รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz C 300e AMG Sport ยนตรกรรม Plug-in Hybrid บนพื้นฐาน The C-Class พละกำลังรวม 320 แรงม้า กับราคาค่าตัวที่ 2,699,000 บาท
รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz C 300e AMG Sport ยนตรกรรม Plug-in Hybrid
Mercedes-Benz C 300e AMG Sport
Mercedes-Benz C 300e AMG Sport คือ รุ่นย่อยใหม่ล่าสุดค่าตัว 2,699,000 บาท ที่เข้ามาเสริมทัพในไลน์อัพของกลุ่มยนตรกรรม Plug-in Hybrid บนพื้นฐาน The C-Class ในรูปแบบตัวถัง Sedan ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด แถมยังมาพร้อมกับความสปอร์ตจากงานดีไซน์ใหม่ที่มีความเฉียบคมทุกรายละเอียด
เพื่อให้รับกับการสวมชุดแต่ง AMG Body Styling ที่โดดเด่นสะดุดตา ด้วยชุดกระจังหน้าแบบ Diamond Grille พร้อมตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz และชุดกันชนหน้าทรง A – Wing Design ขณะที่มุมมองด้านข้างเติมความเร้าใจด้วยล้ออัลลอยจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้ว
ส่วนรายละเอียดของออฟชั่นมาตรฐาน นั้นถือว่าครบเครื่อง ตั้งแต่ชุดไฟหน้าแบบ LED High Performance พร้อมชุดไฟ Daytime แบบ LED Fibre – Optic ไปจนถึงชุดไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง, ชุดไฟเบรก และชุดไฟท้าย ตลอดจนไฟเบรกดวงที่่ 3 ซึ่งเป็นแบบ LED ทั้งหมดเช่นกัน
สำหรับภายในห้องโดยสารยังคงมากับแนวทางที่นำเสนอความหรูหรา สะดวกสบาย เจือปนด้วยอารมณ์ของความสปอร์ต ที่ประกอบขึ้นจากการเลือกใช้วัสดุตกแต่งแบบ Open-Pore Black Ash Wood, อลูมิเนียม, หนัง Artico Leather ตัดสลับด้วย DINAMICA Micro-Fibre
ขณะที่ออฟชั่นอำนวยความสะดวกสบายตามมาตรฐานอยู่ในระดับที่ครบครันตามสไตล์ยนตรกรรมจากค่ายดาวสามแฉก เช่น เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตปรับด้วยไฟฟ้า, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต พร้อมปุ่มควบคุุมแบบ Touch Control, ระบบควบคุุมอุุณหภููมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2 – ZONE,
ชุดมาตรวัดความเร็วแบบ All – Digital Instrument Display ขนาด 12.3 นิ้้ว ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ถึง 3 สไตล์ คือ Classic, Sporty และ Progressive ส่วนระบบความบันเทิงนั้นมากับเครื่องเสียง MB Audio 20 ควบคุมได้ทั้งจากหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว และจากพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
ส่งที่น่าสนใจของ C 300e AMG Sport คือ ฐานะยนตรกรรมแบบ Plug-in Hybrid ที่เสริมกำลังด้วยระบบ EQ Power เจเนอเรชั่นที่ 3 จากพื้นฐานของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ในพิกัด 1,991 ซีซี ในการสร้างพละกำลังสูงสุด 211 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร โดยมีทัพเสริมเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 122 แรงม้า มากับแรงบิดระดับ 440 นิวตันเมตร
ผสมผสานกันเป็นกำลังรวมถึง 320 แรงม้า กับแรงบิดมหาศาลที่ 700 นิวตันเมตร โดยมีชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-Tronic รับหน้าที่ถ่ายทอดพละกำลัง ที่เคลมมาว่าสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.4 วินาที ซึ่งนั่นถือเป็นตัวเลขที่ดีที่สุด จนทำให้เราเลือกที่จะกดปุ่ม Push Start และออกไปลุยกันเลยทันที
โดยนอกจากความสามารถด้านอัตราเร่งแล้ว ยังมีการเคลมเพิ่มเติมอีกว่า การขับขี่ด้วย E-Mode สามารถทำได้ไกลกว่าเดิมถึง 30% หรือทำระยะได้ไกลสุดถึง 50 กม. ตลอดจนใช้ความเร็วสูงสุดได้ถึง 130 กม./ชม. เลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสซึ่งเอื้อให้ได้ “ลองของ” ความสามารถด้านพลังไฟฟ้าถึงระดับนั้น ทำให้ทางเลือกของเราจึงเหลือแค่ “ลิ้มลอง” ศักยภาพการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ และเทคโนโลยี EQ Power ที่เค้นเรี่ยวแรงออกมาให้ใช้ถึง 320 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรมากกว่า
