รีวิว ทดสอบ Mazda 3 … ความต่างจากเวอร์ชั่น Hatchback ต่างแค่สรีระด้านท้าย แต่ก็สามารถเปลี่ยนความคิดหลายคนให้หันมาสะดุดตากับเวอร์ชั่น Sedan
รีวิว ทดสอบ Mazda 3 2.0 SP Sedan พละกำลัง 165 แรงม้า ราคา1,198,000 บาท
Mazda 3 2.0 SP (Sedan) … The Twins
“ย้อนกลับไปในอดีตของ Mazda 3 ตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรกๆ เรามองว่าเวอร์ชั่น Hatchback คือ ที่สุดของความ “งาม” ที่เวอร์ชั่น Sedan ไม่มีทางเทียบได้ … แต่วันปีที่ผ่าน กาลเวลาที่เปลี่ยน และพัฒนาการด้านงานดีไซน์ทำให้เรา หรืออาจจะใครอีกหลายคน “เปลี่ยน” ความคิดแบบนั้นไปโดยปริยาย”
ความยาวตัวถังของเวอร์ชั่น Sedan คือ 4,660 มม. และเวอร์ชั่น Hatchback 4,460 มม. ขณะที่ความกว้างเท่ากัน คือ 1,795 มม. กับความสูงที่ต่างกันในเวอร์ชั่น Sedan คือ 1,440 มม. และเวอร์ชั่น Hatchback 1,435 มม. ภายใต้แนวคิดงานสร้าง และสไตล์การออกแบบมาตรฐานเดียวกัน แต่กลับสร้างอารมณ์ที่แตกต่างได้อย่างเหลือเชื่อ
ทั้งๆ ที่ 2 รุ่นตัวถัง มีความต่าง… ต่างแค่สรีระด้านท้าย แต่ก็สามารถเปลี่ยนความคิดหลายคนให้หันมาสะดุดตากับเวอร์ชั่น Sedan มากกว่าเวอร์ชั่น Hatchback อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะเราเองก็เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้น
และด้วยสถานะของรุ่นท็อปสุดเหมือนกัน ฉะนั้นรายละเอียดของออปชันมาตรฐานต่างๆ จึงยังคงไม่ต่างอะไรกับรุ่น Hatchback รุ่นท็อปที่เราหยิบยืมมาลอง “ซิ่ง” ในครั้งก่อน ซึ่งหากจำไม่ได้ เราจะย้ำเตือนให้ว่ามีอะไรบ้าง เช่น ระบบส่องสว่างแบบ LED ที่ประกอบด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lamp และไฟท้าย
เสริมด้วยความล้ำสมัยจากเทคโนโลยีอัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) พร้อมระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ Auto Leveling System และระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ขณะที่ด้านหลังมากับความสะดุดตาจากชุดท่อไอเสียคู่ปลายโครเมียมเท่านั้น ต่างจากเวอร์ชั่น Hatchback ก็คือ รูปทรงของด้านท้าย และสปอยเลอร์หลังที่ไม่มีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเท่านั้น
ด้านภายในห้องโดยสารคงต้องบอกว่า “พิมพ์เดียวกัน” และยังคงสร้างความประทับใจในทุกครั้งที่ได้สัมผัส โดยเฉพาะในเรื่องของการเก็บรายละเอียด ทั้งในเรื่องของวัสดุ และโทนสีที่จัดมาให้ ประกอบกันเป็นอารมณ์ระดับเทียบเท่าแบรนด์ฝั่งยุโรป
รวมไปถึงความ “ดีงาม” ตามแนวคิด Less is More จากการลดจำนวนปุ่มฟังก์ชันการทำงานต่างๆ และจัดวางในตำแหน่งที่ไม่ “รกตา” แต่ก็ยังเรียกว่าจัดสรรมาให้เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายอย่างครบครัน
ส่วนสมรรถนะก็ยังคงเป็นสิ่งที่ค่าย Mazda ภาคภูมิใจ ด้วยพัฒนาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่แพลตฟอร์ม เจเนอเรชันใหม่ Skyactiv-Vehicle Architecture ตามด้วยการขับเคลื่อนจากขุมพลังเบนซิน Skyactiv -G พิกัด 2.0 ลิตร เสริมแรงด้วยระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT และระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงที่มีการดีไซน์หัวฉีดขึ้นใหม่
เบ็ดเสร็จแล้วได้เรี่ยวแรงสูงสุด 165 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv –Drive 6 สปีด พร้อม Activematic ภายใต้ความมั่นใจจากระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่บอกได้เลยว่าชาญฉลาดจริง เพราะเราได้สัมผัสมาแล้วจากเวอร์ชั่น Hatchback ในครั้งก่อน
สำหรับอารมณ์การขับ ลึกๆ แล้วเรารู้สึกว่าระหว่างเวอร์ชั่น Hatchback และเวอร์ชั่น Sedan มีความต่างเล็กๆ ในเรื่องของระบบช่วงล่าง ซึ่งแม้จะใช้พื้นฐานเดียวกัน คือ ด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม
แต่กลับรับรู้ได้ถึงความ “นุ่ม” ที่มากกว่า เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่น Hatchback ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของรูปแบบตัวถัง ที่วางตำแหน่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคต่างกัน คือ Hatchback เอาใจวัยรุ่นมากหน่อย ขณะที่ Sedan เจาะกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปก็เป็นได้
