Breaking News

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R ขีปนาวุธทรงคูเป้ พละกำลัง 585 แรงม้า

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R ขีปนาวุธทรงคูเป้ เครื่องวางกลางลำ-ขับหลัง ขุมพลัง V8 บวกเทอร์โบชาร์จ 2 ตัว ติดตั้งไว้ด้านบน พละกำลัง 585 แรงม้า

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R ขีปนาวุธทรงคูเป้ พละกำลัง 585 แรงม้า

MERCEDES-AMG GT 

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R

ไฟแทร็คชั่นคอนโทรลกระพริบขึ้นบนมาตรวัดดิจิตอล เตือนว่าตอนนี้ล้อคู่หลังกำลังพยายามควานหาแทร็คชั่นขณะที่รถเร่งออกจากโค้ง ฝากระโปรงที่ทอดยาวค่อยๆ เบนทิศชี้ไปยังทางตรงเบื้องหน้า เพียงอึดใจต่อมา ยาง Cup 2 จอมหนึบก็จับถนนได้ในที่สุด… “นั่นแหละ!!!” … ผมตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัวในขณะที่ระบบควบคุมการยึดเกาะยอมปล่อยแรงบิดทั้ง 700 นิวตันเมตร คืนมาให้ใช้งานได้อีกครั้ง ส่ง GT R ทะยานไปข้างหน้าพร้อมเสียงคำรามลั่นจากปลายท่อไอเสียที่อยู่ถัดจากเบาะนั่งไปเพียงเล็กน้อย

GT R คือผลผลิตบนยอดสูงสุดของรถแบบโปรดักชั่นจาก Mercedes-AMG ทรงพลังที่สุด, สปอร์ตที่สุด และมีราคาสูงที่สุดของค่าย ขีปนาวุธทรงคูเป้ เครื่องวางกลางลำ-ขับหลัง คันนี้ ใช้ขุมพลัง V8 บวกด้วยเทอร์โบชาร์จ 2 ตัว ติดตั้งไว้ด้านบน ทำกำลังได้ 585 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที และแรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่มีให้ใช้เต็มเพดานตั้งแต่ 2,100 ไปจนถึง 5,500 รอบ/นาที

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R
กระจังหน้า Panamericana แบบเดียวกับในรถแข่ง GT3 ใช้ซี่แนวตั้ง 15 ซี่
MERCEDES-AMG GT R
ไฟหน้าได้รับการรีดีไซน์องค์ประกอบภายในโคมทั้งหมด… แม้ตัวถังโดยรวมของรถจะไม่เปลี่ยนไปนัก แต่แค่ชุดไฟหน้าใหม่นี้ ก็ส่งให้ภาพรวมของรถดูเฉียบคมมากขึ้นเยอะทีเดียว
MERCEDES-AMG GT R
แผงระบายความร้อนที่ติดตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของกันชน เป็นวงจรสเตจแรกสำหรับลดความร้อนของน้ำหล่อเย็นที่ส่งไปเลี้ยงอินเตอร์คูเลอร์ เมื่ออากาศ (อัดมาจากเทอร์โบ) มีอุณภูมิสูงขึ้นจนเกินความสามารถของสเตจแรก น้ำจะถูกส่งต่อไปยังหม้อน้ำหลัก (ติดตั้งไว้หลังกระจังหน้า) ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดความร้อน
MERCEDES-AMG GT R
Air Curtains หรือม่านกั้นอากาศ ทำหน้าที่นำอากาศวิ่งไปสู่ซุ้มล้อโดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนอากาศบริเวณนี้
รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R
กระจกมองข้างครอบด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ น่าเสียดายที่รถรุ่นปรับโฉมนี้ กลับยังไม่มีระบบเตือนจุดอับสายตามาให้

นั่นส่งให้ GT R ต้องหมดเปลืองเวลาไปกับการหาแทร็คชั่นไม่ว่าจะเป็นขณะออกตัวหรือเร่งเพื่อออกจากโค้งสู่ทางตรง การส่งพลังทั้งหมดไปยังล้อคู่หลังเพียงอย่างเดียว ทำให้แม้แต่ยางเหนียวหนึบสำหรับถนนแห้งโดยเฉพาะอย่าง Michelin Pilot Sport Cup 2 หน้ากว้างอวบอ้วนถึง 325 มม. ก็ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับแรงบิดมหาศาลเช่นนี้ได้

