รีวิว ยางสำหรับรถไฟฟ้ากับ Continental eContact ยางที่ไม่กลัวรั่วแม้จะโดนตะปู…!!!

รีวิว ยาง Continental eContact ยางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล และเงียบสงบ รวมทั้งประหยัดน้ำมัน/เพิ่มระยะทางได้ดีเยี่ยม 

รีวิว ยาง Continental eContact ยางที่ออกแบบมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 

Continental eContact

การรุกคืบเข้ามาในประเทศไทยของ “รถพลังงานไฟฟ้า 100%” จากมากมายแบรนด์ผู้ผลิต นั้นช่างคล้ายกับ “คลื่นระลอกใหญ่” ที่ส่งผลกระทบทั้งในแง่บวก และแง่ลบ (ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละผู้ประกอบการ) แต่สำหรับในมุมมองของผู้บริโภค คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือ “สารกระตุ้น” ชั้นดี ให้บรรดาแบรนด์ “ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ต่างๆ” เกิดการวิจัยและพัฒนา เพื่อรับมือกับการแข่งขันอันดุเดือดที่กำลังจะมาถึง

และ “ยางรถยนต์” คือ หนึ่งใน “ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ต่างๆ” ที่เริ่มก้าวเข้าสู่การแข่งขันในตลาดของ “รถพลังงานไฟฟ้า 100%” ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มีมากมายหลากหลายแบรนด์ให้เลือกในท้องตลาด ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติเฉพาะตัวที่โดดเด่นแตกต่างกันไป

แต่ถ้าใครที่มองหาอะไรพิเศษ แบบที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง คงพอทราบว่า “ยางรถยนต์” สำหรับ “รถพลังงานไฟฟ้า 100%” นั้นมีเพียงไม่กี่รุ่น ไม่กี่แบรนด์เท่านั้น ที่มาพร้อมกับการการันตีได้เต็มปาก เต็มคำว่า “ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ” และ “Continental eContact” ก็คือ หนึ่งในความพิเศษ แบบเฉพาะเจาะจง อย่างที่ได้กล่าวมา

เป็นที่รู้กันว่าความต่างระหว่าง “รถพลังงานไฟฟ้า 100%” และ “รถเครื่องยนต์สันดาป” มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น “เสียงรบกวนที่น้อยกว่า”, “พละกำลังสูงกว่า”, “น้ำหนักที่มากกว่า” และ “ระบบเบรกที่ซับซ้อนกว่า” เพราะฉะนั้นนี่คือ “เงื่อนไข” ที่ “ยางรถยนต์” สำหรับ “รถพลังงานไฟฟ้า 100%” ควรต้องตอบโจทย์ได้ครอบคลุม เช่น Continental eContact

เริ่มจากคุณสมบัติของ “รถพลังงานไฟฟ้า 100%” ที่มี “เสียงรบกวนน้อยกว่า” เพราะฉะนั้นยาง Continental eContact จึงได้เสริมเทคโนโลยี ContiSilent เข้ามา ประกอบด้วย “รูปแบบดอกยาง” ที่ละเอียด และแน่น เพื่อช่วยลดเสียงรบกวน รวมถึงปิดกั้นเส้นทางการแพร่กระจายของคลื่นเสียง ระหว่างร่องยาง

ผสมผสานกับการเลือก “ใช้วัสดุโฟม โพลียูรีเทน” ชนิดพิเศษ (Foam Polyurethane) ติดอยู่กับพื้นผิวด้านใน ซึ่งข้อดีก็คือ ช่วยเพิ่มการกันกระแทก เพื่อให้เกิดความเงียบยิ่งขึ้น ตามด้วยการช่วยดูดซับเสียงมากขึ้นอีก 9 dB(A) ที่สำคัญก็คือ ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่, ระยะทาง, น้ำหนักบรรทุก หรือแม้กระทั่ง ความเร็วของรถก็ตาม

