รีวิว ทดสอบ ALL-NEW ISUZU MU-X มาดใหม่เทคโนโลยีล้น ราคาน่าประทับใจ

Torque Thailand November 3, 2020 Group Test, รีวิว ทดลองขับ

รีวิว ทดสอบ ALL-NEW ISUZU MU-X รถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดจากอีซูซุ มีขุมพลังเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ 3.0 และ1.9 Ddi Blue Power Gen 2

รีวิว ทดสอบ ALL-NEW ISUZU MU-X มาดใหม่เทคโนโลยีล้น ราคาน่าประทับใจ

ALL-NEW ISUZU MU-X

หลังจากเปิดตัวรถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดจากอีซูซุ ที่ได้รับการออกแบบใหม่ จนเป็นที่กล่าวขวัญในชั่วข้ามคืน ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในอีซูซุ รวมไปถึงราคาที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้บริโภคที่ทำออกมาได้ดีเกินคาด ซึ่งทางอีซูซุไม่รอช้าที่จะเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะการขับขี่อันเหนือชั้นของ “ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์” (ALL-NEW ISUZU MU-X) แบบสนามปิด

ALL-NEW ISUZU MU-X มาพร้อมไฟหน้าแบบ Bi-LED Projector ดีไซน์แบบ Arrow Signature หรูหรา ลุคไดนามิค พร้อมไฟตัดหมอก LED ในรุ่น Luxury ขึ้นไป ไฟท้าย LED ดีไซน์แบบ Winglet Signature เพิ่มมิติมุมมองให้โดดเด่นด้วยโคมไฟ 3-Line LED กระจังหน้าแบบ World Cross Flow ผสมผสานพื้นผิวสัมผัสที่หลากหลายของวัสดุพรีเมียมที่งดงามได้อย่างลงตัวเส้นข้างตัวถัง และเส้นโครเมียมขอบกระจก เติมอารมณ์สปอร์ตหรู ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ไดนามิคดีไซน์ คมเข้ม ดุดัน ขนาด 20” ในรุ่น Ultimate ขนาด 18” ในรุ่น Luxury และ Elegant และ ขนาด 17” ในรุ่น Active

ภายในดูหรูหราและกว้างขวางขึ้น ด้วยการออกแบบมิติห้องโดยสารแบบใหม่ทั้งหมด นั่งสบายยิ่งขึ้นทั้ง 3 ตอน ซึ่งออกแบบด้วยแนวคิด Fine, Rich & Impressive Craftsmanship ให้ความประณีตในทุกรายละเอียด ส่งผลให้เบาะนั่งสามแถว ออกแบบให้นั่งสบายทั้ง 7 ที่นั่ง พร้อมปรับพับได้หลากหลายรูปแบบตามการใช้งาน เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง และเบาะฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง

คอนโซลหน้าเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับคอนโซลกลาง จัดวางเรียบหรู หน้าจอ Infotainment Display ขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (เฉพาะสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับการใช้งาน) พร้อมลำโพง 8 จุด ให้มิติเสียงรอบทิศทาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM 2.5

Charging Station รองรับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลาย ทั้ง USB Fast Charger ช่องต่อ AC Power Socket 220V และช่องต่อ DC 12V พร้อมเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold ระบบช่วยหยุดอยู่กับที่โดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ และปลดเบรกอัตโนมัติเมื่อแตะคันเร่ง Ambient Light และ Dome Light เติมแต่งบรรยากาศหรูมีระดับภายในห้องโดยสาร พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อม Sequential Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ได้เพียงปลายนิ้ว

เบาะนั่งดีไซน์หรูสี Saddle Brown ตัดเย็บด้วยวัสดุพิเศษ โอบกระชับ พร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน พร้อมทั้งเพิ่มความสะดวกสบายด้วย Power Tailgate ระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบ Jam Protection กุญแจ ISUZU Genius Entry สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วย Remote Engine Start และใช้เปิด-ปิดประตูท้ายไฟฟ้า

ในส่วนของขุมพลังนั้น มีการวางตำแหน่งเครื่องยนต์เยื้องหลังเพลาหน้าแบบ Semi-Midship กระจายน้ำหนัก เกาะถนน ทรงตัวดียิ่งขึ้น โดยมีให้เลือกสองแบบทั้งเครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่มีการปรับเพิ่มทั้งในแรงม้าและแรงบิดให้มากขึ้นกว่าในรุ่นก่อน และเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ได้รับการปรับจูนให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

โดยมีทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมด Rev Tronic และ Sequential Paddle Shift ถ่ายทอดจังหวะเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วและลื่นไหล และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมระบบ Genius Sport Shift และระบบขับเคลื่อนมีให้ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสุดล้ำ ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE ที่รวมทุกเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างครบครัน ปลอดภัยสุดด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าคู่อัจฉริยะ 3D Imaging Stereo Camera ช่วยตรวจจับวัตถุต่างๆ ด้วยการสแกนภาพ 3 มิติ แบบ Real Time

