Breaking News

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR รถกระบะเสริมสเตียรอยด์ ของเล่นสำหรับคนที่เบื่อรถกระบะแบบเดิมๆ

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ให้พลังสูงสุด 397 แรงม้า หรือมากกว่ารุ่นที่แล้วถึง 184 แรงม้า!

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

Next-Gen Ford Ranger Raptor

หลังจากประสบความสำเร็จกับเจเนอเรชั่นแรกไปแล้ว ดูเหมือนว่า Ford จะเห็นแววรุ่งของ Raptor และครั้งนี้เป็นการ “เอาจริง” ด้วยการโฟกัสไปที่การขับขี่แบบ Baja ลืมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ไปได้เลย เพราะใน Raptor ใหม่ มาพร้อมกับขุมพลังที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบ 1 เท่าตัว จากเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ให้พลังสูงสุด 397 แรงม้า หรือมากกว่ารุ่นที่แล้วถึง 184 แรงม้า!

จาก Ranger รุ่นมาตรฐาน ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยเน้นไปที่คุณภาพการขับขี่ ด้วยฐานล้อกว้างขึ้น 50 มม. และเลื่อนช่วงล่างหน้าให้ขยับไปทางปลายด้านหน้าของรถเพิ่มขึ้นจากโมเดลก่อนหน้านี้ 50 มม. เป็นพื้นฐานที่ดีให้ทีมวิศวกรของ Ford Performance นำมาต่อยอดให้กับ Raptor ตอนนี้รถรุ่นใหม่มีเครื่องยนต์ที่ติดตั้งไว้แบบวางกลางลำ (Mid-front engine) ส่งให้รถมีการกระจายน้ำหนัก หน้า/หลัง ที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม

คุณจะสัมผัสสิ่งนี้ได้ชัดเจนเมื่ออยู่ในโค้ง… แม้ Raptor จะมาพร้อมกับส่วนสูงแบบรถ Off-road และดอกยาง All-terrain ทว่าการยึดเกาะแม้บนถนนลาดยางกลับไม่ธรรมดา ต้องขอบคุณช่วงล่างปีกนกอลูมิเนียมคู่ที่ล้อหน้า และ Watt’s Link ด้านหลัง ซึ่งทำงานร่วมกับแดมเปอร์จาก Fox ทั้งหมด

ร่วมด้วยเนื้อยางสูตรพิเศษที่คราวนี้ BF Goodrich ออกแบบให้แมตช์กับระบบ Live Valve ที่สามารถปรับความ อ่อน/แข็ง ได้ ของแดมเปอร์ชุดนี้โดยเฉพาะ ในกรณีนี้ เราอยู่ในโหมด Sport ที่เซ็ตติ้งของช่วงล่างจะขึงตึงขึ้น ตัวรถจึงมีการเอียงตัวไม่มากนักขณะอยู่ในโค้ง พวงมาลัยที่ให้น้ำหนักกำลังดีและตอบสนองฉับไวกว่ารถกระบะทั่วไป

คืออีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่เติมเต็มความมั่นใจให้กับคุณ แฮนด์ลิงโดยรวมของรถจึงยอดเยี่ยม ให้ความรู้สึกราวกับกำลังขับ SUV คุณภาพสูงจากยุโรป ทั้งคล่องแคล่ว, เกาะถนนได้ดีกว่าที่คาดไว้ และแน่นอนครับ… เร็วเป็นพายุ!!!

แต่นั่นเป็นเพียงการเผยศักยภาพบางส่วนของ Raptor เท่านั้น เพชรยอดมงกุฎอยู่ในโหมด Baja ที่ซึ่งเป็นแก่นแท้ในการสร้างรถรุ่นใหม่คันนี้ขึ้นมา และนิยามตัวตนของมันเองโดยไม่จำเป็นต้องสรรหาคำใดๆ มาอธิบายให้มากความ เพียงชั่วอึดใจหลังจากปรับเข้าสู่โหมดนี้ คุณจะได้ยินเสียงคำรามดังกระหึ่มราวกับคำกล่าวต้อนรับจากปิศาจร้าย เครื่องยนต์ถูกปรับให้ถ่ายทอดพละกำลังทั้งหมดออกมา

ขณะที่ชุดเกียร์, ระบบขับเคลื่อน, ระบบควบคุมแทร็คชั่น, ช่วงล่าง และการตอบสนองของคันเร่งและพวงมาลัย ต่างตอบรับเซ็ตติ้งนักสู้ของเครื่องยนต์ด้วยการเข้าสู่ตำแหน่งพร้อมรบ