เราพบว่า ถ้าต้องการทำเวลาต่อรอบได้ดี โหมด “RACE” เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากแทร็คชั่นคอนโทรลเปิดให้ล้อหลังหมุนฟรีได้พอสมควร นั่นจะทำให้คุณสัมผัสถึงการเริ่มลื่นไถล และปรับคันเร่งให้อยู่บนขีดจำกัดสูงสุดจริงๆ ของยางได้ก่อนที่พวกมันจะเริ่มสูญเสียแรงยึดเกาะไป

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R
ใช้หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดน้ำหนักส่วนบน ซึ่งมีผลดีอย่างยิ่งในขณะเข้าโค้ง

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R
ช่องระบายอากาศและครีบที่แก้มหน้าไม่ค่อนหวือหวานัก เราอยากเห็นการกลับมาของครีบสุดอลังการแบบใน SLR McLaren อีกครั้ง… ได้โปรด… AMG
รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R
คันทดสอบมาพร้อมกับล้อฟอร์จน้ำหนักเบารุ่น RXC แบบ 5 ก้านคู่ (ออปชั่น) ขนาด 19 นิ้ว ในล้อหน้า และ 20 นิ้ว ที่ล้อหลัง
MERCEDES-AMG GT R
ชุดเบรกคาร์บอนเซรามิก ให้พลังในการเบรกเหลือเฟือ สามารถใช้งานอย่างหนักหน่วงได้โดยไม่เฟดง่ายๆ นอกจากนั้น มันยังมีการตอบสนองและฟีลลิงขณะเบรกที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังตัดน้ำหนักออกไปได้ถึง 17 กก. อีกด้วย

นอกจากนั้น การ “เพิ่มไปอีก 1 เกียร์” ในบางโค้ง ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยให้คุณควบคุมการเร่งออกจากโค้งได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น โค้งที่รถสามารถออกด้วยเกียร์ 2 ได้ ก็เปลี่ยนมาออกที่เกียร์ 3 แทน เป็นต้น เพื่อลดความรุนแรงของพายุแรงบิดลง ซึ่งหมายถึงลดโอกาสที่ล้อจะลื่นไถลลงตามไปด้วย เป็นต้น

เมื่อเริ่มเข้าอกเข้าใจบุคลิกของรถได้ดีขึ้น ทุกอย่างก็ไปได้สวย หากไม่ต้องกังวลเรื่องท้ายปัด GT R นับเป็นรถที่ควบคุมได้เชื่องมืออย่างยิ่ง ต้องขอบคุณองค์ประกอบยอดเยี่ยมต่างๆ ไล่ตั้งแต่การจัดวางห้องโดยสารไว้เกือบปลายสุดของรถ เพื่อยกพื้นที่ส่วนหน้า (ตั้งแต่หลังช่วงล่างคู่หน้า) ให้เป็นที่อยู่ของเครื่องยนต์, ตำแหน่งการขับที่ต่ำเรี่ยพื้น ตลอดจนระบบบังคับเลี้ยวคมกริบ

MERCEDES-AMG GT R
เราต่างรู้ถึงสรรพคุณความหนึบของยาง Michelin Pilot Sport Cup2 กันเป็นอย่างดี แต่กับ 585 แรงม้า, 700 นิวตันเมตร ของ GT R แม้แต่ยางหลังขนาดมหึมา 325/30-20 ก็ยังหมุนฟรีได้ง่ายดายเมื่อปิดระบบควบคุม ทำให้มันมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที นั่นเร็วมาก แต่ควรจะเร็วได้กว่านี้หากไม่ต้องถูกลดทอนพละกำลังโดยแทร็คชั่นคอนโทรลเพื่อควานหาการยึดเกาะ… ไม่ต้องกังวลไป Michelin ยังมี Cup2 R เนื้อนิ่มให้คุณเป็นทางเลือก

