รีวิว ทดสอบ: All-New NISSAN KICKS e-POWER ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

รีวิว ทดสอบ: All-New NISSAN KICKS e-POWER การใช้งานในเมือง บอกได้เลยว่า “สบาย” ด้วยเรี่ยวแรงเหลือๆ แบบไร้อาการ “รอรอบ” ให้สัมผัส

รีวิว ทดสอบ: All-New NISSAN KICKS e-POWER ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

All-New NISSAN KICKS e-POWER

เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่จากค่าย Nissan เลยทีเดียว กับการเปิดตัว All-New NISSAN KICKS e-POWER ยนตรกรรมซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมากมายว่าอยู่ในฐานะใด ระหว่าง EV หรือ Hybrid กันแน่ … เพราะงั้นเอาเป็นว่าลอง “อ่าน” และตัดสินกันเอาเองแล้วกันครับ

สำหรับ All-New NISSAN KICKS e-POWER นั้นมากับฐานะของยนตรกรรมอเนกประสงค์ ที่มีตัวถังไสตล์ Compact สั้นกระชับ ด้วยพิกัดตัวถังความยาว 4,290 มม., ความกว้าง 1,760 มม., ความสูง 1,615 มม. กับระยะความยาวฐานล้อ 2,615 มม. และความกว้างแทรคล้อหน้า 1,520 มม. และความกว้างแทรคล้อหลัง 1,535 มม. ตลอดจนระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถที่ 175 มม.

พร้อมรายละเอียดงานดีไซน์ที่โดดเด่น สะดุดตา เช่น ชุดกระจังหน้าแบบ V-Motion อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Nissan ที่มากับขนาดใหญ่โต และวัสดุสีดำเงา ตกแต่งด้วยด้วยเส้นโครเมียม ประกบด้วยชุดไฟหน้า พร้อมไฟ Signature Light, ชุดไฟ Daytime Running Lights และชุดไฟตัดหมอกแบบ LED

ขณะที่มุมมองด้านข้างนั้นมากับความโดดเด่นด้วยสไตล์ของหลังคาแบบ Floating Roof รับกับชุดกระจกมองข้างสีดำ ที่มากับไฟเลี้ยวแบบ LED โดยมีด้านล่างที่มากับอารมณ์ของยนตรกรรม Crossover ด้วยชุดการ์ดกันกระแทกตั้งแต่ กันชนหน้า, ซุ้มล้อ, สเกิร์ตข้าง และกันชนหลัง รับกับล้ออัลลอยมาตรฐานที่ขนาด 17 นิ้ว ส่วนด้านหลังมากับอารมณ์ความสปอร์ต ที่ประกอบด้วยชุดกันชนหลังที่ตกแต่งด้วยแถบสีดำ ตามด้วยชุดไฟท้ายแบบ LED Signature Light และสปอยเลอร์หลังคาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

ด้านภายในห้องโดยสารมากับงานดีไซน์สปอร์ต พร้อมการตกแต่งที่แบ่งออกตามเกรดของรุ่นย่อย อย่างเช่นในรุ่นย่อย VL ตัวท็อปสุดจะเพิ่มความหล่อเหลาขึ้นไปอีกขั้นด้วยสไตล์ทูโทนสีส้ม-ดำ ลงตัวกับงานออกแบบพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรงสปอร์ต D-Shape ส่วนออพชั่นอื่นๆ ที่จัดมาให้ก็ถือว่าครบครัน เช่น หน้าจอ TFT Digital Meter ขนาด 7 นิ้ว,  หน้าจอ Infotainment แบบ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว, กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key,

ปุ่ม Push Start, กุญแจระบบ Immobilizer,  ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-jam Protection ด้านคนขับ, ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าที่สามารถตั้งเวลาหน่วง ไปจนถึงระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา และห้องเก็บสัมภาระที่กว้างขวาง พร้อมเบาะนั่งด้านหลังแบบแยกพับได้ในอัตราส่วน 60 : 40

และเราเชื่อว่าสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดของ All-New NISSAN KICKS e-POWER นั้นไม่ใช่ทั้งเรื่องงานดีไซน์ หรือออพชั่น หากแต่เป็นเรื่องของสมรรถนะที่ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ ซึ่ง All-New NISSAN KICKS e-POWER นั้นมากับขุมพลังที่ Nissan เรียกมันว่า e-POWER ประกอบด้วย เครื่องยนต์รหัสเบนซินรหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตรแบบ 3 สูบ 12 วาล์ว DOHC พร้อมระบบแปรผันวาล์ว CVTC (Continuously Variable Valve Timing Control) และการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด Electronics Injection Multi-point (ECCS) ในการทำหน้าที่ “เครื่องปั่นไฟ” ส่งพลังไปให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อทำหน้าที่ “หมุนล้อ” คู่หน้า โดยจะมีกำลังสูงสุดที่ 129 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร

ซึ่งมีชุดเกียร์ Single Speed ทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลัง พร้อมด้วย Drive Modes ที่มีให้เลือกใช้งาน คือ Normal, Smart, Eco และโหมด EV ตลอดจนเทคโนโลยีการขับขี่ที่เรียกว่าระบบ One-Pedal  ที่พูดง่ายๆ ก็คือ เราสามารถ “เร่ง” และ “เบรก” ได้ด้วยแป้นคันเร่งเพียงอันเดียว ซึ่งบอกตรงๆ ว่าใช้งานไม่ยาก แค่ต้องปรับตัวให้ชินเท่านั้น

หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนน่าจะพอเข้าใจได้ว่าจะนิยาม All-New NISSAN KICKS e-POWER ว่าเป็นรถประเภทไหน แต่หากยังไม่ชัดเจน เราะอธิบายตามความเข้าใจของเราว่า All-New NISSAN KICKS e-POWER ก็คือ “รถ Hybrid” อีกหนึ่งประเภทที่มี “เครื่องปั่นไฟ” สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จไฟจากภายนอก อันเนื่องมาจากการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ไว้ทำหน้าที่ในการเป็น “เครื่องปั่นไฟ” เข้าไปเก็บไว้แบตเตอรี่ ขณะที่หน้าที่ “ขับเคลื่อน” หรือ “หมุนล้อ” คือ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ซึ่งติดตั้งอยู่ในล้อคู่หน้านั่นเอง

ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ จะว่ากันตั้งแต่ ชุดพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า ​EPS (Electronic POWER Steering) พร้อมด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ปิดท้ายด้วยระบบเบรกแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อ พร้อมฟังก์ชันระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System), ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) และระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)

ด้านฟิลลิ่งการขับ บอกเลยว่าไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง เพราะฉะนั้นในเรื่องการใช้งานในเมือง บอกได้เลยว่า “สบาย” ด้วยเรี่ยวแรงเหลือๆ แบบไร้อาการ “รอรอบ” ให้สัมผัส ประกอบกับการออกแบบที่สั้นกระชับ ทำให้เกิดความคล่องตัวอย่างเหลือเชื่อ แถมด้วยคุณสมบัติของความเป็นรถเอนกประสงค์ที่ตำแหน่งคนขับอยู่ในระดับสูง เอื้ออำนวยให้มีทัศนวิสัยดีขึ้น และขับขี่ได้ง่ายมากขึ้น

นอกจากนี้เทคโนโลยี One-Pedal ถ้าทำความคุ้นเคยกันอย่างดิบดีแล้วล่ะก็ ยังช่วยทำให้การขับขี่ในเมืองเป็นเรื่องง่ายขึ้นอีกมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องการเรื่องของความประหยัด เพราะเทคโนโลยี One-Pedal สามารถเร่งความเร็ว และ “หน่วง” ความเร็วจนถึงระดับที่หยุดนิ่งได้ โดยไม่ต้องแตะเบรกใดๆ  ซึ่งก็อย่างที่บอกล่ะครับว่า มันอาจจะไม่ “ชิน” ในช่วงแรก แต่ก็ไม่ยากที่จะปรับตัวให้คุ้น เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกันการเดินทางไกล สไตล์นอกเมืองแบบได้ใช้คันเร่งกันยาวๆ ก็ถือว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ทั้งจากลักษณะการขับขี่แบบใช้คันเร่งคงที่ ลากแช่กันไปยาวๆ 120-140 กม./ชม. ก็ตอบโจทย์ได้ดี รวมไปถึงการนำเสนอความสนุกในการขับขี่ จากอัตราเร่งที่กระฉับกระเฉง ตอบสนองรวดเร็วทันใจก็ทำได้อย่างไม่เคอะเขิน เพราะอย่างที่บอกครับว่าเจ้านี่ไม่มี “รอบเครื่องยนต์” ให้ต้องรอ

ส่วนสิ่งที่ยังขัดใจอยู่นิดๆ ก็คือ เรื่องของระบบพวงมาลัยซึ่งออกแนวเบาไปซักหน่อย โดยเฉพาะกับระดับความเร็วสูง แต่อันนี้ถือว่าเข้าใจได้ ด้วยฐานะของยนตรกรรมอเนกประสงค์ที่เน้นการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากกว่าการเน้นสายสปอร์ต ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่อรรถรสโดยรวมจะมีความ “เป็นกลาง” เช่นเดียวกับเรื่องของระบบช่วงล่างจากพื้นฐานด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม จับคู่กับคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ที่มีบุคลิกออกไปทาง “นุ่มนวล” แบบที่เรียกได้ว่าเป็นความเหมาะสมกับฐานะยนตรกรรมสำหรับ “ครอบครัว” ที่ชัดเจนอีกรุ่นเลยทีเดียว

เพราะนอกจากภาพรวมด้านบุคลิกในการขับขี่แล้ว ฟังก์ชันอำนวยความสะดวก หรือ ฟังก์ชันสำหรับความปลอดภัย ก็ยังเป็นอีกประเด็นที่มอบความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ และครอบครัวได้ดีเช่นกัน กับระบบ Nissan Intelligent Mobility และเทคโนโลยีความปลอดภัย Safety Shield ที่จัดมาให้แน่นๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC), ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB),

ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW), ระบบเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) ระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM), ระบบตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) ทำงานร่วมกับกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM), เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror – IRVM),

ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC), ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (Intelligent Ride Control – IRC), ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Intelligent Trace Control – ITC) และระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert -DAA) ตลอดจนระบบพื้นฐานที่หลายๆ คนรู้จักกันดี แล้วก็ทั้งหมดนี้ล่ะครับ คือ “โจทย์” เพื่อให้คุณได้คิดต่อว่า All-New NISSAN KICKS e-POWER นั้น “คุ้มค่า” แค่ไหน

Specification: All-New NISSAN KICKS e-POWER

• Price  :   1,049,000 BHT
• Engine  :   1,198 CC / 3 Cylinder / 12 Valve 60 hp @ 6,000 rpm / 103 Nm @ 3,600-5,200 rpm 
• Electronic Motor  :     129 hp / 260 Nm
• Transmission :   Single Speed / Front Wheel Drive
• Performance  :   0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
• Weight  :   1,350 Kg.