รีวิว ทดสอบ VOLVO S90 RECHARGE T8 AWD INSCRIPTION เวอร์ชั่นรีเฟรชของซีดานรุ่นท้อปจากสวีเดน แต่ขุมพลังยังคงเป็นระบบ Plug-in Hybrid เช่นเดิม
VOLVO S90 RECHARGE T8 AWD INSCRIPTION
รีวิว ทดสอบ VOLVO S90 RECHARGE T8 AWD INSCRIPTION ซีดานรุ่นท้อป
VOLVO S90 RECHARGE T8 AWD INSCRIPTION



เวอร์ชั่นรีเฟรชของซีดานรุ่นท้อปจากสวีเดน แม้จะมีการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยแต่ก็ช่วยให้ S90 เป็นรถที่ดีขึ้นอีกขั้น
สิ่งที่น่ายินดีที่สุดในการปรับครั้งนี้ก็คือระบบเบรก ถึงจะยังให้สัมผัสที่ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นในคลาสเดียวกัน แต่ความรู้สึกทื่อๆ ลื่นๆ ในจังหวะที่เริ่มเบรกลดลงอย่างมาก และไม่หยุด “หัวทิ่ม” เมื่อออกแรงกดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังไม่ใช่ระบบเบรกที่ดีนัก แม้จะเทียบกับรุ่น D4 เครื่องยนต์ดีเซลของพวกเขาเองก็ตาม
กระจังหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ มีกล้องติดตั้งอยู่ด้านล่างของโลโก้ ส่วนหนึ่งของระบบกล้องรอบทิศทาง
DRL ที่มีดีไซน์ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากค้อนของเทพเจ้า Thor ไฟจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นส้มเมื่อเปิดไฟเลี้ยว ส่วนสปอตไลต์ไม่มีติดตั้งมาให้ในรุ่นใหม่นี้ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเพราะแค่ไฟหน้าก็ให้ความสว่างได้เหลือเฟือแล้ว
ระบบไฟสูงอัตโนมัติแบบแอคทีฟชาญฉลาด, ทำงานได้ฉับไว และมีประสิทธิภาพสูง สามารถปิดบางดวงเพื่อดับแสงช่วงที่จะส่องไปรบกวนรถคันหน้าได้ นอกจากนั้นยังส่องไฮไลท์ไปที่ป้ายจราจร, คน, สัตว์ที่เดินอยู่ข้างทาง หากระบบตรวจจับได้ในขณะขับขี่ที่มืด ช่วยให้ผู้ขับเห็นได้ชัดเจน ทั้งยังปรับทิศทางได้ตามการหักเลี้ยวอีกด้วย
ไฟท้ายคือองค์ประกอบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดที่สุดในเวอร์ชั่นปรับโฉม ไฟบนแถบตัว C จะวิ่งแบบ Sequential เมื่อเปิด ส่วนไฟเลี้ยวก็เป็นแบบ Sequential แล้วเช่นกัน
และแน่นอนว่า ไม่มีดีเซลอีกต่อไปสำหรับ Volvo พวกเขาเดินหน้าเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างมุ่งมั่นด้วยการจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ไฮบริด และ EV ก่อนที่จะยุติการผลิตรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงโดยสิ้นเชิงในอีก 9 ปีข้างหน้า นอกจากนั้น ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ให้มากขึ้น ดังนั้น อย่าแปลกใจถ้าผมจะลำเอียงไปทางรถยนต์ของ Volvo เป็นพิเศษ… พวกเขาควรได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นสำหรับเราทุกคนบนโลกอันงดงามใบนี้
S90 จึงได้คะแนนพิศวาสไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ปัจจุบันรถยนต์ทุกรุ่นของ Volvo จะมีจำหน่ายเพียงประเภทไฮบริดและ EV เท่านั้น เปลี่ยนมาใช้ Code Name ว่า “Recharge” ทั้งหมด เพื่อสื่อถึงการใช้พลังงานไฟฟ้ามาช่วยในการขับเคลื่อน… Volvo ตั้งเป้ายกเลิกผลิตและจำหน่ายรถยนต์ใช้น้ำมันภายในปี 2030 เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมของพวกเขา
