รีวิว ทดสอบ Honda City e:HEV ยนตรกรรมซีดาน 4 ประตู สไตล์ที่คุ้นตาแต่เพิ่มเติมรายละเอียดที่บ่งบอกสถานะของสาย Hybrid รักษ์โลก
รีวิว ทดสอบ Honda City e:HEV ยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นแรกของ City Car
Honda City e:HEV
“เรียกได้ว่าเป็นการสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งของแบรนด์ Honda ที่นำเอายนตรกรรมยอดนิยมอย่าง Honda City มาต่อยอดความโดดเด่นด้าน “เทคโนโลยี” ซึ่งแถมด้วยอารมณ์การขับขี่แปลกใหม่ อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน”
Honda City e:HEV คือ ผลงานการต่อยอดที่เกิดขึ้นจากตัวรถแบบยนตรกรรมซีดาน 4 ประตู โฉมปัจจุบันกับสไตล์ที่คุ้นตา แต่เพิ่มเติมรายละเอียดที่บ่งบอกสถานะของสาย Hybrid รักษ์โลก เช่น งานดีไซน์ภายนอกที่เลือกใช้ตราสัญลักษณ์ Honda (H Mark) โทนสีฟ้า พร้อมการประทับอักษร e:HEV ที่บริเวณท้ายรถ แถมด้วยการแอบซิ่งเบาๆ จากชุดแต่ง RS ที่ติดตั้งมาให้รอบคัน ประกอบด้วย ชุดกระจังหน้า และสปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black
เสริมแต่งด้วยออปชันมาตรฐานครบๆ อาทิ ชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อมชุดไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED ตามด้วยมุมมองด้านข้างที่สะดุดตา จากกระจกมองข้างแบบสปอร์ตโทนสีดำ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วดีไซน์สปอร์ต
ข้ามมาที่ห้องโดยสารภายใน ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงมากับความ “คุ้นตา” แต่ปรับอารมณ์ใหม่ด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานจัดเต็มในระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง และช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง, ชุดมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว,
ชุดเครื่องเสียงที่มากับหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay ที่มากับ Google Maps, ระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน SIRI และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ ตลอดจนกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ที่สามารถสั่งการเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกล
แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญของ Honda City e:HEV เพราะไฮไลท์เด็ดสุด ก็คือ เทคโนโลยีการขับเคลื่อน ที่แสดงตัวตนในฐานะยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นแรกของ City Car ซึ่งล้ำหน้าด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD)
โดยจะประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson Cycle พ่วงระบบ DOHC i-VT EC พิกัด 1.5 ลิตรแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แบ่งหน้าที่เป็น Generator ปั่นไฟ 1 ตัว และขับเคลื่อนรถอีก 1 ตัว ซึ่งรับพลังงานจาก แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน
รับหน้าที่ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมแป้น Paddle Shift หลังพวงมาลัย แต่ไม่ได้เอาไว้ทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนเกียร์ หากแต่เป็นระบบที่เรียกว่า Deceleration Selector สำหรับปรับระดับการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่เมื่อชะลอความเร็ว หรือเบรก ที่เลือกได้ 3 ระดับ
ตามด้วยคุณสมบัติยั่วใจในการเคลมตัวเลขอัตราการประหยัดน้ำมันระดับ 27.8 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร ตลอดจนความสามารถในการรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงระดับ E20
แต่นั่นยังไม่ทำให้เรารู้สึกเซอร์ไพรส์ได้เท่ากับอารมณ์การขับขี่ ที่บอกเลยว่า “เปลี่ยนไป” ด้วยสไตล์ภาพรวมที่ห่างไกลจากความเป็น Honda City Turbo อย่างชัดเจน ด้วยการขยับขึ้นไปใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง Accord ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากส่วนต่างเรื่องน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้องการสร้างความชัดเจนในเรื่องของ “บุคลิก” เพื่อกำหนดจุดยืนให้ผู้บริโภค “เลือก” ได้ง่ายขึ้น
