รีวิว ทดสอบ NISSAN KICKS e-POWER รถยนต์ไฮบริด ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ อี-พาวเวอร์ (e-POWER) กับสีตัวถังใหม่ ‘สีเหลือง- Sunlight Yellow’
รีวิว ทดสอบ NISSAN KICKS e-POWER สีตัวถังใหม่ ‘สีเหลือง- Sunlight Yellow’
NISSAN KICKS e-POWER
“ได้ฤกษ์ซักที หลังแอบลุ้นมานาน กับการเติมความสดใสให้ Nissan Kicks โดดเด่นขึ้น สมฐานะผู้นำเทคโนโลยี Hybrid ที่ไม่เหมือนใคร … แม้ “สมรรถนะ” จะไม่มีแตกต่าง แต่ความใหม่ของโทนสีก็สร้างจุดเด่นให้คุณได้เหนือใครจริงๆ
หากมองดูเกมส์การทำตลาดของค่ายรถยนต์ในเมืองไทย เราคิดว่าหลายคนน่าจะพอมองเห็นถึงแนวทางใหม่ ที่แต่ละค่ายต่างก็เริ่ม “เน้นหนัก” กันอย่างเห็นได้ชัด … ใช่ครับ แนวทางที่ว่าก็คือเรื่องของ “สมรรถนะ” ที่เกิดขึ้นจาก “ขุมพลังทางเลือก” ไม่ว่าค่ายรถน้องใหม่ในเมืองไทย หรือค่ายใหญ่ที่ปักหลักกันมานาน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งญี่ปุ่น หรือยุโรปก็ตาม
แล้วก็ด้วยการมาถึงของขุมพลังทางเลือกอย่าง Hybrid, Plug-in Hybrid, หรือแม้กระทั่ง EV (Electric Vehicle) นี่แหละ คือ สิ่งที่ทำให้เรานึกถึง Nissan Kicks ขึ้นมาอีกครั้ง ในฐานะของผู้นำยนตรกรรม Hybrid สไตล์ใหม่ที่ใช้ชื่อเทคโนโลยีว่า e-POWER นั่นเอง
สิ่งที่ทำให้เรานึกถึงเจ้า Nissan Kicks นั้นไม่ได้มีเพียงเทคโนโลยีการขับเคลื่อนสุดล้ำสมัยเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงความโดดเด่นในรายละเอียดด้านงานดีไซน์ ที่ถูกจัดวางอยู่บนตัวถังทรงกระชับสไตล์ Compact ความยาว 4,290 มม., ความกว้าง 1,760 มม., ความสูง 1,615 มม. ที่วางตัวบนระยะฐานล้อยาว 2,615 มม. ผสานกับความกว้างด้านหน้า 1,520 มม. และด้านหลัง 1,535 มม.
ซึ่งแน่ล่ะว่าถ้ามันยังคงมีตัวเลือกโทนสีเดิมๆ ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เรารู้สึกกลับมาสนใจเท่าไหร่ เพราะนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นทั้งขนาด และงานดีไซน์ เราเองยังแอบคิดส่วนตัวว่าทำไมไม่มีโทนสีสดใส ออกมาเอาใจคนโลกสวยบ้าง จนกระทั่งในที่สุดข่าวดีก็มีออกมาให้เห็น
เมื่อ นิสสัน ประเทศไทย เติมโทนสีใหม่ลงไปให้ Nissan Kicks กันถึง 2 สไตล์ คือ สีเหลือง Sunlight Yellow และสีน้ำเงิน Night Blue … ฉะนั้นแล้วสำหรับวัยรุ่นอย่างเรา หลายคนน่าจะเดาไม่ยากนะครับว่าถูกใจโทนสีไหนมากที่สุด
ใช่ครับ “สีเหลือง Sunlight Yellow” นี่แหละ คือ อะไรที่โดนมาก เพราะเราช่างรู้สึกถึงความเข้ากันดีกับสไตล์ของ Nissan Kicks แถมยังช่วยขับเน้นองค์ประกอบภายนอกที่มีทั้งเส้นสาย รายละเอียดทันสมัย
ไม่ว่าจะเป็นชุดกระจังหน้าแบบ V-Motion โทนสีดำเงาสลับเส้นโครเมียม ต่อเนื่องไปยังชุดไฟหน้า พร้อมไฟ Signature Light, ชุดไฟ Daytime Running Lights และชุดไฟตัดหมอกแบบ LED
อีกทั้งยังมีแนวหลังคาแบบ Floating Roof พร้อมชุดการ์ดกันกระแทกรอบคันเพื่อส่งเสริมอารมณ์ความเป็น Crossover เล็กๆ เช่นเดียวกับขนาดของล้ออัลลอย 17 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ขณะที่มุมมองจากด้านหลังก็น่ามองด้วย ชุดไฟท้ายแบบ LED Signature Light และสปอยเลอร์หลังคาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED อีกด้วย
