รีวิว ทดสอบ Porsche Taycan 4S ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของปอร์เช่ ที่มาพร้อมกับพลังสูงสุด 435 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ 7.1 ล้านบาท
รีวิว ทดสอบ Porsche Taycan 4S ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 100%
รีวิว ทดสอบ Porsche Taycan 4S
รูปโฉมที่ดูเหมือนหลุดมาจากหนัง ไซ-ไฟ ของ Taycan บ่งบอกความล้ำหน้าในตัวมันเองได้เป็นอย่างดี นี่คือหนึ่งในยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าที่เราต่างทราบดีว่าพวกมันจะค่อยๆ แพร่ขยายจำนวนออกไปจนกลืนกินรถเครื่องยนต์สันดาปภายในให้หมดไปจากโลกในอนาคตอันใกล้ ไม่ว่าคุณจะยินดีหรือไม่ก็ตาม
พวกหลงหัวปักหัวปำกับการขับรถอย่างคุณและผม จะต้องรู้สึกขัดใจกับเสียง “วี๊ดดดดด…” จากมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่บ้าง แต่กับ Taycan คงได้รับการยกเว้น แม้คันนี้จะเป็น 4S เกรดเริ่มต้น ที่มาพร้อมกับพลังสูงสุด 435 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร กับแบตเตอรี่ขนาด 79 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ทว่ามันก็ให้อรรถรสในการขับขี่ที่ดุเดือดเลือดพล่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อใช้ Launch Control ในการออกตัว ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าจะปล่อยพลังแบบโอเวอร์บูสต์ในช่วงสั้นๆ ที่ 530 แรงม้า ส่งตัวถังหนัก 2,140 กก. พุ่งจากจุดหยุดนิ่งสู่ 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4 วินาทีถ้วนๆ และท้อปสปีดที่ 250 กม./ชม.
ตัวเลขน่าทึ่งเหล่านี้มาจากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แบ่งกันขับเคลื่อนล้อหน้าและหลัง โดยใช้มอเตอร์ของล้อหลังที่มีพละกำลังมากกว่าเป็นแหล่งพลังงานหลักในการขับเคลื่อนแบบบู๊ล้างผลาญ นั่นหมายถึง Taycan 4S เป็นรถแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และยังหมายถึงประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยม ด้วยถุงลมแบบ 3 ชั้น ทำงานร่วมกับแดมเปอร์ควบคุมด้วยระบบ PASM ซึ่งติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานใน Taycan 4S และช่วงล่างอลูมิเนียมทั้งสี่ล้อ
แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ได้ช่างน่าประทับใจ… เริ่มต้นจากการกดปุ่ม “เปิด” การทำงาน ที่ติดตั้งไว้อย่างแนบเนียนบริเวณฝั่งขวาของแดชบอร์ด ถัดจากคอพวงมาลัยไปเล็กน้อย ถ้าตั้งใจฟังคุณจะได้ยินเสียงฮัมเบาๆ ซึ่งเกิดจากเสียงสังเคราะห์ที่ใช้เพื่อให้ผู้ขับทราบว่ารถเริ่มทำงานแล้ว คันเกียร์ติดตั้งอยู่ที่ฝั่งซ้ายของแดชบอร์ด (ข้างคอพวงมาลัยเช่นกัน) เพื่อยกพื้นที่กลางคอนโซลให้กับหน้าจอระบบสัมผัส มันค่อนข้างแปลกๆ สักหน่อยเนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ไม่ปกตินัก แต่ใช้ไปสักพักก็จะชินไปเอง