บนถนนลูกรังสายเก่าที่รกร้างว่างเปล่า เสียงแผดจากปลายท่อทั้งสองที่เปิดหมดเปลือก ดังกึกก้องห้องโดยสารทันทีที่กดคันเร่งมิดพรม ยาง BF Goodrich ทั้งสี่ ต่างพร้อมใจกันตะกุยไปข้างหน้า เห็นเป็นฝุ่นคละคลุ้งและเสียงระรัวของกรวดหินน้อยใหญ่ที่กระเด็นใส่ตัวรถ Raptor กระโจนออกไปอย่างรวดเร็ว

มือขวาของคุณกดที่แพดเดิลแมกนีเซียมอย่างเป็นระวิงเพื่อเปลี่ยนสู่เกียร์ 2 และ 3 จากรอบเครื่องที่ประเคนเข้ามาเพียงชั่วอึดใจจากเกียร์สู่เกียร์ พวงมาลัยสะบัดไปมาเพราะล้อหน้าที่กระแทกกระทั้นไปตามความขรุขระของผิวทาง ในขณะที่ช่วงล่างพยายามดันยางรถให้กลับมากดติดพื้นอยู่เสมอ

เป็นอีกครั้งที่ต้องยกความดีความชอบให้กับปีกนกอลูมิเนียม, Watt’s Link และระบบ Live Valve ของแดมเปอร์จาก Fox องค์ประกอบทั้งหมดนี้ถูกเซ็ตให้มีระยะ Travel (ยืดสุด-ถึง-ยุบสุด) มากเป็นพิเศษ ตามสไตล์ของรถแข่ง Baja นั่นหมายถึง ระบบ Live Valve สามารถปรับความหนืดของแดมเปอร์ให้นุ่มพอที่จะยุบจน (เกือบ) สุด เพื่อดูดซับแรงกระแทกได้ ทว่าเพียงพอที่จะดันกลับได้เร็วเพื่อให้ล้อลงมาแนบกับพื้นอย่างทันท่วงที

คุณจะจินตนาการได้ถึงล้อทั้งสี่ที่กำลังเต้นระรัว ขึ้น-ลง อยู่เบื้องล่าง ขณะนั่งอยู่ในห้องโดยสารที่โคลงเคลงไปมาอย่างช้าๆ แต่มั่นคง แม้ที่ความเร็วมากกว่า 160 กม./ชม. บนทางตรงของถนนลูกรังที่ทอดยาวเป็นเนินสูงต่ำไปเบื้องหน้า กระทั่งถึงทางโค้ง คุณถอนคันเร่ง (พร้อมเสียงปะทุ “ปุ้งปั้งๆๆ !!!) เริ่มเหยียบเบรก และกดแพดเดิลฝั่งซ้ายเพื่อลดเกียร์ลงต่ำจนหน้ารถมุดต่ำลง

จากนั้นหักเลี้ยวเพื่อส่ง Raptor เข้าสู่โค้ง การใช้เบรกขณะอยู่ในโค้ง เป็นไปได้ในรถคันนี้ แม้จะใช้ระบบเบรกของรุ่นก่อนหน้านี้ทั้งหมด ทว่าระบบ ABS ได้รับการปรับแต่งซอฟต์แวร์ใหม่ เพื่อเปิดให้คุณสามารถใช้เบรกควบคุมความเร็วและอาการของรถระหว่างอัดใส่โค้งได้มากขึ้น เครื่องยนต์ที่อยู่ในตำแหน่ง “กลางลำ” และความยาวฐานล้อที่เพิ่มขึ้น 50 มม.

คือองค์ประกอบที่เสริมทัพให้การบังคับควบคุมรถขณะอยู่ในโค้งเป็นไปโดยสวัสดิภาพจนถึงทางออก ที่ซึ่งแรงบิดระดับมหากาฬถึง 583 นิวตันเมตร จากขุมพลัง V6 เทอร์โบคู่ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ จะช่วยส่งร่างมหึมาและน้ำหนักกว่า 2.4 ตัน ของ Raptor ให้ดีดตัวออกไปข้างหน้าได้ราวกับ Hot Hatch คันจิ๋ว!