MERCEDES-AMG GT R

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R

ทั้งยังตอบสนองอย่างมีชีวิตชีวาและสื่อสารทิศทางของล้อหน้ามาสู่มือได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ ช่วยส่งเสริมให้ Merc คูเป้ เข้าโค้งได้ราวกับวิ่งบนราง สัมผัสได้ถึงแรงยึดเกาะระดับสูงของล้อหน้าผ่านพวงมาลัย ขณะที่เท้าขวาของคุณกำลังควบคุมคันเร่งเพื่อให้ยางหลังอยู่บนขีดจำกัดสูงสุดก่อนถึงจุดที่มันจะหมุนฟรี

รอจนกระทั่งถึงจุดออกโค้ง เติมคันเร่งอย่างนุ่มนวลแต่รวดเร็ว, ขยับพวงมาลัยเพื่อควบคุมการสะบัดไปมาของท้ายรถ แล้วกดคันเร่งให้มิดพรมอีกครั้งเมื่อ GT R เริ่มตั้งลำได้ โดยปล่อยให้การหมุนฟรีที่ยังหลงเหลืออยู่บนล้อหลัง เป็นหน้าที่ของแทร็คชั่นคอนโทรลไป

MERCEDES-AMG GT R

MERCEDES-AMG GT R
ไฟท้ายยังคงเลย์เอาท์เดิม แต่เปลี่ยนสีกรอบภายในเป็นสีดำ ทำให้ไฟดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
MERCEDES-AMG GT R
ปีกหลังแบบฟิกซ์ทำหน้าที่ช่วยสมดุลดาวน์ฟอร์ซที่เกิดขึ้นจากแผ่นปิดใต้ท้องด้านหน้าแบบแอคทีฟ ที่จะเลื่อนต่ำลง 40 มม. เมื่อความเร็วมากกว่า 80 กม./ชม. ขึ้นไปในโหมด RACE เพื่อสร้างสุญญากาศให้เกิดแรงดูด ช่วยลดอาการยกตัวของหน้ารถด้วยแรงกดถึง 40 กก. ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. โดยแผ่นปิดใต้ท้องนี้ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์จึงมีน้ำหนักเพียง 2 กก. เท่านั้น
MERCEDES-AMG GT R
ดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์ซับซ้อนนี้ เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญของชุดแอโรไดนามิกส์ตลอดแนวใต้ท้องรถ พวกมันจะช่วย “ดูด” ให้รถเกาะติดกับถนนเมื่อใช้ความเร็วสูง กระแสอากาศที่ไหลออกมาสามารถพุ่งสูงขึ้นได้เป็นเมตรทีเดียว!
MERCEDES-AMG GT R
หม้อพักและปลายท่อไอเสียชิ้นกลางทรง 6 เหลี่ยม เป็นไทเทเนียมทั้งหมด ในขณะที่ท่อส่วนที่เหลือผลิตจากสแตนเลสแบบบางพิเศษเพื่อลดน้ำหนักอีกทางหนึ่ง
MERCEDES-AMG GT R
นอกจากท่อไอเสียชิ้นกลางแล้ว ยังมีท่อไอเสียที่ฝั่งซ้ายและขวาอีกชุดที่ปล่อยผ่านปล่องซึ่งบังด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ป้องกันความร้อน ทั้งหมดนี้เพื่อบริหารจัดการไอร้อนของไอเสีย เพื่อลดการรบกวนการไหลของลมที่เย็นกว่าซึ่งส่งผ่านมาจากดิฟฟิวเซอร์ ทำให้อากาศวิ่งออกไปจากรถโดยไม่แปรปรวน

ในอีกด้านหนึ่ง แรงบิดมหาศาลที่รอบต่ำและระบบขับเคลื่อนล้อหลัง หมายถึงคุณจะสนุกไปกับการทำเพาเวอร์สไลด์ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ โดยเลือกปรับลดการทำงานของแทร็คชั่นคอนโทรลผ่านปุ่มหมุนสีเหลืองสะดุดตาที่ติดตั้งอยู่กลางแดชบอร์ด เพื่อหาจุดที่เหมาะกับสไตล์การขับขี่ของคุณที่สุด จะว่าไปแล้ว GT R ดูจะถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนี้มากกว่า บุคลิกที่ดุดันของเครื่องยนต์และคันเร่งที่ตอบสนองได้ตรงตามแรงกดของเท้า