Taycan ทำได้น่าประทับใจตั้งแต่ที่ความเร็วต่ำ ต้องยกนิ้วให้กับช่วงล่างที่นุ่มนวล และความพิถีพิถันในการลดเสียงรบกวนจากภายนอก เมื่อรวมกับข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีเสียงขณะทำงานน้อย จึงส่งให้การนั่งอยู่ในห้องโดยสารที่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นหนังแท้นี้ เป็นอะไรที่เหนือระดับอย่างแท้จริง กวาดสายตาจากเบาะนั่งไปตลอดแนวแดชบอร์ด
คุณจะพบกับความแพรวพราวของจอแสดงผลที่รายล้อมอยู่รอบตัว นอกจากบนพวงมาลัยแล้ว แทบไม่มีปุ่มกดใดๆ ให้เห็น เพราะเกือบทั้งหมดสามารถสั่งงานได้ผ่านระบบสัมผัสของจอ ราวกับกำลังนั่งบัญชาการอยู่ในยานอวกาศสำหรับเดินทางข้ามดวงดาวเลยทีเดียว
แต่อย่าเพลิดเพลินจนลืมว่ามี 530 แรงม้า และ Instant Torque อยู่ใต้เท้าขวาของคุณ… ปรับไปที่โหมด Sport + เหยียบเบรกและคันเร่งให้สุดจนกระทั่งหน้าจอแสดงข้อความการทำงานของระบบ Launch Control ปล่อยเท้าซ้ายของคุณออกจากเบรก แล้วแรงฉุดจากแรงม้า Overboost และแรงบิดทั้ง 640 นิวตันเมตรที่กองรอคุณอยู่ตั้งแต่ล้อเริ่มขยับ จะกดให้คุณจมแน่นอยู่กับเบาะ
มันกระโจนออกไปอย่างฉับพลันจนไม่สามารถมองเห็นตัวเลข 20 กม./ชม. แรกบนหน้าจอได้ทันเสียด้วยซ้ำ เสียง “วี๊ดดดดด…” ของซาวด์แทร็คสังเคราะห์ (สามารถเลือกเป็น “Electric Sport Sound” ที่จะให้ระดับเสียงดังขึ้น ได้จากเมนูปรับแต่งบนหน้าจอ) ดังถี่แหลมขึ้นตามความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ถนนเบื้องหน้าพุ่งเข้าใส่เหมือนกำลังวาร์ปข้ามเวลา
น้ำหนักของพวงมาลัยนั้นยอดเยี่ยม ให้สัมผัสที่เฉียบคมทั้งยังสื่อสารได้แจ่มแจ้งชัดเจน และจับกระชับเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้น Taycan ที่หนักกว่า 2 ตัน ยังเซอร์ไพร์สคุณด้วยระดับการยึดเกาะอันน่าทึ่ง แม้จะหนักและมีขนาดใหญ่กว่า 992 (แต่เล็กกว่า Panamera) ทว่า Taycan กลับคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงไม่แพ้กัน การจัดวางแบตเตอรี่ไว้ที่พื้นรถใต้ห้องโดยสาร – ไปจนถึงใต้เบาะหลัง – คือกุญแจที่ไขสู่การลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำเป็นพิเศษ
นั่นหมายถึง น้ำหนักสำคัญๆ แทบจะอยู่ในระนาบเดียวกับช่วงล่าง ส่งให้รถเอียงตัวเพียงเล็กน้อยขณะเข้าโค้ง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ, การกระจายแรงบิด, ระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง ตลอดจนแดมเปอร์ PASM จะสื่อสารข้อมูลระหว่างกันโดยใช้ระบบ 4D Chassis Control เป็นศูนย์กลางในการสั่งงาน เพื่อให้สอดประสานและได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำตลอดเวลา คุณอาจไม่รู้ว่าพวกมันทำอะไรอยู่ตอนที่คุณกำลังตะบันเจ้า Taycan อยู่ในโค้ง แต่คุณจะสัมผัสถึงความหนึบแน่นของรถได้อย่างแน่นอน
