขึ้นและยังควบคุมได้ง่าย ฉับไวกว่า ยิ่งถ้าลองได้ใช้งานในเมืองกับราคา 1,189,000 บาท
รีวิว ทดสอบ Ford Ranger FX4 Max เครื่องยนต์ดีเซล พิกัด 2.0 ลิตร 213 แรงม้า
Ford Ranger FX4 Max
“ต้องยอมรับว่า “พลังใจ” ของ “ฟอร์ด ประเทศไทย” นั้นแกร่ง เพราะแม้จะเหลือโปรดักส์ในมือเพียงแค่ “รถกระบะ และรถอเนกประสงค์” แต่การ “ปล่อยของใหม่” ทุกครั้งก็เรียกได้ว่า “เข้าเป้า” ทุกนัด จนเราต้องยอมรับว่าทำการบ้านมาดี รวมถึงครั้งนี้ก็เช่นกันกับ Ford Ranger FX4 Max”
ถ้าหน้าที่ของบาร์เทนเดอร์ คือการสร้างสรรค์สูตรเครื่องดื่มค็อกเทลตามใจลูกค้า เราเดาว่า ฟอร์ด ประเทศไทย ก็น่าจะเป็นบาร์เทนเดอร์สายรถ ทำหน้าที่สร้างสรรค์ยนตรกรรมด้วยสูตรของตัวเองเพื่อตามใจลูกค้าชาวไทยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเดลล่าสุดที่ดูเหมือนเป็นการหยิบเอาส่วนผสม 3 สาย คือ
พื้นฐานของรุ่นย่อย XLT ตามด้วยรายละเอียดบางอย่างจากรุ่นท็อป Wildtrak และศักยภาพจาก Raptor มาเทรวมใส่ในกระบอก Cocktail Shaker Mixing Container ตบท้ายด้วยน้ำแข็งขนาดพอเหมาะซัก 2 ก้อน ที่อีกสักพักจะกลายเป็น Dry Ice ก่อนเริ่มโชว์ลีลาการ “เขย่า” เพื่อกระตุ้นจุดสนใจ ในการเปิดตัวยนตรกรรมปิคอัพสูตรใหม่ล่าสุดอย่าง Ford Ranger FX4 Max ค่าตัว 1,189,000 บาท
ซึ่งแน่นอนว่าทั้งราคา และความสดใหม่ในการทำตลาด ทำให้การหยิบเอารุ่นย่อย XLT มาเป็นพื้นฐานอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะงั้นออปชันอัพเกรดต่างๆ จึงถูกเรียงรายใส่เข้ามาสร้างความ “คุ้มค่า” ให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน และโดดเด่น เช่น
การตกแต่งด้วยโทนสีเทา Bolder Grey ทั้งในส่วนกันชนหน้า และชุดกระจังหน้า พร้อมตัวอักษร FORD ขนาดใหญ่, ฝาครอบกระจกมองข้าง, มือจับเปิดประตู, ฝาครอบช่องระบายอากาศ และซุ้มล้อใหม่ที่ออกแบบมาให้เฉพาะรุ่น FX4 Max
ทั้งยังเติมความดุจากการเลือกใช้โทนสีดำ ในส่วนของบันไดข้างโลหะ และมากับสไตล์ออฟโรดด้วยพื้นผิวกันลื่น ตามด้วยโรลบาร์โทนสีดำด้านบริเวณกระบะท้าย แล้วก็ระบบส่องสว่างที่ยกแบบ LED Projector พร้อมไฟ DRL มาให้ เสริมชุดไฟตัดหมอกหน้ามาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ส่วนภายในคุณก็จะได้อารมณ์สปอร์ตจากโทนสีดำ รับกับวัสดุตกแต่งระดับพรีเมียมจากหนัง, หนัง Alcantara และหนังสังเคราะห์กำมะหยี่บนเบาะนั่ง พร้อมการปักลาย FX4 Max ตลอดจนการตกแต่งด้วยลายคาร์บอน และฟังก์ชันปรับไฟฟ้าฝั่งคนขับ 6 ทิศทาง และฝั่งคนนั่ง 4 ทิศทาง แถมด้วยอารมณ์ของ Raptor อีกนิดด้วยชุดแป้นเหยียบแบบสปอร์ต
ขณะที่ออปชันมาตรฐานก็ถือว่าให้มากพอสมควร ด้วยการหยิบยกมาจากตัวท็อประดับ Wildtrak โดยมีไฮไลท์ เช่น หน้าจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์ขนาด 4.2 นิ้ว, หน้าจอความบันเทิงขนาด 8 นิ้วแบบ Multi-Touch รองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC3 ภาษาไทย
พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, Apple CarPlay ควบคุมได้จากบนปุ่มสวิตช์บนพวงมาลัย ทั้งยังรองรับศักยภาพการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นด้วยช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch มาให้ถึง 6 ตำแหน่ง บนคอนโซลหน้า
มาถึงตรงนี้แล้วต้องบอกว่า แค่เห็นเหล่าอุปกรณ์มาตรฐานที่จัดมาให้ ความกระหายในการอยากลองขับก็เกิดขึ้นทันที โดยเฉพาะเมื่อใต้ฝากระโปรงหน้า คือ ขุมพลังบล็อกเดียวกันกับ Raptor ซึ่งนั่นคือ
เครื่องยนต์ดีเซล พิกัด 2.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบคู่ ที่มีกำลังถึง 213 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตอัตโนมัติ 10 สปีด พร้อม Manual Mode ขับเคลื่อนได้ 3 รูปแบบทั้ง 2H, 4H และ 4L
