รีวิว ทดสอบ Honda City Hatchback ตัวถังรูปแบบ Hatchback เสริมด้วยความโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน ให้พละกำลังสูงสุด 122 แรงม้า
รีวิว ทดสอบ Honda City Hatchback ชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน
Honda City Hatchback
“แอบสงสัยเบาๆ ว่า Jazz จะหายไป แล้วให้ City Hacthback มาทำตลาดแทนรึเปล่า ? … แต่เอาเถอะ เพราะเราคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของ “การตลาด” ฉะนั้นเราขอทำตามหน้าที่ก็พอ ด้วยการขอ “ยืม” มา “ลอง” ซะหน่อย ดูซิว่าจะให้คำตอบอะไรเราได้บ้าง”
ครั้งแรกที่ได้ยินข่าว บอกเลยว่าแอบ “ใจเสีย” เบาๆ ด้วยความรู้สึกว่า “หรือนี่จะเป็นยุคสุดท้ายของ Honda Jazz“ แต่หลังจากได้ข่าว “วงใน” ที่บอกว่า Jazz ยังเดินหน้าต่อ ก็ทำให้เรา “ใจชื้น” ขึ้นไม่น้อย … แต่ก็ยังแอบ “สงสัย” ในเรื่องของการ “ทำตลาด” เพราะหากนึกดูดีๆ แบรนด์ Honda ในประเทศไทย ก็นำเสนอทางเลือกได้อย่างชัดเจนพอสมควร จนเราไม่คิดว่าจะมี Honda City Hatchback โผล่ออกมา
ทำให้ไม่ว่าใครต่อใครนึกไปต่างๆ นานา ซึ่งแน่ล่ะว่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจาก “กระแสรถเก่า” ที่กำลังกลับมา ทำให้สาวก Honda ต่างก็มองหายนตรกรรมสไตล์ Hatchback กันอย่างเป็นเรื่อง เป็นราว ยาวมาตั้งแต่ Civic เจเนอเรชั่นแรกๆ ไล่มาจนถึงสายแรงอย่าง Type R จนกลายเป็นเหตุผลสนับสนุนว่าทำไมตลาดยนตรกรรมสไตล์ Hatchback จาก Honda ควรกลับมาอีกครั้ง
จนกระทั่งมาเริ่มต้นก้าวแรก (อีกครั้ง) ด้วย Civic Hatchback เจเนอเรชั่นจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน ที่ว่ากันตรงๆ คือ มองผ่านๆ เรายังค่อนข้างแยกไม่ออก ระหว่าง 4 ประตู Sedan และ 4 ประตู Hatchback ชนิดที่บางครั้งเราภาวนาให้เอางานดีไซน์จากยุค EF, EG หรือ EK กลับมาใช้ด้วยซ้ำ
และด้วย “กระแส” ของรถ Hatchback ยุคเก่าที่กลับมา อาจจะไปกระทบหูค่าย Honda เข้าเต็มๆ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา เราจึงเห็นว่า Honda Civic คือ ย่างก้าวแรกแห่งตลาด Hatchback ที่สร้างความแน่นอนด้วยชื่อ Civic ที่โด่งดัง และกำเนิดมายาวนาน ได้ทำให้สาวกทั่วโลก รวมถึงเมืองไทยให้ความสนใจ ไปจนถึงการกู้ชื่อเสียงของ Honda Hatchback ให้กลับมาเป็นที่น่าจับตาอีกครั้ง
ซึ่งวิวัฒนาการที่ก้าวจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ภายใต้ความต้องการของผู้บริโภค ได้ทำให้ Civic กลับกลายเป็นยนตรกรรมพิกัดใหญ่ไปโดยปริยาย จนทำให้ความรู้สึกในฐานะ“ยนตรกรรมสายซิ่ง” เลือนหายไป ประกอบกับ “กระแส” ของรถ Hatchback ที่กำลังกลับมา ทำให้การมองหายนตรกรรมที่เหมาะสมที่สุดน่าจะหนีไม่พ้น Honda City … และนั่นแหละ คือ เหตุผลที่ทำให้เกิดการมาถึงของ Honda City Hatchback (เราเดาว่างั้นนะ)
แต่เอาเถอะ … ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามของการถือกำเนิด Honda City Hatchback … ในฐานะผู้บริโภคที่มองจากภายนอกเข้าไป ก็อาจจะไม่รู้สึกถึงความไม่โดดเด่นเท่าไหร่ เว้นแต่เมื่อเข้าไปประจำการในตำแหน่งหลังพวงมาลัย พร้อมกับ “จุ่ม” คันเร่ง ลองใช้งานเข้าไปเต็มๆ ซักครั้ง นั่นแหละ “คำตอบ” ถึงจะปรากฏว่าทำไม Honda ถึงเลือก สร้างตัวถัง Hatchback ขึ้นมาเป็นตัวเลือกในโมเดล City
โดยรายละเอียดที่ว่านั้น เริ่มต้นจากตัวถังรูปแบบ Hatchback เสริมด้วยความโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน พร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ชุดกระจังหน้าแบบโครเมียม, ชุดไฟหน้าแบบ Projector พร้อมไฟส่องสว่าง สำหรับขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไปจนถึงชุดไฟท้ายที่เป็นแบบ LED, เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว
ขณะที่ภายในห้องโดยสารมากับความหรูหราสวยงาม รับกับดีไซน์ที่นำเสนอความเป็นสปอร์ตพรีเมียม ภายใต้โทนสีดำรับกับชุดคอนโซลหน้าแบบ Piano Black รวมถึงเบาะนั่งแบบ Ultra Seat แยกพับแบบ 60:40 ที่จัดมาให้เป็นครั้งแรกในโลก สำหรับเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ถึง 4 รูปแบบ คือ Utility Mode, Long Mode, Tall Mode และ Refresh Mode
ตามด้วยการเสริมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น ชุดหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสง, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI ซึ่งสามารถควบคุมด้วยระบบมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัย
แต่ทั้งหมด ทั้งมวล สิ่งที่ทำให้ Honda City Hatchback เป็นที่ “โดนใจ” ก็คือ ขุมพลังจากพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซินพิกัดขนาด 1.0 ลิตร 3 สูบ 12 วาล์ว พร้อม DOHC เสริมด้วยระบบวาล์วแปรผันแบบ VTEC และระบบอัดอากาศ Turbocharged ซึ่งให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมแป้น Paddle Shift ที่ซอยตำแหน่งเกียร์ออกมาเป็น 7 สปีด
ที่พูดง่ายๆ ว่าเป็นพื้นฐานเดียวกับในเวอร์ชั่น 4 ประตูซีดาน แต่มีการปรับเซ็ทใหม่ในเรื่องของช่วงล่างเพื่อให้รับกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทำให้อารมณ์โดยรวมจะค่อนไปทางสปอร์ต ด้วยอาการ “ดีดดิ้น” เล็กๆ เสริมด้วยความ “คม” ของระบบพวงมาลัย ที่ส่งเสริมให้ตัวรถซึ่งมีขนาดสั้นกระชับ มีความปราดเปรียวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จนกลายเป็นความ “สนุก” ในทุกครั้งที่ได้ขับ โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่ต้องใช้ความคล่องตัวเป็นอาวุธหลัก ที่เพียงแค่น้ำหนักเท้าขวา ก็สามารถสั่งการ Honda City Hatchback ได้อย่างเป็นไปตามใจสั่ง
และ Honda City Hatchback ก็ไม่ได้มีความน่าประทับใจเฉพาะการใช้งานในเมืองเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงการใช้งานในฐานะยนตรกรรมสำหรับการเดินทางด้วยเช่นกัน จากเรี่ยวแรงของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 122 แรงม้า ที่ตัวเลขอาจจะดูน้อยไปนิด แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อ “ลอง” แล้วจะติดใจ จากการตอบสนองที่รวดเร็ว และน่าจะตอบโจทย์ได้ดีแม้กับคนขับรถเท้าหนัก
ฉะนั้นการเร่งแซงในจังหวะปกติ หรือจังหวะฉุกเฉิน ถือเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างมั่นใจ แถมถ้าอยากสนุกมากกว่านั้นแป้น Paddle Shift ที่หลังพวงมาลัย ยังสามารถเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยชั้นดี ในการปรับเปลี่ยนอารมณ์สู่สไตล์เกียร์ธรรมดา ที่หมายรวมถึงการช่วยลดภาระระบบเบรก และช่วยยกระดับความปลอดภัยได้อีกด้วย
ซึ่งเมื่อกล่าวถึงเรื่องความปลอดภัย ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับความครบครันในสไตล์ที่สาวก Honda น่าจะคุ้นเคยกันดี จากโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง เสริมด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA)
และระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) ไปจนถึงกล้องมองภาพด้านหลังที่สามารถปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) และถุงลมนิรภัยที่จัดมาให้เต็มพิกัดถึง 6 ตำแหน่ง
โดย Honda City Hatchback จะมากับตัวเลือก 3 รุ่นย่อยให้จับจองเป็นเจ้าของ เริ่มต้นจากพื้นฐานรุ่น S+ ราคา 599,000 บาท, รุ่น SV ราคา 675,000 บาท และ รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
Specification: Honda City Hatchback
- Price : 599,000 – 749,000 BHT
- Engine : 988 CC / 3 Cylinder / 12 Valve 122 hp @ 5,500 rpm / 173 Nm @ 2,000 – 4,500 rpm
- Transmission : CVT
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight : 1.150 – 1,165 Kg.