TorqueThailand.com
รีวิว ลองขับ All-new Honda WR-V เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC พร้อมระบบ i-VTEC กำลังสูงสุด 121 แรงม้า รุ่น RS ราคา 869,000 บาท
รีวิว ลองขับ All-new Honda WR-V ยนตรกรรมมินิเอสยูวี ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว
All-new Honda WR-V
“All-new Honda WR-V คือ สมาชิกใหม่ล่าสุด ในฐานะ “น้องเล็ก” แห่งไลน์อัพ รถอเนกประสงค์ กับราคาเริ่มต้นที่ 799,000 – 869,000 บาท … หลายคนอาจติดใจว่า “ราคา” แรงไปนิด แต่ถ้าไม่คิดถึงภาพรวมเราว่า “โอเค” เลยแหละ”
สำหรับรายละเอียดเบื้องต้นของ All-new Honda WR-V เดาว่าหลายคนคงรู้กันหมด … แต่เราก็ยังอดไม่ได้ ที่จะหยิบเอาบางเรื่องราว มาพูดถึงซักเล็กน้อย ไล่มาจาก “ราคา” เพราะต้องบอกว่าในรุ่นเริ่มต้น SV ราคา 799,000 บาท หากเพิ่มปัจจัยเข้าไปอีกราวๆ 70,000 บาท ก็จะได้รุ่นสูงสุด RS ราคา 869,000 บาท มาครอบครอง
โดยความความต่างอย่างที่รู้กันก็คือ เรื่องของ “ออปชั่น” ยิบย่อยมากมาย ระหว่าง 2 รุ่น ซึ่งเราขอข้ามไปไม่พูดถึงบางส่วน เพราะอยากให้ผู้ที่สนใจ ลองเปิดแค็ตตาล็อกศึกษาจริงจัง เอามาลองชั่งน้ำหนัก แล้วถามตัวเองก่อนว่า “สิ่งที่มี และ สิ่งที่ขาด” เทียบกับ “ราคา” แล้ว มีความคิดเห็นอย่างไร … ?
ส่วนสิ่งที่เราจะพูด เพราะเห็นได้ชัดเจนก็คือ “ความต่าง” ด้าน “สไตล์” ที่หลายคนน่าจะพอทราบดี ว่ารุ่นย่อย RS แบบที่เห็นอยู่นี้ คือ เน้นความสปอร์ต โดยความต่างภายนอกจะประกอบด้วย กระจังหน้าแบบโครเมียมสปอร์ต ที่มาพร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
เสริมด้วยความสะดวกจากกระจกมองข้างปรับ และพับไฟฟ้า พร้อมระบบพับเก็บอัตโนมัติ ส่วนล้ออัลลอยก็ขยับจาก 16 นิ้ว มาเป็น 17 นิ้ว จับคู่กับยาง 215/55 R17
ก่อนปิดท้ายด้วยโทนสีตัวถังแบบทูโทน คือ สีแดง Ignite Red Metallic ตัดหลังคาดำ Black Roof ที่จะมีเฉพาะรุ่นย่อย RS เท่านั้น เช่นเดียวกับภายในห้องโดยสาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่เราชื่นชอบ ด้วยอารมณ์การตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ “คุมธีม” ด้วยโทนสีดำ Piano Black สลับสีแดง
All-new Honda WR-V ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน พิกัดพอดีๆ คือ 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC พร้อมระบบ i-VTEC มีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 121 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ส่งไปยังล้อคู่หน้า ด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT เสริมด้วยระบบ G – Design Shift และแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาอีกว่า ระหว่าง 2 รุ่นย่อย คือ SV และ RS ยังมีความต่างในเรื่องของบุคลิกรวมอยู่ด้วย ทั้งในส่วนของระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนี่ยน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS ตามด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท
พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม H-Shape ด้วยเหตุผลความต้องการให้รุ่น RS มีอารมณ์ความสปอร์ตที่ชัดเจนมากกว่ารุ่น SV นั่นเอง
แต่คำถาม คือ เมื่อเรายังไม่เคยลองรุ่น SV จะตอบได้อย่างไร ว่าความต่างที่มีนั้นมากน้อยแค่ไหน ฉะนั้นทางเดียวก็คือ เก็บความสงสัยไว้ … และเต็มที่กับ รุ่น RS ในวันนี้ ใช้ศักยภาพให้เต็มที่ พร้อมกับเก็บความทรงจำ หรือความรู้สึกเอาไว้ จนกว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสรุ่น SV แล้วลองเทียบกัน (ถ้าไม่นานไปจนลืม)
สำหรับในส่วนของอารมณ์การขับขี่ ครั้งนี้พูดได้ว่าเป็นการหยิบยืมมาลองขับเดี่ยวๆ ฉะนั้นเราเลยมีโอกาสได้สัมผัสอะไรมากกว่า ครั้งก่อนที่ได้ทดสอบกลุ่มแบบ One Day Trip แน่ๆ เพราะแค่เริ่มต้นวัน เราก็เจอกับวิถีการใช้ชีวิตแบบคนในกรุงเทพฯ แบบแท้จริงๆ โดยเฉพาะเมื่อคุณพักอยู่โซนบางนา สุขุมวิท และสิ่งแรกที่ทุกๆ วันต้องเจอ ก็คือ “สภาพรถติด มหาโหด”
ชนิดที่เรียกได้ว่าถ้าเป็น “รถยนต์” คงได้แต่นั่งเซ็ง … แต่กับ All-new Honda WR-V แม้จะเป็น “น้องเล็ก” ในตระกูล “รถอเนกประสงค์” แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็น “รถอเนกประสงค์” เพราะงั้นเค้าจะมี “ต้นทุน” ที่เหนือกว่าจากเรื่อง “งานดีไซน์” รวมเข้ากับ “มิติตัวถัง” ความยาว 4,060 มม.
ความกว้าง 1,780 มม. ความสูง 1,608 มม. รวมกับระยะฐานล้อ 2,481 มม. และความสูงใต้ท้องอีก 220 มม. ฉะนั้นแม้ “รถติด” ขนาดต้องนั่งเฉยๆ ก็ยังไม่สร้างความน่าอึดอัด น่ารำคาญใจมากนัก ด้วยความกว้างขวางนั่งสบาย แถมยังมีทัศนวิสัยที่ปลอดโปร่งอีกด้วย
ขณะเดียวกัน หากสภาพการจราจรดีขึ้น All-new Honda WR-V ก็มีอีกหนึ่งบุคลิก ที่เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะชอบใจไม่น้อยทีเดียว นั่นคือ ความคล่องตัวขณะขับขี่ในเมือง ซึ่งหากใครเคยขับรุ่นพี่อย่าง Honda HR-V เจเนอเรชันแรก เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร
จะเข้าใจ ว่า All-new Honda WR-V ก็มีอารมณ์ที่ค่อนไปทางใกล้เคียงกัน แต่ที่โดดเด่นกว่าก็คือ ความกระชับของขนาดตัวรถ ส่งผลให้เกิดความคล่องตัว กระฉับกระเฉงมากกว่าอย่างชัดเจน
ส่วนหนึ่งต้องยกคุณงามความดีให้กับการตอบสนอง ทั้งจากน้ำหนักพวงมาลัย และจากเครื่องยนต์ ซึ่งขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร 121 แรงม้า พร้อมแรงบิด 145 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ถือว่ามีการจัดสรร และปรับเซ็ทมาให้ได้มีความลงตัวดี รู้สึกได้ถึงการถ่ายทอดกำลังอย่างต่อเนื่อง และราบรื่น ชนิดที่คุณแค่ค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักเท้าขวาก็เพียงพอ สำหรับสั่งการ
และอย่างที่บอกไป ด้วยความเป็น RS และ SV ที่เค้าตั้งใจให้มีบุคลิกต่างกัน จึงเป็นไปได้ว่า ความตึงตังของช่วงล่างรุ่น RS จะชัดเจนกว่า แม้จะใช้พื้นฐานเดียวกัน คือ ด้านหน้าแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม H-Shape