แถมด้วยการเพิ่มขีดความสามารถจากระบบช่วงล่างแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นในด้านหน้า จับคู่กับโช๊คอัพ FOX ขนาด 2 นิ้วแบบ Monotube เสริมเหล็กกันโคลงขนาด 29 มม. ที่มากับด้านหลังแบบแหนบซ้อน จับคู่กับโช๊คอัพ FOX ขนาด 2 นิ้ว พร้อมการเพิ่ม Sub Tank มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ทั้งยังรองรับด้วยล้ออัลลอยใหม่ขนาด 17 นิ้ว ที่ช่วยเพิ่มความกว้างให้ตัวรถเพิ่มขึ้นอีก 26 มม. จาก Offset ล้อที่ขยับไปเป็น +42 มม. เคลือบด้วยความดุดันจากโทนสีเทา Bolder Grey และรัดยาง All Terrain ขนาด 265/70 R17
แม้ Ford Ranger FX4 Max จะมีศักยภาพเอื้ออำนวยให้คุณลิ้มรสการขับขี่สไตล์ Off Road ได้ง่ายขึ้นก็ตาม แต่ว่ากันตรงๆ กับค่าตัวทะลุ 7 หลัก อาจทำให้บรรดาเจ้าของทำใจยาก หากจะสอยเอาไว้ “ลุย” แบบเป็นเรื่องเป็นราว (เราเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน ขนาดไม่ได้เป็นเจ้าของ) เว้นแต่คุณจะเก็บเจ้านี่ไว้เป็นรถคันที่ 3 หรือ คันที่ 4 สำหรับประกอบกิจกรรม Big Boy Toy
เพราะงั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจึงขออนุญาตที่จะลองขับเจ้า Ranger FX4 Max ในรูปแบบของการใช้งานทั่วไปมากกว่า เพราะด้วยความสามารถแบบ Off Road เราเชื่อว่าสาวกค่ายนี้เค้าน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี
สำหรับการใช้งานทั่วไปแน่นอนว่าด้วยขนาดเรือนร่างจะทำให้คุณได้มาซึ่งความกว้างขวาง สะดวกสบายคล้ายรถยนต์นั่ง พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ที่คุ้มค่าตัว รวมไปถึงเรื่องของสมรรถนะ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า คือ ระบบช่วงล่างที่เปลี่ยนจาก “ของเดิม” มาเป็นแบรนด์ FOX จนการเปลี่ยนแปลงอารมณ์การขับขี่ของรถกระบะไปโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะในส่วนของด้านหลัง จากที่เคยดีดดิ้นสไตล์ “แหนบ” กลับกลายเป็นความ “เนียน” มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่าง “ละมุน” ราวกับการขับรถอเนกประสงค์ ทำให้เราไม่ต้องทุกข์ทรมานกับถนนขาดการซ่อมบำรุงในเมืองกรุง หรือในที่ไหนๆ อีกต่อไป
ส่วนเรื่องขุมพลังอันนี้คงไม่ต้องพร่ำอะไรกันให้มาก ทั้งเรื่องแรงบิด 500 นิวตันเมตร และกำลัง 213 แรงม้า แต่ ด้วยขนาดเรือนร่างของ FX4 Max ที่เพรียวกว่า Raptor มีผลทำให้น้ำหนักตัว “เบากว่า” ประกอบกับการปรับเซ็ทน้ำหนักพวงมาลัย ได้กลายเป็นส่วนประกอบที่ทำให้รับรู้ได้ว่า FX4 Max สนองตอบการออกตัวได้อย่างทันใจขึ้น และยังควบคุมได้ง่าย ฉับไวกว่า ยิ่งถ้าลองได้ใช้งานในเมือง ยิ่งรู้สึกได้ชัด
พูดง่ายๆ ว่า Ford Ranger FX4 Max เป็นรองเพียงหนึ่งเดียว คือ Raptor และเหนือกว่า Wildtrak ถ้าคุณมองเรื่องศักยภาพในการขับขี่เป็นหลัก เพราะบอกได้เลยว่า “โดนใจ” แม้จะไม่มีโหมด Baja หรือ Paddle Shift ตลอดจนขนาดของยางที่เล็กกว่า และการปรับแต่งช่วงล่าง ภายใต้ความจริงที่ว่าเจ้านี่ราคา “ต่ำ” กว่า Raptor ถึงราวๆ 5 แสนบาท
คุณจะรู้สึกว่า “คุ้มค่า” และเหมาะสมดีกับ “ชื่อเล่น” ที่ใครต่อใครต่างก็ตั้งให้ว่า “Baby Raptor” แต่ถ้าหากอยากได้ความครบ จบทีเดียวไม่ต้องเพิ่มเติม ทั้งความหรูหรา, สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และเทคโนโลยีระดับเทพ เราแนะนำว่าให้ไปหาเวอร์ชั่น Wildtrak จะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า
และจากสิ่งที่สัมผัสได้ทำให้เราตีความว่า Ford Ranger FX4 Max คือ ยนตรกรรมที่มาในฐานะ “ตัวเลือก” สำหรับผู้ชื่นชอบ “ทางสายกลาง” ติดกลิ่นอายแบบ Old School ที่เน้นความ “ครอบคลุม”
ทั้งในเรื่องของ “สมรรถนะ” และ “อรรถรประโยชน์” มากกว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง แถมด้วยการอยู่ภายใต้ราคาที่ “ดีงาม” จนเราต้องยอมรับว่าครั้งนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย ทำการบ้านมาได้ดีเลยทีเดียว
Specification : Ford Ranger FX4 Max
- Price : 1,189,000 BHT
- Engine : Diesel 2,000 CC / Bi-Turbo Intercooler /4 Cylinder 16 Valve 213 hp @ 3,750 rpm / 500 Nm @ 1,750 – 2,000 rpm
- Transmission : 10A/T / Part Time Four Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A, Top Speed @ N/A
- Weight : N/A Kg