แล้วก็ทั้งหมดนั่นแหละครับ ที่ประกอบกันเป็นความโดดเด่นสะดุดตามากขึ้นไปอีกระดับ โดยเฉพาะเมื่ออยู่บนตัวถังโทนสีเหลือง Sunlight Yellow ซึ่งส่งให้เรากลายเป็นจุดเด่นบนท้องถนนได้ไม่ยาก แถมยังรวมไปถึงการแสดงความชัดเจนในความเป็น “คนหัวก้าวหน้า” จากการเลือกใช้ Nissan Kicks เป็นพาหนะคู่ใจอีกด้วยเช่นกัน
ส่วนภายในห้องโดยสารของ 2 โทนสีใหม่ นั้นมีการเปลี่ยนอารมณ์เล็กๆ ด้วยการเพิ่มชุดแต่ง Stylish Package เข้าไปให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งจะประกอบด้วยระบบไฟ Ambient Light และการตกแต่งจากวัสดุโทนสีดำเงา Piano Black ตัดสลับด้วยโทนสีเงิน Metallic
ขณะที่เรื่อง “ออปชั่น” คงต้องบอกว่า “อกหัก” สำหรับคนที่แอบคาดหวังอะไรก็ตามเพิ่มเติม ฉะนั้นเราเลยขออนุญาต “ข้าม” ไป ส่วนใครที่จำไม่ได้ และอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างที่จัดมาให้ เราคงต้องแนะนำให้แวะเข้าไปชมในเว็บไซต์ หรือ โชว์รูมใกล้บ้าน อาจจะได้ควบถ้วนทุกความต้องการที่อยากรู้มากกว่า โดยเราจะขอแง้มบอกคร่าวๆ เลยว่า “ครบเครื่อง” แน่นอน
สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ เทคโนโลยี e-POWER ซึ่งแม้เราจะเคยพูดไปแล้ว แต่ก็อยากจะพูดอีกครั้งว่าเจ้านี่คือวิวัฒนาการด้าน Hybrid อีกหนึ่งประเภทที่ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ คือ เครื่องยนต์รหัสเบนซินรหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตรแบบ 3 สูบ 12 วาล์ว DOHC
พร้อมระบบแปรผันวาล์ว CVTC (Continuously Variable Valve Timing Control) และการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด Electronics Injection Multi-point (ECCS) และมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งทำหน้าที่ “แยกกันอย่างชัดเจน”
โดยกล่าวคือ หน้าที่หลักของเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรจะเป็น “เครื่องกำเนิดไฟฟ้า” หรือ “เจนเนอเรเตอร์” เพื่อปั่นไฟและนำไปกักเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ขณะที่การ “ขับเคลื่อน” หรือ “หมุนล้อ” จะเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ในล้อคู่หน้า โดยใช้ไฟจากตัวแบตเตอรี่นั่นเอง … พูดง่ายๆ ก็คือ…
Nissan Kicks จะมากับความสามารถในการสร้างพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้เองด้วยเครื่องยนต์ โดยไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จไฟจากภายนอก ฉะนั้นเรี่ยวแรงสูงสุดที่ระบบไว้ในสเปคว่า 129 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตันเมตร จึงเป็นอะไรที่มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์แม้แต่น้อย
ส่วนระบบส่งกำลังจะเป็นชุดเกียร์แบบ Single Speed โดยมี Drive Modes ให้เลือกปรับใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Normal, Smart, Eco และโหมด EV พร้อมระบบการขับขี่ที่เรียกว่า One-Pedal ซึ่งช่วยสร้างความสะดวกมากขึ้น จากการที่สามารถทำได้ทั้งการ “เร่ง” และ “เบรก” ได้จากแป้นคันเร่งเพียงอันเดียว … ที่เอาตรงๆ ก็ใช้งานไม่ยากหรอกครับ แค่ต้องปรับตัวให้คุ้นชินเท่านั้น