บวกด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่ฉับไว ช่วยให้ควบคุมองศาการสไลด์ได้ง่ายกว่าที่คิด อย่างไรก็ตาม การปิดแทร็คชั่นคอนโทรลไปโดยสิ้นเชิงก็ยังไม่ใช่ทางเลือกที่ดีและปลอดภัยกับทรัพย์สินมูลค่า 18 ล้านบาทนัก นอกเสียจากคุณจะปรับตัวได้เข้าขากับรถอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

MERCEDES-AMG GT R
พวงมาลัยขนาดกำลังดีและจับได้ถนัดมือจากการหุ้มด้วยหนัง Nappa ระบบบังคับเลี้ยวปรับได้ 3 ระดับ ตั้งแต่ Comfort ที่เบามือ ไปจนถึง Sport และ Sport+ (กับ RACE) ที่หนักแน่น, เฉียบคม, ตอบสนองฉับไว และสื่อสารข้อมูลจากล้อหน้ามาสู่ฝ่ามือของคุณได้อย่างชัดเจน
MERCEDES-AMG GT R
การตกแต่งในห้องโดยสารด้วยสีดำเงา และดรายคาร์บอน ช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดูสงบเงียบ แม้จะมีคอนโซลกลางขนาดมหึมาแต่พื้นที่โดยรวมกว้างขวางเพียงพอสำหรับคนตัวใหญ่ๆ ทั้งยังมีเฮดรูมเหลือพอในกรณีที่ต้องสวมหมวกกันน็อกขณะขับในสนามอีกด้วย
MERCEDES-AMG GT R
ฝั่งขวาของพวงมาลัยคือปุ่มแบบหมุน ใช้เลือกโหมดการขับขี่ต่างๆ หรือกดที่จอเพื่อเข้าสู่โหมด Individual
MERCEDES-AMG GT R
นอกจากที่คอนโซลกลางแล้ว ยังสามารถเลือกกดจากก้านบนพวงมาลัยได้ด้วย โดยกดที่สัญลักษณ์ (บน/ล่าง) บนหน้าจอ LCD เพื่อเลือกว่าจะเรียกการใช้งานใดขึ้นมาแสดง และกดที่ปุ่มพลาสติกสีดำเมื่อต้องการเรียกใช้ฟังก์ชั่นนั้นๆ
MERCEDES-AMG GT R
เปลี่ยนจากมาตรวัดแบบเข็มในรุ่นแรก มาเป็นหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว เต็มพื้นที่ สวยงามตระการตา, อ่านค่าต่างๆ ง่ายขึ้น และแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ
MERCEDES-AMG GT R
หน้าจอขนาด 10.2 นิ้ว ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการมัลติมีเดีย COMAND Online อาจไม่หวือหวาเท่า MBUX แต่ก็ใช้งานได้ดีและครอบคลุมทุกฟังก์ชั่น ทั้งยังให้ความคมชัดสูงอีกด้วย

แน่นอนว่า ช่วงล่างของ GT R ทำหน้าที่ได้อย่างดีเมื่อขับแบบฮาร์ดคอร์ ขึงตึงและเกาะถนนเป็นเยี่ยม ขณะเดียวกัน – ในโหมด Comfort – ก็ให้ความนุ่มนวลได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับความเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูง คุณจะสัมผัสถึง “รถเบนซ์” ที่คุ้นเคยได้ใน GT R เช่นกัน แน่นอนว่าไม่นุ่มนวล, หรูหรา และสะดวกสบายเท่ากับรถซีดาน แต่เท่าที่ทำได้บนมอเตอร์เวย์ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า มันสามารถใช้ขับทางไกลได้โดยไม่สร้างความตึงเครียดมากนัก

