รีวิว ทดสอบ Nissan Navara PRO-4X พื้นฐานจาก Navara แต่ดีไซน์ใหม่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากปิคอัพพิกัดใหญ่อย่าง Nissan Titan
รีวิว ทดสอบ Nissan Navara PRO-4X ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
Nissan Navara PRO-4X
เป็นที่ฮือฮาไม่น้อย สำหรับการมาของ Navara PRO-4X กับฐานะตัวท็อปสุดแห่งอนุกรม Navara เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งแน่นอนว่า “สมรรถนะ” คือ ส่วนหนึ่งที่น่าสนใจ แต่เหนืออื่นใด คือ “รูปลักษณ์” ที่ตื่นตะลึง จนเราอดไม่ได้ที่จะต้องยืมมาลองซักตั้ง
สำหรับ Nissan Navara PRO-4X คือ 1 ใน 2 ของ Nissan Navara PRO Series ซึ่งมีกันแค่ 2 รุ่น คือ น้องชายคนเล็กอย่าง PRO-2X ขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ราคา 999,000 บาท และพี่ชายคนโตที่อยู่กับเราอย่าง PRO-4X ขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่มีค่าตัวระดับ 1,149,000 บาท
โดย Navara PRO-4X นั้นมีที่มาจาก Navara รุ่นพื้นฐาน แต่ได้รับการดีไซน์ใหม่ ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากปิคอัพพิกัดใหญ่อย่าง Nissan Titan บนขนาดมิติตัวถังความยาว 5,260 มิลลิเมตร, ความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร และความสูง 1,840 มิลลิเมตร ทอดตัวยาวบนระยะฐานล้อ 3,150 มิลลิเมตร ที่มีความกว้างแทรคล้อทั้งด้านหน้า
และด้านหลังเท่ากันที่ 1,570 มิลลิเมตร พร้อมด้วยขนาดกระบะบรรทุกที่ขนาดความยาว 1,470 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,495 มิลลิเมตร และความสูง 520 มิลลิเมตร โดยมีน้ำหนักรวมถึง 2,083 กิโลกรัม ลอยอยู่เหนือพื้นโลกด้วยระดับ Ground Clearance หรือความสูงใต้ท้องรถที่ 225 มิลลิเมตร
ส่วนจุดเด่นของ Navara PRO-4X นั้นแน่นอนว่าต้องเริ่มต้นจากรูปลักษณ์เป็นอันดับแรก ตั้งแต่ตัวถังโทนสีเทาพิเศษมที่เรียกว่า Stealth Grey ตัดด้วยการเอาโทนสีดำเข้ามาสร้างเอกลักษณ์ เช่น ในส่วนของชุดกระจังหน้าแบบ Interlock ที่ใหญ่ และกว้างขึ้น, ชายกันชนล่าง, ราวแร็คหลังคา, คิ้วขอบซุ้มล้อ, มือจับเปิดประตูภายนอก ตามด้วยการเพิ่มโทนสีส้มแดงลงไปบนตัวรถ อาทิ โลโก้ Nissan ทั้งบนด้านหน้า และด้านหลัง, รายละเอียดบนชุดกันชน, คิ้วขอบซุ้มล้อ, สติ๊กเกอร์ PRO-4X
ไล่ไปจนถึงด้านหลังที่สร้างความสะดุดตาด้วยงานดีไซน์ใหม่ของ ชุดฝาท้าย, กระบะท้าย และชุดกันชนท้าย ตามด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่จัดมาให้ครบๆ ซึ่งประกอบด้วย ชุดไฟหน้าแบบ LED แบบ 4 ดวง (Quad-Eyes) พร้อมระบบไฟ Daytime Running Lights แบบ 2 ชั้นรูปทรง C – Shape ที่มากับชุดไฟตัดหมอกหน้า ไปจนถึงไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ก่อนปิดท้ายด้วยความดุดันจากล้ออัลลอยสไตล์ Off-Road โทนสีดำ ดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยาง All-Terrain
เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้องโดยสาร เรายังคงคุ้นตากับภาพรวมส่วนใหญ่ ยกเว้นสีสันที่เพิ่มเติมขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ชุดพวงมาลัยดีไซน์ใหม่ พร้อมตราสัญลักษณ์โทนสีแดง ช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ตให้กับการตกแต่งที่เน้นโทนสีดำ เสริมด้วยรายละเอียดที่เป็นโทนสีดำเงาแบบ Piano Black และเบาะนั่งดีไซน์เฉพาะรุ่น Pro4X ที่หล่อเหลาด้วยการตัดเย็บลวดลายของเบาะนั่ง รวมไปถึงการเลือกใช้ “ด้ายแดง”
ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานนั้นจัดมาให้แบบครบเครื่องตามสไตล์ตัวท็อป ไล่มาตั้งแต่ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button และระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Keyless Entry ตามด้วยชุดมาตรวัด พร้อมหน้าจอ MID แบบสี TFT สไตล์ 3 มิติ ดีไซน์ใหม่ ขนาด 7.0 นิ้ว,
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ที่แยกได้อิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ตามด้วยความบันเทิงจากหน้าจอเครื่องเสียง ระบบสัมผัส Touchscreen ดีไซน์ใหม่ ขนาด 8.0 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
ตลอดจนระบบ Nissan Connect ไปจนถึงวิทยุ AM/FM/MP3/AUX/USB/Bluetooth ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายจากระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition และระบบมัลติฟังก์ชั่นสำหรับควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ซึ่งเราพยายามเลือกบทเพลงสุดเร้าใจให้เหมาะกับ Navara PRO-4X สำหรับการออกตะลุย “ป่าคอนกรีต” ในวันนี้
ทั้งๆ ที่ใจก็ออกจะเสียดาย เนื่องจากได้เวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาลองขับ และด้วยตรรกะพื้นฐาน ที่เราคิดว่าผู้บริโภคทั่วไปคงไม่อยากจะเอารถปิคอัพราคา 1,149,000 บาท เข้าป่าไปลุยให้ “เปลืองตัว” เพราะงั้นเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากลองใช้งานแบบปกติทั่วไป กับสภาพการจราจรเป็นหลัก
ขุมพลังของ Nissan Navara PRO-4X มากับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส YS23DDTT พิกัด 2.3 ลิตร DOHC พ่วงระบบอัดอากาศ Twin-Turbo และระบบระบายอากาศ Intercooler ที่ให้กำลัง 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่เลือกปรับเปลี่ยนได้ในแบบที่เราคุ้นเคย คือ 2H, 4H และ 4L … ซึ่งบอกเลยว่าเราคงไม่มีโอกาสได้ก้าวล่วงไปถึงการขับเคลื่อนแบบ 4L แน่ๆ และด้วยเหตุผลนั้น เราจึงว่ากันด้วยการขับเคลื่อนแบบ 2H ที่น่าจะตอบโจทย์ตรงสุดสำหรับการใช้งานแบบปกติสามัญ
โดยสิ่งแรกที่ถูกใจเราอย่างมาก ก็คือ แรงบิดรอบต่ำที่ว่ากันด้วยตัวเลข 450 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,500 รอบต่อนาที ไปจนถึง 2,500 รอบต่อนาที ที่สร้างความกระฉับกระเฉงสำหรับการใช้งานในย่านความเร็วต่ำ เช่น ท่ามกลางการจราจรติดขัดในเมือง ที่เพียงกดกระแทกคันเร่งเล็กน้อย ก็สามารถพาตัวรถทะยานออกตัวจากจุดหยุดนิ่งได้อย่างสะใจ
ทั้งยังรวมไปถึงความมันส์ในช่วงจังหวะการเปลี่ยนเลนที่ทำได้อย่างมั่นใจ จนบางครั้งบางคราวรู้สึกราวกับขับรถสปอร์ตคันใหญ่ มากกว่าจะเป็นปิคอัพคันโตเลยทีเดียว
อีกหนึ่งจุดที่เราชื่นชอบก็คือ “ชุดพวงมาลัย” ที่ไม่มั่นใจว่าเราขาดการติดต่อจาก Navara ไปนาน หรือเพราะการปรับเซ็ทขึ้นใหม่ เลยทำให้รู้สึกแปลกมือไปบ้างในทางที่ดี ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องแรกก็คือ “เนื้อสัมผัส” แต่ที่น่าสนใจจริงๆ ก็คือ “การตอบสนอง” ที่คล้ายจะมีความเฉียบคมขึ้น ตอบสนองดีขึ้น โดยเฉพาะในความเร็วต่ำที่ทำให้ผู้ขับไม่ต้องออกแรง “สาว” พวงมาลัยมากขึ้น ขณะเดียวกันในย่านความเร็วสูงก็มีน้ำหนักหน่วงเข้ามาเติมเต็มความมั่นใจ จนทำให้การใช้ความเร็วทั้งในระดับปกติ หรือแอบแรงเกินกว่ากฎหมายกำหนดมั่นใจมากขึ้น
แต่ทั้งหมดทั้งมวล ก็ยังคงไว้ซึ่งสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Navara ที่หากใครเคยผ่านมือมาบ้างก็น่าจะพอรู้จักความ “ดีดดิ้น” จากด้านหลัง ขณะที่ในเวอร์ชั่น PRO-4X นั้นมีข้อมูลว่ามีการปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ … แต่ก็ยังมีอาการที่ “ขัดใจ” พ่อบ้าน แม่บ้าน ที่เอนเอียงไปทางความ “นุ่มนวล” อยู่ดี แม้จะเป็นเวอร์ชั่น 4 ประตู