ส่วนต่อมา คือ เรื่องของ “สมรรถนะ” ที่ประกอบด้วย “พละกำลังที่สูงกว่า”, “น้ำหนักที่มากกว่า” และ “ระบบเบรกที่ซับซ้อนกว่า” นั่นหมายถึง การสึกหรอของยางจะเกิดขึ้นมากกว่า เพราะฉะนั้นคุณสมบัติ ความทนทาน, การยึดเกาะถนนที่ดี, การควบคุมที่ดี และการเบรกที่ยอดเยี่ยม จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น

เริ่มจาก “ความทนทาน” ซึ่ง Continental eContact มีเทคโนโลยี ContiSeal หรือ ระบบซ่อมแซมตัวเอง โดยส่วนด้านในของยางจะมีชั้นกาวสีดำที่มีความหนืดสูงเคลือบอยู่ ฉะนั้นเมื่อตะปู หรือวัตถุแหลมคมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า หรือเท่ากับ 5 มม. เจาะเข้าไป

ตัวสารเคลือบจะเข้าไปในช่องว่างโดยอัตโนมัติ เพื่อทำการอุดปิดรอยรั่ว เพื่อช่วยให้สามารถขับขี่ต่อไปได้ตามปกติ ที่สำคัญ คือ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนยาง เนื่องจาก ตัวสารเคลือบจะคงอยู่ตลอดอายุการใช้งาน จนกว่าจะเปลี่ยนยางเส้นใหม่เลยทีเดียว

Continental eContact มีการออกแบบพิเศษเพื่อรับมือกับ “น้ำหนักที่มากกว่า” จากการมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และ “ระบบเบรกที่ซับซ้อนกว่า” จากระบบ Regenerative Braking ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพ การยึดเกาะถนนที่ดี, การควบคุมที่ดี และการเบรกที่ยอดเยี่ยม เช่น “ลายดอกยางแบบไม่สมมาตร” พร้อมด้วยการลบมุมที่บริเวณดอกยาง

ตามด้วยการเพิ่มสัญลักษณ์ Inside และ Outside สำหรับบอกตำแหน่งติดตั้ง เพื่อให้ใช้งานได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การระบายน้ำที่รวดเร็ว และการเบรกที่ยอดเยี่ยม ทั้งบนถนนแห้ง และถนนเปียก

นอกจากนี้ บริเวณแก้มยาง ยังได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยมีแรงบันดาลใจจาก “ลูกกอล์ฟ” ซึ่งเป็นนวัตกรรมพิเศษของ eContact ด้วยเหตุผล คือ ลูกกอล์ฟที่มีรอยบุ๋มเป็นวงกลมบนพื้นผิว สามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกลกว่าลูกกลมเรียบ ฉะนั้นรอยบุ๋มแบบวงกลมบนแก้มยาง eContact จึงไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ช่วยลดแรงต้านของอากาศอีกด้วย

เพราะ “รถพลังงานไฟฟ้า 100%” ต้องการความต้านทานการหมุนที่ต่ำ เพื่อให้สูญเสียพลังงานน้อยลง เสริมด้วยระบบ Regenerative Braking ในการทำหน้าที่ชาร์จไฟกลับ เพื่อให้ขับขี่ได้ระยะทางไกลขึ้นนั่นเอง

จากการลองใช้งานจริง โดยรถที่เราใช้เป็น NISSAN KICKS แม้จะคนทั่วไปจะเรียกว่ารถไฮบริด แต่จริงๆแล้วระบบการทำงานของ NISSAN KICKS ก็คือรถไฟฟ้านั่นเอง  เพราะการขับเคลื่อนของรถคันนี้ใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับรถไฟฟ้า เพียงแค่เครื่องยนต์มีน่าที่ปั่นไฟฟ้าเข้าสู่แบตตอรี่เท่านั้น

ซึ่งอัตราเร่งของ NISSAN KICKS จาก 0-100 กม./ชม. จะอยู่ที่ประมาณ 8 วินาที ซึ่งเท่ากับรถไฟฟ้ารุ่นมอเตอร์เดี่ยวหลายๆ รุ่น ทั้งที่แรงม้า น้อยกว่ากันหลายสิบตัว แต่ก็มีเรื่องของน้ำหนักแบตมาเป็น ส่วนต่างในเรื่องนี้ด้วย