แต่สิ่งที่ไม่จิ๋วคืออัตราสิ้นเปลือง… หลังจากการขับบนขีดจำกัดสูงสุด (ในโหมด Sport และ Baja) เพียงไม่กี่ กม. หน้าจอแสดงผลการใช้เชื้อเพลิงที่ 2.4 กม./ลิตร ขณะที่การขับขี่แบบปกติจนถึงลองขับแบบ “ยั้ง” เพื่อให้ประหยัดที่สุด ก็ยังไม่เกินไปกว่า 6.5 กม./ลิตร

นั่นเป็นค่าเฉลี่ยที่น่าขนลุกมากๆ หรือแม้จะเป็นตัวเลขเคลมจากโรงงานผู้ผลิตที่ระบุไว้ 8.7 กม./ลิตร (เฉลี่ย) ก็ตาม เพราะนั่นเป็นตัวเลขเทียบเท่ากับ Mustang เครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร ซึ่งให้พลังถึง 450 แรงม้า เช่นเดียวกับการคายมลพิษที่ 262 กรัม/กม. ซึ่งใกล้เคียงกับ Mustang V8 เช่นกัน

และนั่นคือประเด็นหลักที่ทำให้ต้องถอยกลับมาคิดให้ดี จริงอยู่ที่ Raptor ทั้งทรงพลัง, ขับสนุก และยอดเยี่ยมแม้การขับขี่ทั่วไป จนกล่าวได้ว่า นี่คือพาหนะที่ใช้งานได้อรรถประโยชน์ ตั้งแต่ขับในเมือง… เอิ่ม… อาจยุ่งยากเล็กน้อยจากขนาดตัวถัง… ไปจนถึงการบุกป่าฝ่าดงแบบ Off-road (Diff-lock ทั้งหน้าและหลัง คืออาวุธลัพธ์ชั้นยอด)

และที่สุดของที่สุดคือการทำความเร็วบนทางวิบาก ทว่าด้วยอัตราสิ้นเปลืองและการคายมลพิษระดับนี้ Raptor จึงไม่คู่ควรกับการเป็นรถคันเดียวของคุณ เพื่อขับใช้งานทุกวัน แต่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้เป็นพาหนะในวันหยุดสุดสัปดาห์

โดยเฉพาะในโหมด Baja!!!

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
ดีไซน์ที่เน้นเหลี่ยมสันมากกว่าเดิม ส่งให้ Raptor ใหม่ ดูมีขนาดใหญ่ขึ้น ทว่าความจริงแล้วมันมีขนาดเท่าเดิมเป๊ะ… ความกว้างฐานล้อยังคงเท่ากับโมเดลก่อนหน้านี้ที่ 1,710 มม. นั่นหมายถึง เมื่อเทียบกับ Ranger รุ่นมาตรฐานแล้ว Raptor ใหม่ จะดูไม่ใหญ่โตกว่าแบบเห็นได้ชัด เนื่องจากมีความกว้างห่างกันเพียง 100 มม. (ลบออกจากความกว้างที่เพิ่มขึ้น 50 มม. ของ Ranger ใหม่ รุ่นมาตรฐาน) เมื่อเทียบกับความต่างถึง 150 มม. ของโมเดลที่แล้ว เหตุผลนั้นง่ายมาก… เนื่องจาก Raptor ประกอบในประเทศไทย ซึ่งมีสายพานการผลิตที่รองรับความกว้างของรถได้สูงสุดเพียงเท่านี้

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
แก้มหน้าเปลี่ยนจากวัสดุคอมโพสิตในรุ่นที่แล้ว มาเป็นเหล็กปั๊มขึ้นรูปปกติที่ใช้ในรถยนต์ทั่วไป เนื่องจากไฟหน้ามีรูปทรงที่เรียบง่ายกว่าเดิม จึงไม่จำเป็นต้องใช้คอมโพสิต (ที่อ่อนนุ่มกว่า จึงขึ้นรูปชิ้นงานที่ซับซ้อนไปโอบล้อมไฟหน้า – ของรุ่นก่อนหน้านี้ – ได้ง่ายกว่าเหล็ก) อีกต่อไป ในขณะที่น้ำหนักก็ไม่ต่างกันมากนัก เพราะคอมโพสิตก็ไม่ใช่วัสดุน้ำหนักเบาแต่อย่างใด รูปทรงของไฟหน้าออกแบบให้คล้ายกับปากกาจับชิ้นงาน (C-clamp) เพื่อสื่อถึงอรรถประโยชน์ของรถ ไฟหน้าที่จัดเรียงตามแนวตั้ง ประกอบด้วยไฟหลักดวงล่างชนิด LED และไฟสูงด้านบนชนิด Matrix ไฟเลี้ยวและสปอตไลต์ก็เป็น LED เช่นกัน กรอบด้านนอกเจาะเป็นช่องสำหรับลดแรงต้านอากาศด้วยการปล่อยให้ระบายออกไปที่ซุ้มล้อหน้า

