รีวิว MG HS PHEV นวัตกรรม PLUG-IN HYBRID ใหม่

รีวิว ทดสอบ MG HS PHEV พื้นฐาน MG HS ที่มาพร้อมการขยายขีดความสามารถในการขับเคลื่อนมากขึ้น จากเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ภายใต้ราคาเพียง 1.4 ล้าน

รีวิว ทดสอบ MG HS PHEV ยนตรกรรม PHEV จากเทคโนโลยี Plug-in Hybrid

MG HS PHEV

MG HS PHEV หลายคนคงคิดว่าเป็นแค่รถ Plug-in Hybrid ที่พบเจอได้ทั่วไป … ในขณะที่เรามองลึกๆ ว่าเหมือนการปูพื้นฐานความเข้าใจ และปรับพฤติกรรมการใช้รถ ก่อนส่งต่อไปยังนวัตกรรมขั้นสูงกว่าอย่าง Pure EV … และนั่นคือ “เหตุผล” ที่เราหยิบยืม มาทำความรู้จักให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

MG Thailand คือ อีกหนึ่งแบรนด์ในประเทศไทยที่เรารู้สึกเหมือนมีการ “ฉีดสารสเตียรอยด์” เข้าไปในระบบ เพื่อสร้างพลังในการไล่ตามกระแสโลก ทั้งจากวิวัฒนาการด้านยานยนต์ และเทรนด์ผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่มรถอเนกประสงค์ ที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน

พร้อมด้วยการเสริมทัพจากเหล่ายนตรกรรมพลังไฟฟ้าล้วนๆ ทั้งจาก SUV พิกัดเล็กอย่าง MG ZS EV ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ ก่อนที่ล่าสุดจะเข็น MG EP อีกหนึ่งรถอเนกประสงค์พลังไฟฟ้าล้วน แต่ต่างสไตล์ของการเป็น Station Wagon ออกมาให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก

และถ้าหากใครรู้สึกว่า “ยนตรกรรมพลังไฟฟ้า” ยังเป็นสิ่ง “ไกลตัว” จนต้องขอเวลาทำความคุ้นเคยอีกนิด ขณะที่ยนตรกรรมประเภท Hybrid ดูจะมีความสนิทสนมที่มากกว่า ทาง MG Thailand ก็ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเตรียมไว้ให้พิจารณ่านกัน

ซึ่งนั่นก็คือ MG HS PHEV รถอเนกประสงค์ SUV พิกัดใหญ่จากพื้นฐาน MG HS ที่มาพร้อมการขยายขีดความสามารถในการขับเคลื่อนมากขึ้น ภายใต้ราคาเพียง 1.4 ล้าน จนต้องบอกว่าเร้าใจมากๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด

MG HS PHEV ถูกเปิดตัวขึ้นมาพร้อมกับแนวคิด “Refinement” ขับเคลื่อนทุกคุณค่าของชีวิต พร้อมจุดเด่นในเรื่องของ “ออปชัน” ที่ยังคงจัดมาให้อย่างครบถ้วน และการตอกย้ำความเป็นโมเดล HS จากแบรนด์ MG ที่ผสมผสานความหรูหรา และความสปอร์ตอย่างลงตัว เช่น เส้นสาย British Shoulder Line และกระจังหน้า Stellar Magnetic Field อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

รับกับชุดไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ และชุดไฟ Daytime Running Lights, ไฟท้ายแบบ LED Space Light Field, ไฟเลี้ยวแบบ Sequential ก่อนจะสร้างความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่แบบ Thunder Wing Blade ขนาด 18 นิ้ว

ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารจะเห็นถึงความเป็นยนตรกรรมพลังไฟฟ้าล้วนมากขึ้น จากสไตล์งานตกแต่งที่เลือกใช้โทนสี 2-Tone Monaco Blue ขณะที่การเลือกใช้วัสดุยังคงเป็น Soft Touch และเบาะหนังคู่หน้าที่ยังให่ความสปอร์ตเร้าใจด้วยดีไซน์แบบ Sport Bucket Seat ตกแต่งด้วย Alcantara รับกับหลังคาแบบ Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่มาก