อย่างที่ทราบกันอัตราเร่งของรถไฟฟ้าจะขึ้นมาเป็นแนวดิ่ง จะไม่ได้ไล่ระดับเหมือนรสันดาปแบบปรกติ ทำให้ยางต้องรับแรงบิดที่รุนแรงกว่า ซึ่งโครงสร้างยางก็จึงมีความสำคัญ ซึ่งยาง Continental eContact มีการเสริมโครงสร้างแก้มยางสองชั้นช่วยรองรับแรงบิดที่ถูกกระทำของยางได้ดียิ่งขึ้น

โดย NISSAN KICKS คันนี้ได้มีการเปลี่ยนล้อมาเป็นขอบ 18 นิ้ว จากเดิม 17 นิ้ว ยางที่เรานำมาเปลี่ยนเลยมีขนาด 235 /50 /18 นิ้ว ซึ่งก็ถือว่าฟิตเม้นท์ของรถดูลงตัวทีเดียว ระหว่างชุดยางกับซุ้มล้อ ซึ่งจากการที่ลองใช้ก็ถือว่ามีความนิ่มนวลดีทีเดียว การวิ่งผ่านรอยต่อสะพานก็ถือว่าทำได้น่าประทับใจ แรงกระแทกจากช่วงล่างดูเหมือนจะดูดซับได้เบาลง

ที่สำคัญคือเสียงยางที่เงียบลงจากที่ภายในยางมีการกุโฟม และดอกร่องยางที่มีการลบมุมสันให้มนส่งผลให้เสียงเงียบยิ่งขึ้นอีกขั้น ส่งผลคือความน่าประทับใจทำให้เวลารถวิ่ง เสียงภายในห้องโดยสารดูเงียบขึ้นกว่าเดิมพอสมควร แบบรู้สึกได้ทันที ซึ่งจากการลบเหลี่ยมมุมของยางส่งผลในเรื่องของการรีดน้ำได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งในช่วงนี้ฝนตกบ่อย

ซึ่งเราก็มีโอกาสได้ใช้งานจริง ก็สัมผัสได้ถึงการเกาะถนนได้ดี แม้ในสภาพพื้นผิวเปียกก็ตาม ซึ่งการควมคุมของพวงมาลัยในสภาพการใช้งานในความเร็วสูงจากที่เราสัมผัส ตัวรถถือว่ามีเสถียรภาพดี แม้ในทางโค้งและทางตรง ที่สำคัญอีกอย่างคือคุณจะไม่ต้องกังวลว่ารถจะยางรั่วอีกต่อไป

เพราะเนื่องจากยางในรุ่นนี้ มีการเคลือบชั้นกาวพิเศษภายในยางที่สามารถผนึกตัวเมื่อยางรั่วได้เองโดยไม่ต้องสตรีม หรือแทงไหมให้ยุ่งยากตลอดอายุการใช้งานของยาง โดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่ไม่มีพื้นที่เก็บล้ออะไหล่ และเหตุสุดนิสัยที่ไม่คาดคิดเช่นโดนตะปูตำ แล้วลมรั่ว บดจนยางไม่สามารถอุดได้เป็นต้น ซึ่งยางตัวนี้จะทำให้คุณอุ่นใจได้สำหรับการเดินทางของคุณกว่าแน่นอน…

และทั้งหมดข้างต้นนี้ คือ Continental eContact ยางสัญชาติเยอรมัน ที่ถือกำเนิดมาเพื่อเป็น “ยางรถยนต์ไฟฟ้า 100%” โดยเฉพาะ ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ได้อย่างครอบคลุม กับขนาดที่มีให้เลือกตั้งแต่ 17 นิ้ว จนถึงขนาด 20 นิ้ว สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ผู้แทนจำหน่าย Continental ทั่วประเทศใกล้บ้านได้แล้ว วันนี้