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
ชุดไฟท้ายมีดีไซน์สอดคล้องกับไฟหน้า น่าเสียดายที่เส้นไฟหรี่ยังคงใช้ไฟ LED หันตรงมาด้านหน้าจึงเห็นจุดไฟอย่างชัดเจน แทนที่จะเห็นเป็นแถบแสง (แบบ DRL ด้านหน้า) เมื่อรวมกับการใช้เลนส์สี Smoke ส่งให้ภาพรวมของมุมมองด้านท้ายดูไม่ “แพง” เหมือนด้านหน้า มีระบบแจ้งเตือนและเบรกอัตโนมัติเมื่อมีพาหนะหรือคนเข้ามาในระยะอันตรายขณะรถกำลังถอยหลัง นอกจากนั้น ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย ที่โดดเด่นคือระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ซึ่งปรับปรุงให้ทำงานได้ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะระบบครูสคอนโทรลที่เร่งและเบรกได้อย่างนุ่มนวลเป็นธรรมชาติกว่าเดิม และยังมีระบบช่วยหักหลบอัตโนมัติเพื่อเลี่ยงการปะทะ ซึ่งจะทำงานเมื่อระบบคำนวณแล้วว่า ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติไม่เพียงพอที่จะหยุดรถได้ทันก่อนเกิดการชน
รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
แผ่นปิดใต้ท้องที่เห็นอยู่ในภาพ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทั้งหมดของแผ่นป้องกัน ที่เชื่อมโยงต่อกันตั้งแต่กันชนหน้าไปจนถึงหน้าเพลาท้าย ทำจากเหล็กหนา 23 มม. ปั๊มดุนลายเพื่อเพิ่มความแกร่งขึ้นไปอีกขั้น ขณะที่แชสซีส์ก็ถูกดามเสริมความแกร่งเพิ่มเติมใน 2 ส่วนหลัก คือบริเวณซุ้มรองรับแดมเปอร์หน้าไปจนถึงใต้ประตูหน้า และที่ซุ้มแดมเปอร์หลัง เหล่านี้เพื่อรองรับแรงกระทำที่ส่งมายังช่วงล่างขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงบนทางวิบาก

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
ช่องระบายด้านข้างมีดีไซน์แตกต่างจาก Ranger รุ่นมาตรฐาน และมีช่องระบายอากาศติดตั้งมาให้บนฝากระโปรงด้วย หากมองใกล้ๆ จะเห็นว่า ช่องระบายเหล่านี้มีลวดลายรังผึ้งตกแต่งอยู่ด้านใน และนั่นก็ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกราฟฟิกบนสติกเกอร์ (อุปกรณ์สั่งติดตั้งเพิ่มเติม) ด้วย… อ้อ! ในห้องโดยสารก็มีการตกแต่งด้วยลายรังผึ้งซ่อนอยู่บนแถบของแดชบอร์ดฝั่งผู้โดยสารด้วยเช่นกัน นับเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ดีไซเนอร์ซ่อนเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจ

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
สัญลักษณ์ ‘Blue Oval’ ใช้กรอบและตัวอักษรโทนสีไทเทเนียมแทนโครเมี่ยมในรุ่นมาตรฐาน ซึ่งเป็นโทนเดียวกับอักษร ‘Raptor’ บนมุมขวาของฝาท้าย… กล้องที่ฝาท้าย เป็นส่วนหนึ่งของกล้องรอบทิศทาง

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
รูของบันไดข้างมีรูปทรงแบบเดียวกับอักษร ‘O’ ของสัญลักษณ์ ‘F-O-R-D’ บนกระจังหน้า และเจาะไว้สำหรับระบายอากาศเพื่อลดแรงต้านเมื่อวิ่งด้วยความเร็ว นอกจากนั้น ยังช่วยป้องกันไม่ให้ดินโคลนไปอุดตันอยู่ใต้บันไดขณะขับขี่แบบออฟโรด ด้วยการปล่อยให้ดันผ่านรูเหล่านี้ออกไปได้
รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
ตัวกระบะมีความกว้างเพิ่มขึ้น 50 มม. มาพร้อมกับช่องต่อไฟ 12 และ 230 โวลต์ (400 วัตต์) ฝาท้ายพร้อมระบบช่วยผ่อนแรงและระบบล็อค (พร้อมกับการล็อคประตู) มีช่องสำหรับยึดปากกาจับงานมาให้ด้วย ไม่มีบันไดด้านข้างกระบะมาให้เหมือนกับ Ranger รุ่นมาตรฐาน