เพราะด้วยตัวเลขระดับนี้ แค่การบดเท้าขวาลงกับแป้นคันเร่ง พลังของ C300e ก็พร้อมที่จะถาโถม โจมตีคุณให้หลังติดเบาะได้ง่าย ภายใต้การส่งกำลังที่ต่อเนื่อง และนุ่มนวลของชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ซึ่งหากไม่ทันใจเราขอแนะนำให้รู้จักกับแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ขนาดพอดีมือในการช่วยเพิ่มความสนุกให้กับการขับขี่
ขณะที่ระบบช่วงล่างแบบมัลติลิงค์ทั้งด้านหน้า และด้านหลังยังมากับการปรับเซ็ทที่ถือความ “เป็นกลาง” ไม่ได้โอนเอียงไปในทางนุ่มนวล หรือความสปอร์ต แม้จะมีระบบ Dynamic Select ให้เลือกปรับเปลี่ยนบุคลิก ที่คุณอาจจะรู้สึกได้นิดๆ กับน้ำหนักพวงมาลัยที่มีความต่างระหว่างโหมด Comfort และโหมด Sport หรือ Sport+ ก็ตาม ซึ่งหากเป็นคนที่ชอบความชัดเจนในอรรถรสก็อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก แต่เราเชื่อว่า “ครอบครับ” หรือ “คนรอบตัว” น่าจะถูกใจ
โดยเฉพาะในโหมด Comfort ที่สะดวกสบาย และง่ายต่อการใช้งาน และอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบอาการ “ดึง” ขณะ “ถอนคันเร่ง” เพื่อให้เกิดการชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ เพราะเนื่องจากในโหมด Eco นั้นมีอาการ “ดึง” มากกว่าอย่างชัดเจน ลักษณะคล้ายคนเท้าหนักกดแป้นเบรก แต่ในทางเดียวกันอาการแบบนี้ ก็ถือเป็นจุดดี จุดเด่นที่สามารถช่วยชะลอรถได้ด้วยแรงเฉื่อยของมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อลดภาระของระบบเบรก
แต่ส่วนตัวเรานั้นการเลือกโหมด Sport ถือเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ที่สุด สำหรับการซิ่งเจ้า C300e ซึ่งมีแรงบิดมหาศาล พร้อมตอบโจทย์ด้านความมั่นใจได้ทุกครั้งที่ต้องการ “เร่งแซง” ซึ่งหากไม่เพียงพอเรายังสามารถที่จะรีดรอบเค้นพลังได้จาก Paddle Shift อันเป็นองค์ประกอบที่จะให้คุณเล่นสนุกกับการขับขี่ในโค้ง ด้วยสไตล์ที่เราชื่นชอบ ทั้งจากการเบรกถ่ายน้ำหนัก เพิ่มแรงกดด้านหน้า ก่อนเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ลงต่ำ และกรอคันเร่งลากรอบฟังเสียงหวานๆ รอจังหวะพร้อมที่จะระเบิดพลังที่ปลายทางออกโค้ง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
ในขณะที่เพื่อนร่วมรถจะยังคงได้รับการสุขในการเป็นผู้โดยสาร ผ่านระบบช่วงล่างที่มีความนุ่มให้สัมผัส ทั้งจากการเล่นสนุกในอารมณ์สปอร์ตของตัวคุณเอง หรือ การใช้งานในชีวิตประจำวันก็ตาม แต่หากพูดถึงเรื่องการใช้งานในชีวิตประจำวัน จากผู้ขับขี่ที่ไม่ต้องการความสปอร์ตอะไรมากนัก
เราเชื่อว่า C300e จะเป็นยนตรกรรมที่มอบความประหยัดให้คุณอย่างเต็มที่ ด้วยความสามารถของ E-Mode อย่างที่กล่าวไว้ว่ามีการพัฒนาขึ้นใหม่ให้ทำระยะได้ไกลกว่าเดิมถึง 30% หรือราวๆ 50 กม. ถ้าคุณเป็นคนที่น้ำหนักเท้าเนียนพอ และระยะทางของบ้าน และที่ทำงาน อยู่ในพิกัดที่ไม่เกินขีดความสามารถของพลังงานไฟฟ้า
เพราะแค่คุณกลับบ้านมาเสียบปลั๊กชาร์จไฟให้เต็ม สำหรับภารกิจในวันรุ่งขึ้น แถมจะยิ่งดีใหญ่ถ้าหากที่ออฟฟิศคุณมีจุดชาร์จไฟอีกหนึ่งจุด ซึ่งนั่นเท่ากับว่าคุณมีจุดให้ชาร์จไฟทั้งไป และกลับ จนแทบจะไม่ต้องรบกวนเครื่องยนต์สันดาปภายในเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็ลองคิดดูสิครับว่าท้ายที่สุดแล้วใน แต่ละอาทิตย์ หรือ แต่ละเดือนที่ผ่านไป คุณต้องควักเงินจ่ายค่าน้ำมันมากน้อยแค่ไหน
Specification: Mercedes-Benz C 300e AMG Sport
- Price : 2,699,000 BHT
- Engine : 1,991CC / 4 Cylinder 16 Valve 211 hp @ 5,500 rpm / 350 Nm @ 1,200 – 4,000 rpm
- Electric Motor : 122hp / 440 Nm
- Transmission : 9A/T / Rear Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ 5.4 Sec / Top Speed @ 250 Km/h
- Weight : N/A