ด้วยห้องโดยสารที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันและเบาะที่นั่งสบาย ทั้งยังปรับเดินหน้าหรือถอยหลังได้มากพอสมควร เฮดรูมมีเหลือพอสำหรับการขับโดยสวมหมวกกันน็อก และมีห้องเก็บสัมภาระเพียงพอสำหรับใส่กระเป๋าเดินทางขนาดกลาง 2 ใบ คุณสามารถขับพรวดเดียวไปยังสนามแข่งที่ชลบุรี หรือไกลกว่านั้น เช่น บุรีรัมย์ โดยอาจหยุดพักครึ่งทางสักหนึ่งครั้งเพื่อยืดเส้นยืดสายบ้าง

MERCEDES-AMG GT R
นี่คือปุ่มที่เร้าใจกว่าปุ่มใดๆ ในโลก! คุณสามารถเลือกการแทรกแซงจากระบบแทร็คชั่นคอนโทรลได้ 9 ระดับ (จนถึงปิดไปเลย) ด้วยการหมุนปุ่มนี้ จากการขับทดสอบเราพบว่า โหมด RACE เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการขับที่เน้นเวลาต่อรอบสนาม แต่ถ้าเพาเวอร์สไลด์คือสิ่งที่คุณต้องการล่ะก็… เอื้อมมือไปหมุนปุ่มเหลืองนั่นได้เลย!!!
MERCEDES-AMG GT R
การตกแต่งด้วยดรายคาร์บอน ช่วยเพิ่มบรรยากาศแบบรถแข่ง GT3 ได้อีกหน่อย ใต้ฝาครอบมีช่องสำหรับเสียบ USB และไฟ 12V มาให้ครบครัน
MERCEDES-AMG GT R
บนสุดคือสวิตช์สำหรับเลือกโหมดการขับขี่ ถัดลงมาใช้กดเพื่อเลือกเปลี่ยนเกียร์เอง (แบบ Manual ด้วยแป้นหลังพวงมาลัย) โดยระบบจะไม่เปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นให้อัตโนมัติแม้จะลากจนสุดเรดไลน์ก็ตาม ต่อจากนั้นคือปุ่มปรับช่วงล่าง และปุ่มสุดท้ายเพื่อปิดแทร็คชั่นคอนโทรล… อย่ากดปุ่มนี้ ถ้าคุณยังไม่รู้จัก GT R ดีพอ!
MERCEDES-AMG GT R
ในโฉม Facelift เปลี่ยนมาใช้ทัชแพดแบบใหม่ เช่นเดียวกับรถรุ่นล่าสุดอื่นๆ ของ Merc สำหรับควบคุมจอแสดงผลส่วนกลางบนแดชบอร์ด โดยสามารถเลื่อน, กด, ใช้สองนิ้วเพื่อขยายหรือย่อแผนที่ และเขียนตัวอักษรลงไปบนแพดได้
MERCEDES-AMG GT R
เปลี่ยนจากปุ่มกดทรงกลมในโฉมที่แล้ว มาใช้ปุ่มเหลี่ยมที่มีจอแสดงผลชนิด TFT ขนาดเล็กจิ๋วติดตั้งไว้ด้านใน ดูสวยงามและอลังการมากๆ
MERCEDES-AMG GT R
ชุดเกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะ ติดตั้งไว้หน้าเฟืองท้ายอิเล็กทรอนิกส์ สามารถเปลี่ยนเกียร์ ขึ้น-ลง ได้อย่างลื่นไหลและฉับไว ในโหมด RACE จะทำงานแบบ Rev match โดยเร่งรอบเครื่องยนต์ให้เหมาะกับอัตราทดเมื่อชิฟต์ดาวน์ คล้ายกับการทำ Heel & toe ในรถเกียร์ธรรมดา นอกจากนั้น ในโหมดนี้เกียร์ยังเปลี่ยนลงต่ำทันทีที่ทำได้ เพื่อเลี้ยงรอบเครื่องยนต์เอาไว้ในเพาเวอร์แบนด์ตลอดเวลา

โดยรวมแล้ว GT R คือรถที่ Mercedes-AMG ทำออกมาได้ดีเยี่ยมสมกับเป็นรุ่นสูงสุดของแบรนด์ มันสามารถเป็นรถสำหรับการเริ่มต้นลองขับในแทร็ค โดยเปิดระบบควบคุมต่างๆ เอาไว้ และค่อยๆ ปรับลดการแทรกแซงลงเรื่อยๆ ตามทักษะการขับขี่ที่พัฒนาขึ้นของคุณ