ซึ่งทั้งนี้ ทั้งนั้น นี่คือ ความรู้สึกของเราที่ไม่เคยสัมผัสอารมณ์ของรุ่น SV มาก่อน ฉะนั้นถ้าถามว่าต่างกันระดับไหน อันนี้ต้องสารภาพว่า “ตอบยาก” แต่ขณะเดียวกัน ถ้าถามถึงรุ่น RS เราสามารถตอบได้เลยว่า “ความตึงตัง” ของช่วงล่างอยู่ในระดับที่ “เรา” รับได้ เว้นแต่คุณ
เป็นคนที่ชอบความนุ่มนวลเข้าขั้น นั่นอาจจะหมายถึงการไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อใช้ความเร็วต่ำ และต้องเจอกับสภาพถนนที่ค่อนข้างแย่ในหลายๆ จุดของบ้านเรา ฉะนั้นควรไปลองขับด้วยตัวเองจะดีกว่า เพราะน่าจะได้คำตอบที่กำลังค้นหา ชัดเจนขึ้น
จากความเร็วต่ำๆ ในเมือง ท้ายที่สุดเราก็หลุดออกมาถึงโซนที่การจราจรเบาบางพอให้ลองใช้ความเร็วได้ เพื่อสัมผัสเรื่องดีๆ อย่างสมรรถนะ ที่พูดตามตรงไว้ว่าแทบไม่ได้ใช้งาน Paddle Shift … เพราะว่าถ้าคุณใช้เท้าขวาได้เนียนพอ All-new Honda WR-V ก็สามารถตอบสนองได้ทุกสไตล์การขับ
ไต่ระดับจากความเร็วต่ำ ไปถึงความเร็วเดินทางได้อย่างสบายๆ แบบไม่ต้องเค้น ไม่ต้องกดคันเร่งหนัก แถมยังสัมผัสบุคลิกของรถอเนกประสงค์แบบครอบครัวได้ชัดเจน ผสมด้วยความสปอร์ตแบบ RS ออกมาให้รับรู้ เพื่อสร้างความสนุกทุกการขับขี่ ซึ่งสำหรับเรา นั่น คือ จุดดีของภาพรวมช่วงล่างแบบ RS
อีกอย่าง คือ นอกจากอารมณ์ของช่วงล่างแล้ว เรื่องของ “เสียง” เท่าที่ทราบข้อมูลมา ก็ดูเหมือนจะเป็นอีกประเด็นความต่างระหว่างรุ่น RS และรุ่น SV เพราะว่ากันตรงๆ คือ เสียงลมปะทะตัวรถ เมื่อใช้ความเร็ว ณ จุดนี้ คือ “ทำได้ดี” แต่ที่ต้องพิจารณา คือ เสียงสะท้อนจากใต้ท้องรถ ซึ่งส่วนตัวเรารู้สึกได้ว่าค่อนข้างก่อกวน เพราะงั้นอย่างที่กล่าวไว้ว่าทางเดียวที่จะรู้ได้ว่า “ถูกใจ” หรือ “ไม่” ก็ต้องมาลองนั่ง ลองขับ
เพราะหากเปรียบมวยกันเองแล้ว จะพบ All-new Honda WR-V ทั้ง 2 รุ่นย่อย ต่างก็มีทั้ง “จุดได้เปรียบ และ เสียเปรียบ” ใน “รายละเอียด ยิบย่อย” เท่านั้น ทำให้บทสรุปทิ้งท้ายครั้งนี้ คือ ผู้สนใจควรไปลองด้วยตัวเองดีกว่า เพราะทั้ง “ออปชัน” และ “บุคลิก” ตลอดจนราคาที่ต่างกันราว 70,000 บาท น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้คิดหนักไม่น้อยทีเดียว
แต่หากถามถึงมุมมอง “ส่วนตัว” ของเรา ก็ต้องบอกตามตรงว่าถูกใจ ในหลายองค์ประกอบที่ “ดีเกินคาด” แล้วก็ชอบในสไตล์ความเป็นรถขับสนุกของรุ่นย่อย RS ด้วยเช่นกัน … แต่ถ้าใครอยากได้อะไรที่ “นุ่ม” กว่า รุ่นเริ่มต้นดูน่าจะเป็นคำตอบที่ดี แต่อย่างที่บอกไปว่า “ดีแค่ไหน” เราคงตอบไม่ได้ เนื่องจากยังไม่มีโอกาสัมผัสรุ่นย่อย SV นะครับ
Specification: All-new Honda WR-V
- Price: 799,000 – 869,000 BHT
- Engine: 1,468 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / 121 hp @ 6,600 rpm / 145 Nm @ 4,300 rpm
- Transmission: CVT / Front Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight: 1,112 – 1,143 Kg.