ล้อลายใหม่มีขนาด 19 นิ้ว ร่วมกับยาง 255/40 ทั้งสี่ล้อ ระบบเบรกมีพลังเหลือเฟือและปรับปรุงให้ตอบสนองได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็ยังหลงเหลือฟีลลิ่งแบบทื่อๆ ลื่นๆ อยู่บ้าง ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ร่วมกับสปริงขด ส่วนด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ทำงานร่วมกับแหนบแบบวางขวางและถุงลม พวกมันให้ความนุ่มนวลได้ดีเยี่ยมทีเดียว
เครื่องยนต์เบนซินรองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E10 ขึ้นไป ขณะที่ระบบไฟฟ้ามาพร้อมกับแบตเตอรี Lithium-ion มีความจุเพิ่มจาก 10.4 ของรุ่นที่แล้ว เป็น 11.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในขณะที่เรากำลังทำต้นฉบับนี้ Volvo มีโปรโมชั่นแถม Wall Charger พร้อมตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้านและติดตั้งฟรี สามารถชาร์จได้เต็มในราว 3 ชั่วโมง หรือใช้เครื่องยนต์เพื่อชาร์จได้ในขณะขับขี่ ซึ่งจะทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและใช้เวลานานมากกว่าจะเต็ม เมื่อเทียบกับระบบของ BMW และ Merc
ยนตรกรรมเรือธงจากสวีเดนได้รับการปรับปรุงเล็กน้อยด้วยกันชนหน้าและหลังที่เปลี่ยนรายละเอียดใหม่ ไฟท้ายก็ดีไซน์รายละเอียดใหม่เช่นกัน ขุมพลังยังคงเป็นระบบ Plug-in Hybrid เช่นเดิม นั่นคือใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบบวกด้วยซูเปอร์ชาร์จ ร่วมกับระบบ Mild Hybrid มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี ลิเธียม-ไอออน กำลังรวมจากแหล่งพลังงานทั้งสองคือ 407 แรงม้า และ 640 นิวตันเมตร
อัตรเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกเปลี่ยนมาจำกัดไว้ที่ 180 กม./ชม. นั่นหมายถึงคุณไม่สามารถเข้าถึงความเร็วปลายที่ 250 กม./ชม. (จำกัดเช่นกัน) ซึ่ง S90 โมเดลที่แล้วทำได้ อีกต่อไป… โอเค ผมกำลังอยู่ในรถที่เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก
จอแนวตั้งแบบสัมผัสสำหรับระบบ Infotainment และแสดงข้อมูลทั้งหมดของรถ รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay สามารถกดใช้งานหน้าจอได้ในขณะสวมถุงมืออีกด้วย
จอแสดงผลแบบดิจิตอลเต็มพื้นที่ ให้สีสันสดใสและมีความคมชัดสูง สามารถเรียกดูข้อมูลต่างๆ ได้พอสมควร แต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ไม่มากนัก นอกจากนั้น S90 ยังมี Head-up Display มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สามารถแสดงการนำทางตาม sat-nav ได้ และแสดงป้ายสัญญาณข้างทางเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับได้ ไม่ว่าจะเป็นป้ายจำกัดความเร็ว, ทางข้าม, เขตโรงเรียน และอื่นๆ อีกมากมาย ได้บนกระจกหน้ารถ