ส่วนความสะดวกสบายก็อย่างที่บอกไว้ว่า “ครบ” ตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว มาคู่กับหน้าจอ Infotainment ขนาด 10 นิ้ว พร้อมเครื่องเสียง BOSE 8.1 Sound System, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และระบบกรองอากาศ PM 2.5 ไปจนถึงระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Key, ปุ่ม Push Start และฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า

และที่ขาดไปไม่ได้ก็คือ “พระเอก” ของงานอย่างระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่ และรถให้เป็นหนึ่งเดียวกันผ่านเทคโนโลยี AI ผ่าน Smart Command สำหรับการควบคุมทั้งจากคำสั่งเสียงภาษาไทย หรือผ่านสมาร์ทโฟนก็ตาม …

เอาเป็นพูดง่ายๆ ว่าองค์ประกอบทางกายภาพของ MG HS PHEV นั้นแทบจะไม่ต่างอะไรกับ MG HS รุ่นพื้นฐาน ซึ่งรวมไปถึงเรื่องของความปลอดภัย จนทำให้ผู้บริโภคชาวไทยยกให้เป็นขวัญใจมหาชนในเรื่อง “ความคุ้มค่า” ก็ว่าได้

จากพื้นฐานความคุ้มค่าทางกายภาพ ก็ก้าวมาสู่ความคุ้มค่าด้านพลังงานในฐานะของยนตรกรรม PHEV จากเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่รวมเอาความสามารถของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า มาเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อน เพื่อนำเสนอความชัดเจนของคำว่า “Brit Dynamic” จากเรี่ยวแรงระดับ 284 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จาก 2 ส่วนสำคัญ

คือ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร 162 แรงม้า พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่มีกำลัง 122 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ EDU II – 10 Speeds

ที่เคลมว่าสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.5 วินาที และมีรูปแบบการขับขี่มาให้ถึง 5 รูปแบบ คือ Normal, Eco, EV, Sport และโหดสุดกับโหมด Super Sport ภายใต้อารมณ์การขับขี่จากระบบช่วงล่างสไตล์ Euro Tuning Suspension

อีกทั้งยังเคลมว่าแบตเตอรี่ Lithium-Ion ที่ใช้เป็นแบบ 6 โมดูล ซึ่งทำให้มีขนาดใหญ่ถึง 16.6 kWh ซึ่งมีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพในการสะสมพลังงานได้มากกว่า เพื่อการทำระยะทางที่มากขึ้นด้วยตัวเลข 67 กม. เมื่อขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า100% หลังจากชาร์จเต็ม ทั้งยังมาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่สามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับ (Regenerative) ได้ถึง 3 ระดับ

ซึ่งด้วยคุณสมบัติของ MG HS PHEV จากข้างต้น ได้กลายเป็นสิ่งที่สร้างความน่าสนใจ จนต้องหยิบยืมมาลองดูบ้าง ด้วยสไตล์ที่เราเดาว่าเป็นพื้นฐานของคนใช้รถ Hybrid ทั่วไปอย่างโหมด Auto ที่ยกการตัดสินใจให้ MG HS PHEV เลือกใช้พลังงานตามความเหมาะสม

แถมส่วนตัวผมเองก็เป็นคนขับรถที่ “ใช้คันเร่งไม่เปลือง” มากนัก เลยทำให้พอจะทราบว่าถ้า “เท้าเนียน” มากพอ ขณะใช้ความเร็วต่ำๆ ซัก 50-60 กม./ชม. ไม่เกินนี้ หรือพูดง่ายๆ ว่า ระดับใช้งานในเมือง ก็จะได้ความประหยัด (น้ำมันเชื้อเพลิง) ที่ชัดเจน