จนท้ายที่สุดเกิดเป็นความ “สบาย” ในการขับขี่ที่ระดับสมดุล แบบที่ไม่ได้ “วัยรุ่น” เต็มข้อเหมือน City Turbo และไม่ได้ “ผู้ใหญ่” มากไปเหมือนสไตล์ของยนตรกรรมขนาดกลางอย่าง Accord … หากแต่เป็นการเอาส่วนผสมของทั้ง 2 รุ่นมา “Mix” กันอย่างลงตัว
ที่ประกอบด้วยอารมณ์ของ Accord ที่มีกำลังเหลือๆ โดยเฉพาะ “แรงบิด” ที่แค่เติมคันเร่งแบบเนียนๆ ก็สร้างความกระฉับกระเฉงได้ดี และยิ่งดีมากขึ้นไปอีกระดับ เมื่อเรี่ยวแรงระดับนี้อยู่ในตัวถังขนาดกระชับอย่าง Honda City นั่นเอง
และ… ก็อย่างที่กล่าวไปว่าเจ้า Honda City e:HEV นั้นมากับอารมณ์สไตล์ Accord ฉะนั้นการคาดหวังความมันส์ ในจังหวะการกระแทกคันเร่ง หรือจุ่มยาวๆ คือสิ่งที่อาจจะไม่ถูกใจคนเท้าหนัก มากนัก เพราะจากที่ “ลอง” Kick Down ก็พบว่าความพรวดพราด กลายเป็น “รอบเครื่อง” และ “เสียง” มากกว่า ขณะที่ระดับความเร็วนั้นค่อยๆ ไล่ระดับขึ้นไป แต่กลับกัน เมื่อลองใช้การขับแบบค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักเท้าขวาลงไปบนแป้นคันเร่ง
เรากลับรู้สึกได้ถึงความต่อเนื่องของเรี่ยวแรงที่ถูกถ่ายทอดออกมาในการสร้างความเร็ว ไปจนถึงความมั่นใจในการเร่งแซง ที่ต้องเป็นแบบ “ไม่กระชั้นชิด” ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ การไม่สร้างภาระให้กับเครื่องยนต์ ตลอดจนคนขับก็ไม่ต้องมานั่งเครียด ทั้งยังรวมไปถึงความประหยัดที่จะได้มาแบบไม่ได้ตั้งใจ
อีกหนึ่งสิ่งที่แตกต่างจาก City Turbo จนเราเห็นว่าเป็นความ “ดีงาม” ก็คือ ระบบช่วงล่างที่รู้สึกว่าน่าจะมีผลมาจากการปรับเซ็ทให้รองรับกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เพราะเรารับรู้ได้ถึงความ “นุ่ม และแน่น” อย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังค่อนข้างดูดซับแรงสั่นเทือนได้ดีกว่า ชนิดที่ว่าถ้าเดินทางกับผู้หลัก ผู้ใหญ่ รับรองได้ว่าไม่มีเสียง “บ่น” ไม่ว่าจะในความเร็วต่ำ หรือความเร็วเดินทาง
นอกจากนี้ก็มีเรื่องของน้ำหนักของพวงมาลัยที่ให้ความความคล่องตัว และเหมาะสมในทุกย่านความเร็ว ทำให้ไม่ต้องใช้สมาธิมากมายในการควบคุม ต่อเนื่องไปจนถึงระบบเบรกที่เจ้า Honda City e:HEV มากับความดีเกินคาด เพราะหากใครเคยสัมผัส Honda Hybrid ในยุคแรกๆ อย่างเช่น Jazz Hybrid ก็น่าจะจำได้ว่าน้ำหนักแป้นเบรกค่อนข้างไม่เป็นมิตร ล่วงเลยไปยันขาดความมั่นใจ
แต่ไม่ใช่กับเจ้า Honda City e:HEV อีกต่อไป เพราะการพัฒนาขึ้นใหม่ ทำให้ความรู้สึกขณะเหยียบแป้นเบรกมีความใกล้เคียงกับรถปกติทั่วไปมากขึ้น … โดยอาจจะมีความ “แข็งขืน” อยู่บ้าง แต่ก็เป็นความรู้สึก “เล็กน้อย” ที่เราพนันว่าคุณใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ในการปรับตัว และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความดีงามของเจ้า Honda City e:HEV นั้นไม่ได้มีเพียงคุณสมบัติการขับขี่เท่านั้น หากแต่ยังมีเรื่องของระบบความปลอดภัย ที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความ “น่าเป็นเจ้าของ” ด้วยเช่นกัน โดยอุปกรณ์มาตรฐานที่ว่านั้นประกอบด้วยระบบ Honda SENSING ในระดับเทียบเท่า Accord ซึ่งประกอบด้วย ระบบเตือนการชน พร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS),
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC), ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
เสริมด้วยระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch), กล้องด้านหลังที่ปรับมุมมอได้ถึงง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera), ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake), ระบบ Auto Brake Hold, ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
และเทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่ และรถยนต์ อย่าง Honda CONNECT ที่ช่วยเติมเต็มความ “คุ้มค่า” จนไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะทั้งหมดที่ว่ามา จบด้วยตัวเลขกลมๆ ที่ไม่เกิน 8.4 แสนบาทเท่านั้น
Specification: Honda City e:HEV
- Price : 839,000 BHT
- Engine : 1,498 CC / 4 Cylinder / 16 Valve 98 hp @ 5,600 rpm / 127 Nm @ 4,500 – 5,000 rpm
- Electric Motor : 109 @ 3,500 – 8,000 rpm / 253 Nm @ 0 – 3,000 rpm
- Transmission : E-CVT
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight : 1,227 Kg.