ที่ ณ ปัจจุบันผู้บริโภคมองว่าเป็นยนตรกรรมสไตล์ “รถครอบครัว” มากกว่ารถใช้งานบรรทุก ฉะนั้นสำหรับใครที่เคยผ่านมือมาแล้ว หรือ “รับได้” กับอาการของช่วงล่าง และมองภาพรวมเป็นหลัก เราคิดว่าน่าจะ “รับมือ” กับมันได้ไม่ยาก
เพราะนอกจากรูปลักษณ์ที่ “โคตรหล่อ” และ “สมรรถนะ” ที่ “ดุดัน” พร้อมด้วย “ออปชัน” ที่จัดเต็มตามฐานะ “ตัวท็อป” แล้ว สิ่งที่เติมเต็มขั้นสุดท้ายเพื่อสร้างความมั่นใจก็คือ เรื่องของระบบความปลอดภัย ซึ่งจัดมาให้แบบครบๆ ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงระบบหัวแถว ที่จัดมาแบบแน่นๆ ว่ากันมาตั้งแต่ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบป้องกันการลื่นไถลแบบ Brake Limited Slip (B-LSD), ระบบล็อคเฟืองท้ายไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential,
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor, ระบบล็อครถอัตโนมัติ เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็ว Auto Door Lock by Speed, ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ VDC, ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ ARC, ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติในขณะถอนคันเร่ง หรือ เข้าโค้ง AEB, ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ATC, ระบบป้องกันการลื่นไถล Active Brake Limited Slip Differential System,
ระบบควบคุมเสถียรภาพรถขณะลากจูง Trailer Sway Assist, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning, ระบบควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทาง Lane Intervention, ระบบเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning, ระบบเตือนเมื่อมีวัตถุตัดผ่านขณะถอยรถ RCTA, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist,
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน Intelligent Emergency Braking, ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning, ระบบตรวจจับ และ ส่งสัญญาณเตือนวัตถุรอบคัน MOD, ระบบช่วยเตือนเมื่อเกิดอาการเหนี่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Assist, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control, ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง และกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา Around View Monitor
ฉะนั้นสรุปให้ง่ายๆ สั้นๆ ว่าท้ายสุดเจ้า Nissan Navara PRO-4X ก็คือ Navara เวอร์ขั่นใหม่ บนพื้นฐานของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่อัพเกรดดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอก และภายในให้โหดดุเทียบเท่ากับ Nissan Titan พร้อมด้วยออปชั่นจัดหนักมาให้แบบท่วมๆ และสมรรถนะที่ยังคงมั่นใจได้ ใน ราคา 1,149,000 บาท …
ซึ่งทั้งหมดคือ “ส่วนต่อขยาย” ให้คุณได้ลอง “ชั่ง, ตวง, วัด” กันดู ว่าเจ้า Nissan Navara PRO-4X เคาะราคามา “คุ้มค่า” หรือไม่? … เพราะส่วนตัวเราเองมองแล้วว่าค่อนข้าง “คุ้ม”ทีเดียว
Specification: Nissan Navara PRO-4X
- Price : 1,149,000 BHT
- Engine : 2,298 CC / Diesel 4 Cylinder / 16 Valve / Twin-Turbo / Intercooler 190 hp @ 3,750 rpm / 450 Nm @ 1,500 – 2,500 rpm
- Transmission : 7A/T / Part Time – Four Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight : 2,083 Kg.