รีวิว ลองขับ BMW X1 sDrive20i M Sport เครื่องยนต์ BMW TwinPower Turbo 4 สูบ เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 จังหวะ 204 แรงม้า ราคา 2,599,000 บาท
รีวิว ลองขับ BMW X1 sDrive20i M Sport พรีเมี่ยมสุดหรูที่คุ้มค่า คุ้มราคา
BMW X1 sDrive20i M Sport
“เวลาผ่านไปไว ราวกับโกหก เพราะนับจากเจเนอเรชั่นแรกของ BMW X1 (MY 2010) ที่โลกรู้จัก จนมาถึงล่าสุด ซึ่งถ้านับไม่ผิด รวมแล้วยาวนานถึง 13 ปี เลยทีเดียว … และนี่คือ เจเนอเรชั่นที่ 3 ของ BMW X1 (MY 2023) รหัสตัวถัง U11”
การมาของ BMW X1 เจเนอเรชั่นใหม่ รหัสตัวถัง U11 ทำให้เราต้อง Flash Back ความรู้สึกตัวเองกลับไปเล็กน้อย เพื่อระลึกถึงขุมพลัง ดีเซล เทอร์โบ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ ของ BMW ตระกูล X1 เพราะดูเหมือนล่าสุด
กับเจเนอเรชั่นที่ 3 จะ “ไร้ซึ่ง” ทางเลือกขุมพลังดีเซล เทอร์โบ เป็นที่เรียบร้อย โดยจะมีรุ่นย่อยให้เลือกเพียง 3 รุ่น นำทัพด้วยรุ่นสูงสุด “เวอร์ชั่น ใส่ถ่าน” กับ BMW X1 xDrive30e M Sport ราคา 2,799,000 บาท
พร้อมกับมี “เวอร์ชั่น สันดาป” เครื่องยนต์ เบนซิน เอาไว้อีก 2 รุ่น สำหรับเอาใจสาย Old School กับรุ่นสูงสุด พระเอกของเรา คือ BMW X1 sDrive20i M Sport ราคา 2,599,000 บาท ปิดท้ายด้วย Entry Level แห่ง “เวอร์ชั่น สันดาป” กับค่าตัวที่เบาลงเล็กน้อยราวๆ “หนึ่งแสน” กับ BMW X1 sDrive20i xLine ราคา 2,499,000 บาท
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดน่าสนใจก็คือ “ส่วนต่างค่าตัว” ระหว่างรุ่นสูงสุด และรุ่นเริ่มต้น ในไลน์อัพ “เวอร์ชั่น สันดาป” คือ BMW X1 sDrive20i M Sport ราคา 2,599,000 บาท และ BMW X1 sDrive20i xLine ราคา 2,499,000 บาท มีอะไรบ้างที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นงานสำรวจแคตตาล็อก จึงเริ่มขึ้นเป็นอย่างแรก
เริ่มจากภายนอก รุ่น xLine จะมากับ ล้อ Aerodynamic ขนาด 18 นิ้ว แบบสลับสี ขณะที่รุ่น M Sport จะมากับล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke Bi Colour ตามด้วยราวหลังคา รุ่น xLine จะเป็นแบบ Aluminium Satinated ไล่เรียงไปถึงรายละเอียดการตกแต่งภายนอก
ขณะที่ รุ่น M Sport จะมากับดีไซน์ M โทนสีดำเงา รับกับรายละเอียดการตกแต่งภายนอกที่เลือกใข้โทนสีดำเงาเช่นกัน ด้านภายในห้องโดยสารถ้าเป็น รุ่น xLine จะตกแต่งด้วยไม้ลาย Eucalyptus แบบด้าน
แต่ถ้า รุ่น M Sport จะตกแต่งด้วยอลูมิเนียมลาย Mesheffect ตามด้วย ชุดพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M ที่เข้ากับผ้าหลังคาภายในดีไซน์ M และสี Anthracite เพราะฉะนั้นพูดง่ายๆ ว่า รุ่น M Sport ก็จะมากับชุดตกแต่ง M Sport ที่เน้นความดุดัน เร้าใจในทางกายภาพ มากกว่ารุ่น xLine อย่างเห็นได้ชัด
ส่วน ระบบความบันเทิง และการสื่อสาร ไม่ว่าจะรุ่น xLine หรือ รุ่น M Sport มีการจัดมาให้เท่ากันๆ เช่น BMW Live Cockpit Professional, ระบบ BMW ConnectedDrive, ระบบเครื่องเสียงแบบ Stereo (ถ้าอยากได้ Harman Kardon ต้องขยับไป “เวอร์ชั่น ใส่ถ่าน) และระบบเชื่อมต่อ Smartphone
ระบบความปลอดภัย คือ อีกหนึ่งหัวข้อออปชั่น ที่จัดสรรมาให้เท่าๆ กัน ทั้งรุ่น xLine และ รุ่น M Sport ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัย สําหรับคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง สําหรับคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า, ถุงลมนิรภัยศีรษะ สําหรับผู้โดยสารตอนหน้า และหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง), ระบบ Teleservices,