เป็นพวงมาลัยที่มีขนาดพอเหมาะและจับได้ถนัดมือมากๆ ระบบบังคับเลี้ยวค่อนข้างไวและสื่อสารความเป็นไปของล้อหน้ามาสู่มือได้ไม่ชัดเจนนัก มันมีน้ำหนักเบาทว่าการเซ็ตให้พวงมาลัยพยายามคืนกลับมาอยู่ในตำแหน่งตรงเสมอ ทำให้คุณต้องออกแรงขืนมันมากกว่าปกติเมื่อเลี้ยวโค้งหรือเปลี่ยนเลน อาการไม่หนักหนารุนแรงเท่า S60 แต่ก็สร้างความรำคาญขณะขับขี่พอสมควร ทั้งยังรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติอีกด้วย
แอคทีฟครูสคอนโทรลของ Volvo ทำงานแบบกึ่งขับเองอัตโนมัติ สามารถลดความเร็ว, หยุด และหักเลี้ยวไปตามโค้งได้เอง แต่คุณยังต้องจับพวงมาลัยเอาไว้ ไม่เช่นนั้นระบบจะยกเลิกการทำงาน มันยอดเยี่ยมสำหรับการขับบนทางด่วนหรือมอเตอร์เวย์ แต่ยังไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบเหมือน BMW 7-series เนื่องจากระบบของ S90 ควบคุมรถชิดเส้นแบ่งเลนฝั่งซ้ายมากเกินไป (แทนที่จะอยู่กึ่งกลางของเลน), บ่อยครั้งที่จับเส้นแบ่งเลนไม่ได้ และยังเบรกไม่นุ่มนวลเป็นธรรมชาตินัก
เมื่อพูดถึงความปลอดภัย รถจาก Volvo มีให้อย่างเต็มพิกัดแน่นอน นี่คือรถที่มีระบบช่วยเหลือดีที่สุดในคลาสอย่างไม่ต้องสงสัย S90 อาทิ ระบบตรวจจับจักรยาน, คน และสัตว์ขนาดใหญ่ ที่นอกจากจะเบรกเองเมื่อพบว่าอันตรายแล้ว (เหมือนรถทั่วไปที่มีระบบพวกนี้แล้ว) มันยังสามารถหักพวงมาลัยเพื่อเบี่ยงหลบได้อัตโนมัติอีกด้วย
เช่นเดียวกับระบบเตือนจุดอับขณะเปลี่ยนเลนที่สามารถดึงพวงมาลัยกลับได้เองหากพบว่าจะเกิดอันตรายจากการเปลี่ยนเลนที่กระชั้นชิดกับรถคันหลัง (ซึ่งอยู่อีกเลนหนึ่ง) จนเกินไป เป็นต้น
ฟังก์ชั่นต่างๆ ถูกแยกออกมาจัดแสดงไว้เกือบครบถ้วนในหน้าจอเดียว จึงเลือกใช้งานได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดเพียงครั้งเดียว แต่อาจต้องใช้เวลาสักพักเพื่อทำความคุ้นเคยและจดจำตำแหน่งของแต่ละฟังก์ชั่น หลังจากคุณชินกับมันแล้ว นี่จะเป็นอินเตอร์เฟซที่ใช้งานได้สะดวกง่ายดายมากๆ น่าเสียดายเล็กน้อยที่ไม่มี “ฟังก์ชั่นลับ” อย่างระบบแจ้งเตือนกล้องตรวจจับความเร็วมาให้แล้วในรุ่นรีเฟรชนี้

นอกจากนั้นยังสามารถขับเองอัตโนมัติได้ อาจไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็ถือว่าทำได้ดีบนทางตรงและโค้งกว้างๆ น่าเสียดายที่ระบบไม่สามารถตรวจจับเส้นแบ่งเลนที่เริ่มจางได้, บังคับรถชิดกับเส้นแบ่งเลนฝั่งซ้ายมากไป และการเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความเร็วหรือหยุด ยังกระโชกโฮกฮากไปสักหน่อย
ในแง่ของสมรรถนะ ตัวเลข 407 แรงม้า และ 640 นิวตันเมตร กลับไม่ได้ทำให้ S90 ดุเดือดเลือดพล่านเหมือน Merc หรือ BMW มันเร็วแน่นอน แต่ขับไม่สนุกอย่างที่ควรจะเป็น พวงมาลัยไวเกินไปและไม่ค่อยสื่อสารนัก, ช่วงล่างที่มีอาการโอเวอร์สเตียร์ร่วมด้วยในจังหวะเข้าโค้งแคบๆ และคันเร่งที่คุณต้องรอหนึ่งอึดใจหลังจากคิกดาวน์ จึงจะลดเกียร์ลงต่ำให้
ติดตั้งชุดเครื่องเสียงรุ่นท้อป “Bowers & Wilkins” มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในรุ่นใหม่นี้มีการเพิ่มเวทีเสียงแบบ “Jazz Club” เข้าไป และอัพเกรดแอมพลิไฟเออร์ใหม่ ตลอดจนปรับปรุงระบบหักล้างเสียงรบกวนให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ส่วนเรื่องพลังเสียงนั้น… สุดยอด!!!