แต่ถ้าถามเรา ตอบตรงๆ อารมณ์ของเวอร์ชั่น Sedan ดูจะถูกจริตกับเรามากๆ (อาจเป็นเพราะวัย) โดยในเรื่องของระบบช่วงล่างที่มีความเป็นมิตร เพื่อสร้างสุนทรียภาพในห้องโดยสาร ขณะที่การตอบสนองของพละกำลังยังคงไว้วางใจได้ ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป หรืออยากได้ความมันส์ในแบบสปอร์ต
ซึ่งจะทำให้คุณเข้าถึงความหมายที่ว่า รถและผู้ขับรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวะโฉบเปลี่ยนเลน หลบหลีกเพื่อนร่วมท้องถนน ด้วยการสนับสนุนของระบบพวงมาลัยที่เฉียบคม
นอกจากนี้ เหตุผลที่เรารู้สึกถูกจริตกว่าเวอร์ชั่น Hatchback ก็คือการเก็บเสียงที่ค่อนข้าง “เงียบ” กว่า ซึ่งนี่ไม่ใช่จุดเด่น หรือจุดด้อย แต่ต้องเรียกว่าเป็น “ธรรมชาติ” ของตัวถัง ที่หากมองจากด้านข้างในเวอร์ชั่น Sedan จะเห็นว่ามีการ “แบ่ง” ออกเป็น 3 ส่วน คือ
หน้าสุดบริเวณห้องเครื่อง, กึ่งกลางบริเวณห้องโดยสาร และหลังสุดบริเวณห้องเก็บสัมภาระ ซึ่งในแต่ละส่วนก็มีโครงสร้างปิดกั้น และแบ่งแยกอย่างชัดเจน แถมยังมีพื้นที่ติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงได้มากกว่า
ขณะที่รุ่น Hatchback จะมาแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ หน้าสุดบริเวณห้องเครื่อง ต่อด้วยห้องโดยสาร และห้องเก็บสัมภาระที่ออกแบบให้รวมเป็นส่วนเดียวกัน ดังนั้นจะเห็นว่าเมื่อลองเปิดฝาท้ายมองเข้าไปจะเห็นเป็นลักษณะของ “อุโมงค์” และมีเพียงเบาะนั่งด้านหลังเท่านั้นทำหน้าที่แยกส่วนห้องโดยสาร และห้องเก็บสัมภาระ
ทำให้พื้นที่การติดตั้งวัสดุซับเสียงจึงค่อนข้างมีจำกัด และไม่มากเท่ากับเวอร์ชั่น Sedan ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เมื่อเทียบกันแล้ว ห้องโดยสารด้านหลังของเวอร์ชั่น Sedan จะสร้างความสุนทรีย์ในการเดินทางได้มากกว่า
และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ส่วนใหญ่เวลาขับขี่ไม่ว่าจะในเมือง หรือนอกเมือง เราจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ในสไตล์สบายๆ มากกว่าเวอร์ชั่น Hatchback จนแทบจะเรียกได้ว่าไม่ค่อยโชว์ความปราดเปรียวมากมายหากไม่จำเป็น หรือไม่มีเหตุเร่งด่วน …
ซึ่งไม่ใช่ว่าสมรรถนะจะไม่เอื้ออำนวย หากแต่ว่า “ปัจจัยเร้า” ของเวอร์ชั่น Sedan มันมีไม่มากเท่ากับ Hatchback แม้สมรรถนะโดยรวมของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังจะบล็อกเดียวกัน
โดยปัจจัยเร้าที่ว่าก็ไล่มาตั้งแต่เรื่องของอารมณ์ช่วงล่าง และสุนทรียภาพภายในห้องโดยสาร ไปจนถึงรูปลักษณ์ที่อาจจะมีความต่างทางอารมณ์ให้เห็นบ้างจากสไตล์ของตัวถัง แต่ก็ไม่อาจะปฏิเสธได้ถึงการนำเสนอความสปอร์ตออกมาให้สัมผัสได้อย่างชัดเจน จนทำให้เจ้าของ หรือใครก็ตามที่เพียงแค่มองก็สามารถรู้สึกได้
ทั้งยังทำให้เรานึกถึงการกระทำบางอย่างของตัวเองในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งใครที่เคยมี “รถซิ่ง รถแต่ง” ในครอบครองล่ะก็ เคยมั้ยครับ เวลาขับรถช้าๆ ตามตรอกซอกซอย ผ่านสิ่งก่อสร้างใดๆ ไม่ว่าจะตึกรามบ้านช่อง หรือ ออฟฟิศสำนักงาน ที่มี “กระจก” เป็นประตูหน้า คุณมักจะชอบมองภาพสะท้อนของรถตัวเองผ่านสิ่งเหล่านั้น และไม่ยักจะอินกับรถเดิมๆ บ้านๆ
แต่เชื่อเถอะว่า Mazda 3 ไม่ว่าจะทั้ง Sedan หรือ Hatchback จะทำให้ความรู้สึก และพฤติกรรมแบบนั้นกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากเราก็เป็น และมีความเห็นตรงกันกับทีมงานว่า Mazda 3 เป็นรถที่มีงานดีไซน์สวยที่สุดรุ่นหนึ่ง
ซึ่งแม้จะต่างสไตล์ ต่างอารมณ์กันไปบ้างอันนี้ไม่ว่ากัน และที่สำคัญ คือถ้าอยากอัพเกรดขึ้นไปให้ “สวย” กว่านี้ ก็สามารถทำได้ ด้วยงบประมาณที่ไม่บานปลาย เพราะในความเห็นของเรา เอาจริงๆ แค่เปลี่ยนล้อสวยๆ ให้ได้ Fitment เหมาะๆ ทุกอย่าง คือ “จบ” แค่นั้นเลย
Specification : Mazda 3 2.0 SP (Sedan)
- Price : 1,198,000BHT
- Engine : 1,998 CC / 4 Cylinder 16 Valve / 165 hp @ 6,000 rpm/ 213 Nm @ 4,000 rpm
- Transmission : 6A/T – Activematic / Front-Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A, Top Speed @ N/A
- Weight : N/A