โดยทำงานร่วมกับเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน ได้แก่ ACC, FCW, AEB, LDW, AHB, PMM, MSL, BSM, RCTA, Parking Aid System และ MCB ควบคู่ไปกับระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ABS, EBD, BA, BOS, ESC, TCS, HSA, HDC และ TSC เพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง

ในการทดสอบครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การทดลองขับในสนามทดสอบความเร็วสูงแบบ MAIN CIRCUIT ความยาว 3,300 เมตร เพื่อทดสอบสมรรถนะในการออกตัวและเร่งแซงตั้งแต่ 80-120 กม./ชม. ในเส้นทางตรง และจะมีการทดสอบความสามารถในการยึดเกาะถนนในเส้นทางโค้งที่มีความลาดเอียง 4.5 องศา พวงมาลัยให้น้ำหนักที่ดี แต่อาจจะยังไม่เท่าพวงมาลัยแบบไฟฟ้า แต่โดยรวมถือว่าใช้ได้ดี ช่วงล่างค่อนข้างแตกต่างจากในรุ่นก่อนมาก เพราะในรุ่นใหม่นี้สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลเช่นเดิมแต่ไม่ย้วยเหมือนในรุ่นก่อน ทำให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

ทางทีมวิศวกรได้มีการปรับมุมองศาของจุดยึดช่วงล่างหลัง ส่งผลทำให้ช่วงล่างของ ALL-NEW ISUZU MU-X มีความนุ่มนวล แต่ยังตอบสนองในสมรรถนะการขับขี่และเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งทดลองระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน (Lane Departure Warning – LDW) ซึ่งเป็น 1 ในระบบ ADAS ซึ่งในการทดสอบระบบนี้จะใช้กล้องสองตัวเป็นเซ็นเซอร์ในการจับวัตถุ และพื้นผิวและทำงานร่วมกับเรดาร์ 4 ตัว ซึ่งมีความแม่นยำค่อนข้างสูง โดยใน ALL-NEW ISUZU MU-X จะเป็นแค่การเตือนด้วยเสียงแค่นั้น ยังไม่ได้ช่วยดึงพวงมาลัยหรือสั่น

จากนั้นการทดสอบในรอบที่ 2 จะเข้าสู่สถานีพิเศษที่เรียกว่า SPECIAL ROAD SURFACE ที่มีสภาพพื้นผิวถนนหลากหลายรูปแบบ โดยใช้ความเร็วคงที่ 60 กม./ชม. โดยในจุดนี้ขับโดยไม่เบรก แรงสั่นสะเทือนดีขึ้น รถยังคงนุ่มนวลดี และที่สำคัญเสียงจากพื้นที่เข้ามาในรถค่อนข้างเงียบทีเดียว รวมทั้งขับเข้าสถานี HANDLING CIRCUIT ที่ประกอบด้วยทางโค้ง ขึ้นและลงเนิน ความยาว 2,100 เมตร เพื่อทดสอบสมรรถนะระบบส่งกำลัง การบังคับควบคุม

การทดลองนั่งเพื่อสังเกตการทำงานของ “ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go” (Full Speed Range Adaptive Cruise Control – ACC) ครั้งแรกในรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ที่ให้ความมั่นใจสูงสุดและช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ตลอดการเดินทาง

การสาธิตระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ “ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า” (Forward Collision Warning – FCW) ซึ่งจะทำงานควบคู่กับ “ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ” (Autonomous Emergency Braking – AEB) และ “ระบบช่วยเพิ่มแรงเบรก” (Brake Assist – BA)“ ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด” (Pedal Misapplication Mitigation – PMM)

น่าจะเป็นรถที่น่าจับตามองที่สุดในช่วงนี้ ที่จะมาช่วงกระตุ้นตลาดรถยนต์ในช่วงนี้ที่อาจจะเงียบเหงาให้ดีขึ้น ด้วยตัวรถที่เป็นที่นิยมของผู้คน ราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น เทคโนโลยีที่มาอย่างแน่นจนต้องตกใจ และที่สำคัญที่สุดคือแบรนด์ของอีซูซุที่ทุกคนที่ได้มีโอกาสสัมผัสให้ความเชื่อมั่นทั้งในบริการหลังการขาย ทำให้น่าจะเป็นตัวเลือกที่จะผุดขึ้นมาอันดับต้นในช่วงนี้ได้ไม่ยาก

โดย “ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์” มีให้เลือก 4 รุ่น ได้แก่ Ultimate, Elegant, Luxury และ Active ราคาเริ่มต้น 1,109,000 – 1,591,000 บาท พร้อมเปิดตัวที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน ศกนี้