ชุดเกียร์ 8 จังหวะ ทำงานได้ราบรื่นนุ่มนวล แต่ตอบสนองขณะคิกดาวน์ช้าเกินไป หัวเกียร์ที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ของ Volvo ทำหน้าที่เป็นจอยสติ๊กเพื่อเลือกตำแหน่งเกียร์ คุณจะต้องผลักมัน 2 ครั้ง (จากตำแหน่ง P) เพื่อเข้าเกียร์ เช่น ผลักไปข้างหน้า 2 ครั้ง เพื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง หรือผลักไปข้างหลัง 2 ครั้ง เพื่อเข้าเกียร์ D
แต่ในการขับขี่ทั่วไป S90 ทำได้ยอดเยี่ยมทีเดียว นุ่มนวล, เงียบกริบ และนั่งสบายในทุกตำแหน่ง ระบบไฮบริดทำงานได้ต่อเนื่องลื่นไหลและให้อัตราเร่งเหลือเฟือ เราขับโดยใช้ไฟฟ้าอย่างเดียวได้เกือบ 40 กม. และทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 13 กม./ลิตร คุณสามารถเลือกปรับการใช้พลังงานได้หลากหลาย นั่นรวมถึงการเลือกใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว โดยเก็บพลังงานไฟฟ้าเอาไว้สำหรับขับในย่านที่มีการจราจรหนาแน่น เพื่อช่วยลดมลพิษในเมืองได้อีกทางหนึ่ง
S90 คือรถที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายในห้องโดยสารได้มากที่สุด การจัดวางตำแหน่งเบาะนั่งอยู่ในระดับที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถมองไปรอบๆ ได้อย่างไม่อึดอัด เบาะนั่งคู่หน้าปรับได้หลายทิศทาง ในขณะที่เบาะหลังก็นั่งสบายและมีพื้นที่รอบๆ กว้างขวาง
นอกจากนั้น ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกติดตั้งมาให้ครบครัน โดยรุ่นปรับโฉมนี้ มีเทคโนโลยี Advanced Air Cleaner ระบบปรับอากาศพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับและกรอง PM2.5 ได้ จึงทำให้อากาศในห้องโดยสารสะอาดปลอดภัยต่อสุขภาพยิ่งขึ้น
มีโหมดการขับขี่ให้เลือกหลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วยการกดลงไปหนึ่งครั้ง และหมุนเพื่อเลือกโหมดที่ต้องการ
ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ที่ย้ายปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์มาไว้ที่คอนโซลกลางเช่นกัน สำหรับ Volvo ใช้การบิดสวิตช์ตามเข็มนาฬิกาเพื่อติดเครื่อง ดีไซน์ของปุ่มต่างๆ แพรวพราวสวยงามอย่างยิ่ง
สีของห้องโดยสารมีให้เลือกเพียง Charcoal (เหมือนคันทดสอบของเรา) และ Brown เท่านั้น คุณภาพวัสดุดีเยี่ยม เช่นเดียวกับคุณภาพการประกอบ ประดับธงสวีเดนไว้ข้างเบาะดูเก๋ไก๋ดีทีเดียว
ส่วนรองนั่งของเบาะหลังแบบยกสูงขึ้นได้ 2 ระดับ เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจต่อความปลอดภัยของ Volvo ที่มีติดตั้งในรถรุ่นต่างๆ ของพวกเขามายาวนานกว่า 10 ปี สามารถยกขึ้นได้ง่ายด้วยการกดปุ่มที่ซ่อนไว้หน้าส่วนรองนั่ง ความสูงระดับแรกสำหรับเด็ก 115 ซม. ขึ้นไป และหนัก 22-36 กก. ความสูงระดับสองสำหรับ 95-120 ซม., 15-25 กก. การยกส่วนรองนั่งสูงขึ้น ช่วยให้เด็กสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยของรถได้โดยสายเข็มขัดจะอยู่ในตำแหน่งที่พาดบนร่างกายได้ถูกต้อง จึงปลอดภัยยิ่งขึ้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
โดยรวมแล้ว S90 จึงเป็นรถที่คุณควรพิจารณาอย่างยิ่ง ด้วยความคุ้มค่าจากรายการอุปกรณ์ยาวเป็นหางว่าว, ระบบความปลอดภัยเหนือชั้น, เทคโนโลยีล้ำสมัย ตลอดจนอัตราสิ้นเปลืองที่ดีตามแบบฉบับของรถไฮบริด พร้อมข้อเสนอการรับประกันแบตเตอรีไฮบริดนานถึง 8 ปี หรือ 150,000 กม. กับราคาที่ 3.3 ล้านบาท ซึ่งถูกกว่าเดิมถึง 400,000 บาท และถูกที่สุดเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกันอย่าง BMW 530e M Sport หรือ Mercedes E300 e AMG ในราคา 3.7 ล้านบาททั้งคู่
แต่ผมยังพูดได้ไม่เต็มปากนัก ว่า S90 คือรถที่ดีที่สุดในคลาส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ เวลานี้ ที่ทั้ง 5-series และ E-class ต่างเพิ่งเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของพวกเขา และผมยังไม่ได้นำมาขับทดสอบ
ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ค่อยว่ากันอีกที
SPECIFICATION: VOLVO S90 RECHARGE T8 AWD INSCRIPTION
- Price: ฿3,290,000
- Engine: 1969cc 4 cyls turbo+supercharger, 320hp @ 5700rpm, 400Nm @ 2200-5400 rpm with 87ps, 240Nm electric motor (407ps, 640Nm combined)
- Transmission: 8-speed auto, All-wheel drive (FWD engine and RWD e-motor)
- Performance: 4.9sec 0-100km/h, 180km/h top speed (limit), 41g/km Co2
- Weight: 2112kg
- NCAP rating: 5 stars (MY 2017)