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call), ตัวยึด Car Seat สำหรับเด็ก ISOFIX, ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC), ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS), เซ็นเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัย เมื่อเกิดการชน (Crash Sensor), ระบบตรวจวัดลมยาง แล้วก็ปิดท้ายด้วย ยางอะไหล่
ในเรื่องของขุมพลัง มั่นใจได้เลยว่าบล็อกเดียวกันแน่นอน ตามรหัส sDrive20i ซึ่งนั่นคือ เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ พ่วงระบบอัดอากาศ TwinPower Turbo มีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,450 –4,500 รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แบบ Steptronic คลัตช์คู่ โดยจะเพิ่มความเร้าใจมาให้อีกนิดด้วย แป้นเปลี่ยนเกียร์ (Gearshift Paddles) หลังพวงมาลัยในรุ่น M Sport แต่จะไม่มีมาให้ในรุ่น xLine อีกอย่าง คือ อัตราเร่ง 0 -100 กม./ชม. เค้าเคลมเอาไว้เท่ากันทั้ง 2 รุ่น คือ 7.6 วินาที รวมถึงความเร็วสูงสุด 236 กม./ชม.ด้วยเช่นกัน
ในเรื่องของการทดลองขับ สัมผัสแรกหลังจากนำตัวเองเข้าประทับหลังพวงมาลัย บอกเลยว่า ปลอดโปร่งโล่งสบาย ซึ่งเมื่อดูจากมิติตัวรถความยาว 4,500 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,845 มิลลิเมตร ความสูง 1,642 มิลลิเมตร กับระยะความยาวฐานล้อ 2,692 มิลลิเมตร
จะเห็นได้ชัดว่ามีการเติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นที่ 2 รหัส F48 ซึ่งมีความยาว 4,439 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,821มิลลิเมตร ความสูง 1,612 มิลลิเมตร กับระยะความยาวฐานล้อ 2,670 มิลลิเมตร
ส่วนเรี่ยวแรงระดับ 204 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์เบนซิน พิกัด 2 ลิตร 4 สูบ TwinPower Turbo โดยส่วนตัว ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน โดยเฉพาะแรงบิด 300 นิวตันเมตร ในรอบต่ำ 1,450 รอบต่อนาที ซึ่งดีงามอย่างมาก สำหรับการใช้ชีวิตในเมือง ที่ต้องอาศัยการตอบสนองดีๆ ในย่านความเร็วต่ำ
แถมยังมีทัศนวิสัยที่ดีจากความสูงในสไตล์ยนตรกรรม SUV เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญ ที่ช่วยให้การขับขี่ในเมืองด้วย BMW X1 sDrive20i M Sport เป็นเรื่องที่สนุกไม่น้อยทีเดียว แม้เราจะยังไม่ได้ลองเปลี่ยนไปใช้โหมด Sport ก็ตาม ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เรามั่นใจได้เลยว่า พละกำลังที่มีมาให้นั้น “เพียงพอ” แน่นอน
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท กับด้านหลัง มัลติลิงค์ ยังคงมีอารมณ์ในแบบฉบับของ BMW ซึ่งพูดได้เลยว่าถูกใจสาวกค่าย “ใบพัดฟ้า-ขาว” แต่อาจจะไม่สบอารมณ์เล็กน้อยกับผู้ที่หลงใหลในความนุ่มนวล เพราะแม้จะเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ แต่ด้วยสไตล์ของ BMW การใส่ “ความนุ่มนวล” ให้กับการทำงานของช่วงล่าง ซึ่งมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว สำหรับ เจเนอเรชั่นล่าสุดนี้ อาจยังไม่มากพอ ที่จะกลบ “ความสปอร์ต” ลงไปได้
โดยเหตุผลหนึ่ง เราคาดเดาว่าอาจเพราะ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว จับคู่กับยาง 245/45 ในรุ่น M Sport รวมกับการปรับแต่งช่วงล่างสไตล์ BMW จนแอบคิดไม่ได้ ว่าในรุ่นเริ่มต้น xLine ที่มากับ ล้ออัลลอยขนาดเล็กกว่า คือ 18 นิ้ว กับยางที่ “หน้าแคบ และแก้มหนา” ขึ้นอีกนิด คือ 225/55 จะตอบโจทย์เรื่อง “ความนุ่มนวล” ได้มากกว่านี้หรือไม่ … ?