แม้จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ 4S ยังคงให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากรถที่ใช้เครื่องยนต์นัก Porsche ไม่สนใจเรื่องการลดความเร็วแบบ One Paddle เหมือนรถไฟฟ้าทั่วไป พวกเขาปรับให้ Taycan ลดความเร็วลงอย่างเป็นธรรมชาติคล้าย Engine Brake ของเครื่องยนต์เมื่อถอนคันเร่ง ระบบ Regenerative (จ่ายพลังงานกลับสู่แบตเตอรี่ ด้วยการทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าเกิดการเบรก) จะทำงานเมื่อเริ่มเหยียบเบรก
นั่นหมายถึง คาลิเปอร์ของระบบเบรก (จริงๆ) จะยังไม่ทำงานแม้ตอนที่คุณเหยียบเบรกลงไป แต่จะเป็นแรงเบรกซึ่งเกิดจากมอเตอร์ จนกว่าความเร็วจะลดลงจนถึงระดับซึ่งเกินกว่าขอบเขตของมอเตอร์จะทำได้ หรือเมื่อต้องการแรงเบรกแบบหนักหน่วงทันทีทันใด ระบบเบรกจึงเข้ามาร่วมทำงาน แม้จะพิลึกพิลั่นสักหน่อย
แต่พวกมันก็ทำงานได้อย่างเป็นธรรมชาติ และให้พลังเบรกมหาศาลทุกเมื่อที่ต้องการ ทั้งยังช่วยลดฝุ่นผ้าเบรกและยืดอายุการใช้งานได้มากกว่าเดิม โดยในการขับใช้งานปกติแต่ละวัน จะลดการใช้เบรกลงถึง 90% ทีเดียว!
Porsche เคลมว่า 4S รุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 79 กิโลวัตต์ชั่วโมง เหมือนคันทดสอบของเรา สามารถใช้งานได้ราว 400 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ซึ่ง Taycan รองรับการชาร์จด้วยชาร์จเจอร์ AC 11 กิโลวัตต์ และ DC ที่ 150 กิโลวัตต์ นอกจากนั้น มันยังสามารถชาร์จด้วยควิกชาร์จเจอร์ระดับมหากาฬที่ 270 กิโลวัตต์ ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 22 นาที อีกด้วย เพียงแต่ปัจจุบันในประเทศไทยยังมีเพียง 3 เครื่อง (ซึ่งอยู่ที่ AAS Service ผู้จำหน่าย Porsche อย่างเป็นทางการ) เท่านั้น
แล้วราคา 7.1 ล้านบาท ของ Taycan 4S ถือว่าคุ้มค่าหรือไม่? ถ้าตัดเรื่องเวลาในการชาร์จและระยะทางที่ขับได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคหลักของรถยนต์ไฟฟ้าออกไป แน่นอนว่านี่คือราคาที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสมรรถนะของมัน และความได้เปรียบในการบำรุงรักษาที่มีค่าใช้จ่ายต่ำมากๆ
แม้ AAS ยังไม่สรุปตารางการเข้าเช็คระยะและค่าใช้จ่ายอย่างเป็นทางการมาให้เรา แต่ข้อมูลอ้างอิงจาก Porsche Centre of Toronto พบว่ามีเพียง 2 รายการ คือไส้กรองของระบบปรับอากาศและน้ำมันเบรก ที่ระบุให้เปลี่ยนทุก 2 ปี นอกจากนั้นจะเป็นแค่การตรวจเช็คอุปกรณ์และระบบต่างๆ ราว 25 รายการเท่านั้น
พูดอีกอย่างก็คือ Taycan เป็น Porsche ที่คุณจ่ายเงินเพื่อเป็นเจ้าของ และแทบไม่ต้องจ่ายอะไรอีกเลยนับจากนั้น
SPECIFICATIONS: PORSCHE TAYCAN 4S
- Price: 7,100,000 Baht
- Drive System: Two permanent magnet synchronous motors, 435hp (530 hp overboost), 640Nm
- Transmission: Single speed front and two speed rear, all-wheel drive
- Performance: 4.0sec 0-100km/h, 250km/h (limit)
- Weight: 2,140kg