ในด้านการขับขี่ก็คงต้องบอกได้เลยว่าไม่มีอะที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากที่เลยลองขับ เพราะหลักๆ ของความเปลี่ยนแปลงอยู่ในเรื่องของโทนสีตัวถังใหม่ ทำให้เราจึงแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมายนัก หลังจากประจำที่นั่งหลังพวงมาลัย รวมไปถึงใช้เวลาไม่นานที่จะสามารถควบคุม Nissan Kicks ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตอบสนองที่ยังไว้วางใจได้ดี ทั้งในเรื่องของการออกตัว และการเร่งแซง ที่กระชับฉับไว เช่นเดียวกับระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า EPS (Electronic POWER Steering) ที่เหนือชั้นในย่านความเร็วต่ำ ด้วยความง่าย และเบาแรง เพื่อแสดงออกถึงความคล่องแคล่ว คล่องตัว
ขณะที่เมื่อขยับความเร็วขึ้นสูง การหน่วงน้ำหนักก็สามารถทำได้อย่างสัมพันธ์กับความเร็ว ที่แม้ส่วนตัวเราจะรู้สึกว่า “เบา” ไปบ้าง แต่เมื่อนึกถึงประเภทของรถ ก็น่าจะทำให้ละไว้ในฐานที่เข้าใจได้บ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในภาพรวมก็ถือว่ายังคงให้ความมั่นใจได้ในระดับที่น่าพอใจ แบบไม่มีอาการ “เหงื่อชื้นมือ” แม้จะถือพวงมาลัยตรงๆ หรือสนุกสนานกับการเคลื่อนไหวเข้า-ออกโค้งก็ตาม
ซึ่งนั่นรวมไปถึงขีดความสามารถของระบบช่วงล่างที่มีการปรับเซ็ทมาอย่างลงตัวเช่นกัน โดยพื้นฐานด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม จะช่วยให้คุณรู้สึกถึงความนุ่มนวลบ้างในความเร็วต่ำ แต่ก็ไม่ “กระด้าง” เพื่อนำเสนอความสปอร์ตมากมายนัก
แถมเมื่อมองจากสถานะของความเป็นรถอเนกประสงค์ SUV และเทคโนโลยี e-POWER ที่มีมาให้ ก็ดูจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น ในการกล่าวย้ำว่า Nissan Kicks คือ ยนตรกรรมที่มีสไตล์การขับขี่ค่อนข้าง “เป็นกลาง” ให้เข้าถึง และใช้งานง่าย
เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีความต้องการหลากหลาย ใช้งานได้ง่าย รวมไปถึงเสิร์ฟความสุนทรีย์ในการเดินทางได้ทุกตำแหน่งของห้องโดยสาร ไปจนถึงประเด็นสำคัญก็คือ “ความประหยัด”
เหนือไปกว่านั้นก็ต้องยกให้กับระบบความปลอดภัย ที่เชื่อแน่ว่าเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเป็นลำดับต้นๆ ซึ่งหากมองดูรายนามระบบต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงระดับ Advance อย่างระบบ Nissan Intelligent Mobility
และเทคโนโลยีความปลอดภัย Safety Shield แล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่า “คุ้มค่า” จะเป็นคำแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองของคุณทันที ที่ได้รู้จัก Nissan Kicks แบบจริงจัง ซึ่งเราแนะนำว่าคุณควรจะต้อง “ทำ” ครับ
Specification : NISSAN KICKS e-POWER
- Price : 1,049,000 BHT
- Engine : 1,198 CC / 3 Cylinder / 12 Valve 60 hp @ 6,000 rpm / 103 Nm @ 3,600-5,200 rpm
- Electronic Motor : 129 hp / 260 Nm
- Transmission : Single Speed / Front Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight : 1,350 Kg.