โดยเฉพาะถ้ามีปริมาณแบตเตอรี่มากพอ การขับเคลื่อนทั้งหมดจะเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เท่านั้น แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับความประหยัด (น้ำมันเชื้อเพลิง) น้อยลงมาอีกหน่อย ลองกดคันเร่งลึกๆ ทั้งใน Sport Mode และ Super Sport Mode เพื่อให้เครื่องยนต์เข้ามามีส่วนร่วมในการเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ก็ดูจะเป็นคำตอบที่เหมาะสม

เว้นแต่คุณเป็นคนมุ่งมั่นอยากประหยัด (น้ำมันเชื้อเพลิง) อย่างเอาจริง เอาจัง เราแนะนำให้เลือกไปที่ EV Mode ซึ่งจะช่วยตอกย้ำความมั่นใจมากขึ้น ว่าจะไม่มีการทำงานของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง

นอกจากนี้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ของ MG HS PHEV ยังเปลี่ยนภาพจำในหัวของเราไปอีก ด้วยเรื่องของสมรรถนะอัตราเร่งที่ปราดเปรียวเกินคาด จากนิสัยของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องรอรอบ สำหรับเรียกใช้งานพละกำลัง 122 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร แต่ก็แน่นอนว่าต้องแลกมาด้วยปริมาณของแบตเตอรี่ที่ใช้ออกไปตามน้ำหนักเท้า

ส่วนภาพรวมของการขับขี่ ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ยังคง “ดีงาม” ตามแบบฉบับ MG HS รถอเนกประสงค์ SUV ที่มีขนาดตัวถังเหมาะสมทั้งการใช้งานในเมือง หรือ นอกเมือง ซึ่งใครที่เคยผ่านมือ MG HS น่าจะเข้าใจได้ดี ทั้งในเรื่องของ ทัศนวิสัยในการขับขี่, ออปชันมาตรฐาน และระบบความปลอดภัย และยิ่งเมื่อเป็นเวอร์ชั่น PHEV ที่ได้ทั้ง “สมรรถนะ” และความ “ประหยัด” เพิ่มเติมเข้ามาอีกล่ะก็ … บอกเลยว่า “โคตรคุ้ม”

อธิบายง่ายๆ ถ้าใน 1 วันมีเหตุให้ต้องเดินทางตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนถึงเคหะสถานอยู่ในระยะซัก 50 กม. หรือมากกว่านั้นเล็กน้อย คุณสามารถเลือกได้เลยว่าอยากจะประหยัด (น้ำมันเชื้อเพลิง) ในระดับไหน ไม่ว่าจะเป็นขั้นสุดจาก EV Mode หรือ น้อยลงมานิด แต่สนุกขึ้นอีกหน่อยก็จัดไปใน Auto Mode จนกระทั่งถึงคึกสุดๆ ก็ต้อง Sport Mode และ Super Sport Mode

โดยความคึกของทั้ง 2 โหมดที่ว่า ก็ใช่จะเต็มเหนี่ยวมากนัก เนื่องจากพื้นฐานของตัวรถอเนกประสงค์ SUV ซึ่งมีคุณสมบัติหลักๆ คือ ใช้งานในระดับทั่วไป ฉะนั้นถ้าใครเข้าใจในภาพรวม และกำลังมองหารถที่เต็มไปด้วยคุณสมบัติแบบนี้ ก็คงต้องยกให้เจ้า MG HS PHEV เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในใจแล้วล่ะครับ

Specification : MG HS PHEV

• Price : 1,359,000 BHT
• Engine : 1,490 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / Turbo TGI 162 hp @ 5,500 rpm / 250 Nm @ 1,700 – 4,300 rpm 
• Electric Motor : 122 hp / 230 Nm
• Transmission : EDU II – 10 A/T
• Performance :  0 – 100 Km/h @ 7.5 Sec / Top Speed @ N/A
• Weight : 1,775 Kg.