แต่สำหรับคนชอบความสปอร์ต และเป็นสาวก BMW อย่างเรา “อารมณ์ช่วงล่าง” สไตล์นี้ ไม่เคยมีปัญหา เพราะรู้ว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น เมื่อได้โอกาสใช้คันเร่งจริงๆ จังๆ รวมถึงพบเจอถนนหนทางที่เป็นใจ เมื่อนั้น BMW X1 sDrive20i M Sport จะแสดงความเป็น ยนตรกรรม SUV ที่มีจุดยืนด้าน “อารมณ์สปอร์ต” ออกมาให้เห็น ซึ่งไม่เพียงแค่เฉพาะอารมณ์ของช่วงล่างเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง “อารมณ์ของพวงมาลัย” ด้วยเช่นกัน
เพราะอีกหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้สาวก BMW ทั่วโลกหลงรัก ก็คือ การทำงานที่สอดรับอย่างลงตัว หาที่เปรียบไม่ได้ของทั้ง ระบบช่วงล่าง และระบบพวงมาลัย ประสานการรับ-ส่ง ได้ดีในทุกย่านความเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับ “ผู้ที่ชื่นชอบ” ส่วนผู้ที่ไม่ได้ “อิน“ เท่าไหร่ ก็เป็นได้ว่าอาจรู้สึก “ตึง” มือ ไปนิดในความเร็วต่ำๆ
แต่ถ้าลองได้ขยับไปใช้ความเร็วสูงมากขึ้น ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะ “ถูกใจ” เหมือนที่เรารู้สึกได้ ตั้งแต่การบังคับควบคุม ที่สามารถสื่อสารไปได้จนถึงเรื่องของเสถียรภาพการทรงตัว และการยึดเกาะถนน ที่บางครั้งก็ดูจะเป็น “ดาบสองคม” ให้เราเผลอตัว สนุกกับการขับขี่เดินคันเร่งในโค้งบ่อยครั้ง จนกระทั่งมีเสียง “ยาง” ออกมาเตือน
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น หากใช้ความเร็วอยู่ในระดับที่เหมาะสม คุณจะพบว่า BMW X1 sDrive20i M Sport เป็นยนตรกรรมที่ทั้ง “ขับสนุก และขับสบาย” ได้พร้อมๆ กัน
หรือหากต้องการอะไรที่เร้าใจกว่า การเปิดโหมด Sport ขึ้นมาใช้งาน ก็เป็นความคิดที่ดี เพราะนอกจากการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นแล้ว การได้ฟังเสียงลากรอบเครื่องยนต์หวานๆ คือ สิ่งที่ช่วยสร้างความสดชื่น ให้คนรักการขับขี่แบบสปอร์ตได้ดี แถมยังให้ความมั่นใจในการเร่งแซงในแบบที่ไม่ต้องเผื่อให้ลุ้นอีกด้วย
ความน่าสนใจท้ายสุด คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ซึ่งตัวเลข Eco Sticker เค้าเคลมเอาไว้ที่ 15.6 กิโลเมตร/ลิตร ถือได้ว่า “ดูดี” ทีเดียว สำหรับเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบในการพิจารณาเลือกคบหา รถอเนกประสงค์ SUV “น้ำหนักตัว 1,625 กก.”
กับ “สมรรถนะ” ระดับนี้ … แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น หลายคนควรเข้าใจว่า “ตัวเลข” อัตราสิ้นเปลือง ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมผู้ขับขี่ และปัจจัยหลายๆ อย่าง ประกอบกัน
ซึ่งส่วนตัว เราไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ ว่าจะทำได้ตามตัวเลข Eco Sticker เพราะขอให้บริโภคอยู่ในระดับที่สมเหตุ สมผล กับพฤติกรรมการขับขี่ “ถือเป็นพอ” เพราะเชื่อเถอะว่าสำหรับบางคน หากได้ลองสัมผัสสมรรถนะ BMW X1 sDrive20i M Sport ดูซักครั้ง บางที “ความประหยัด” อาจกลายเป็นเรื่องที่คุณไม่ซีเรียสก็ได้ !!! ใครจะรู้
และทั้งหมด ทั้งมวล ที่กล่าวมา ก็คือ เรื่องราวของ BMW X1 sDrive20i M Sport จากมุมมองของเรา ที่สรุปได้ว่า “ขับสนุกก็ได้ ขับสบายก็ดี” ส่วนค่าตัว 2,599,000 บาท “สูงกว่า” รุ่นเริ่มต้น xLine ราวๆ “หนึ่งแสน” คือ ส่วนต่างๆ ในเรื่องราวของ “การตกแต่ง” เกือบทั้งหมด
ยกเว้น “ขนาดของล้อ และยาง” ที่อาจมีผลต่อเรื่อง “สมรรถนะ” นิดหน่อยเท่านั้น … “คุ้ม หรือ ไม่คุ้ม” นั่นล่ะครับ คือ ประเด็นที่คุณเองต้องตัดสินใจ หากอยากได้มาครอบครอง
Specification: BMW X1 sDrive20i M Sport
- Price: 2,599,000 BHT
- Engine: 1,998 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / TwinPower Turbo 204 hp @ 5,000 – 6,500 rpm / 300 Nm @ 1,450 – 4,500 rpm
- Transmission: 7A/T Steptronic & Gearshift Paddles
- Performance: 0 – 100 Km/h @ 7.6 Sec / Top Speed @ 236 Km./h
- Weight 1,625 Kg.