หรือถ้าคุ้นชินกับการขับระดับสูงอยู่แล้ว ความดิบเถื่อนเมื่อปิดระบบควบคุมทั้งหมดจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบขับเคลื่อนล้อหลังที่ดื้อดึงและพร้อมจะเล่นงานคุณทุกเมื่อที่พลาดพลั้งเช่นนี้

ผมรับประกันความระทึกขวัญ

MERCEDES-AMG GT R
สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของ AMG ที่มีต้นกำเนิดจากโรงงานใน Affalterbach
MERCEDES-AMG GT R
เบาะกึ่งบักเก็ตที่โอบกระชับ และนั่งได้สบายอย่างเหลือเชื่อ มีช่องเตรียมไว้สำหรับติดตั้งสายรัดแบบ 4 จุด (ขึ้นไป) ให้เรียบร้อย
MERCEDES-AMG GT R
คานค้ำแดมเปอร์เพื่อเพิ่มความเสถียรและทำให้ช่วงล่างตอบสนองได้แม่นยำขึ้น… นอกจากจะมีประโยชน์แล้ว ยังดูเท่มากๆ อีกด้วย สังเกตที่หลังเบาะ จะเห็นที่ว่างซึ่งเหลือมากพอที่จะเลื่อนเบาะถอยมาได้อีกพอสมควร ในภาพเป็นตำแหน่งการขับของผมที่สูง 167 ซม.
MERCEDES-AMG GT R
เครื่องยนต์ติดตั้งไว้ชิดกับผนังห้องเครื่อง หลังช่วงล่างด้านหน้า ใต้ชุดฝาครอบสีดำเป็นที่อยู่ของกรองอากาศและองค์ประกอบต่างๆ ของระบบระบายความร้อน ซึ่งเบากว่าเมื่อเทียบกับตัวเครื่องยนต์ ทำให้ส่วนหน้าของรถมีน้ำหนักไม่มากนัก โดยน้ำหนักส่วนใหญ่ไปตกที่กลางรถค่อนไปทางล้อหลัง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวและบังคับควบคุมยิ่งขึ้น
รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R
ที่โรงงานใน Affalterbach เครื่องยนต์ AMG V8 ใช้ปรัชญา “One Man – One Engine” กล่าวคือ ใช้บุคลากร 1 คน ในการประกอบเครื่องยนต์ตัวนั้น โดยมีเพลทแจ้งชื่อผู้ประกอบติดไว้บนเครื่องยนต์ เช่นคันนี้เป็นฝีมือของคุณ Kevin Felger
รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R
เทอร์โบทั้งสองตัวใต้ฝาครอบอลูมิเนียม ติดตั้งไว้กึ่งกลางของฝาสูบ นอกจากจะช่วยให้เทอร์โบตอบสนองได้รวดเร็วแล้ว ยังไม่เปลืองพื้นที่ด้านข้างเหมือนตำแหน่งแบบดั้งเดิม (ข้างเครื่องยนต์) ทำให้ขนาดโดยรวมกะทัดรัดขึ้น จึงวางลงไปในพื้นที่แคบๆ ของห้องเครื่องได้ เทอร์โบคู่นี้ตั้งแรงบูสต์สูงสุดไว้ถึง 1.35 บาร์

MERCEDES-AMG GT R

  • Price: ฿18,000,000
  • Engine: 3982cc 32v V8 twin-turbo, 585hp @ 6250rpm, 700Nm @ 2100-5500rpm
  • Transmission: 7-speed dual-clutch auto, e-diff, rear-wheel drive
  • Performance: 3.6sec 0-100km/h, 318km/h top speed, 7.2-9.6km/l, 284g/km CO2
  • NCAP rating: n/a

Check Also

Kia EV5 Earth Exclusive AWD 2024

รีวิว ลองขับ Kia EV5 Earth Exclusive AWD รถไฟฟ้าจากเกาหลี ที่เติมอรรถประโยชน์ในการใช้งานที่คุ้มค่า

รีวิว ลองขับ Kia EV5 Earth Exclusive AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตัน-เมตร …