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ ส่งให้ Raptor ใหม่ มีแรงม้าเพิ่มขึ้นจากรุ่นที่แล้วแบบก้าวกระโดดถึง 86 เปอร์เซ็นต์ และมีแรงบิดมากกว่าเดิม 16 เปอร์เซ็นต์ ขุมพลังนี้เป็นแบบประกอบสำเร็จทั้งตัว นำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา ความจริงแล้ว นี่คือเครื่องยนต์ที่ถูกขยายความจุจาก 2.7 ลิตร ของเครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ในรถรุ่นอื่นๆ ของ Ford อาทิ Bronco และ F-150 (รุ่นมาตรฐาน) โดยขุมพลัง “เบ่งกล้าม” ที่ใช้ใน Raptor ใหม่ตัวนี้ ยังถูกนำไปใช้ในรถรุ่นแรงพิเศษอย่าง Ford Explorer ST และรถระดับหรูบางรุ่นของ Lincoln อีกด้วย ตัวเสื้อสูบผลิตจากเหล็กกราไฟต์ (ต่างจากเครื่องยนต์เบนซินทั่วไปที่มักผลิตจากอลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก) ข้อดีคือทนความร้อนได้สูงกว่า และ Ford ยังเคลมว่า เสื้อสูบกราไฟต์ของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าเหล็กถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ตัวเทอร์โบคู่แยกแต่ละตัวสำหรับเสื้อสูบแต่ละฝั่ง (3 กระบอกสูบ) มีระบบ Anti-lag ที่จะทำงานเมื่ออยู่ในโหมด Baja ด้วยการเปิดวาล์วเพื่อปล่อยให้อากาศยังคงไหลเข้าไปในท่อ Intake ได้ (เพื่อเป่ากังหันฝั่งดูดอากาศ) นานสูงสุด 3 วินาที หลังจากคุณยกคันเร่ง เครื่องยนต์ตัวนี้ทำกำลังสูงสุดได้ถึง 397 แรงม้า, 583 นิวตันเมตร แต่… นั่นคือตัวเลขที่ Ford วัดจากการใช้เชื้อเพลิงเบนซิน 98RON หมายความว่า คุณจะได้พลังน้อยกว่านี้อย่างแน่นอนเมื่อใช้ในไทย ขุมพลังนี้รองรับเชื้อเพลิงได้ถึง 91RON และ E20 โดยสามารถเสียบหัวจ่ายเข้าไปได้ทันทีด้วยช่องเติมแบบ ‘Easy Fuel’ เหมาะสำหรับการเติมบ่อยๆ จากอัตราสิ้นเปลืองของรถเป็นอย่างยิ่ง
FORD RANGER RAPTOR
ระบบไอเสียใช้ท่อทางเดินขนาด 2.5 นิ้ว ก่อนปล่อยออกที่ปลายท่อทั้งสองฝั่ง มาพร้อมกับระบบวาล์วอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมความดัง ที่ปรับได้ 4 ระดับ คือ Quiet, Normal, Sport และ Baja ที่ให้เสียงคำรามดังสนั่น โดย Ford กล่าวว่า ด้วยเสียงที่ดังใกล้เคียงกับท่อแบบ “ยิงตรง” (ไม่มีหม้อพัก) คุณสามารถได้ยินเสียงของมันได้ไกลกว่าครึ่งกิโลเมตรก่อนที่รถจะมาถึงเสียอีก! เราแนะนำให้ใช้เสียงท่อโหมดนี้เฉพาะในพื้นที่ห่างไกลชุมชนเท่านั้น

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
ยังคงใช้ชุดเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ของเดิม แต่ไปปรับปรุงที่ซอฟต์แวร์ควบคุมแรงบูสต์ของเทอร์โบ โดยแต่ละอัตราทดเกียร์จะมีแรงบูสต์ของตัวเอง (ไม่เท่ากันในแต่ละเกียร์) เพื่อให้รถสามารถถ่ายทอดพลังออกมาได้อย่างหมดจด, ราบรื่น และต่อเนื่อง คุณสามารถเปลี่ยนเกียร์แบบ Manual ได้ผ่านแพดเดิลที่ทำจากแมกนีเซียม ซึ่งให้สัมผัสที่แข็งแกร่งหนักแน่นได้เป็นอย่างดีขณะกดแพดเดิลทั้งสอง…

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
ระบบขับเคลื่อนคืออีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Raptor จากแบบ Part-time, Shift-on-the-fly ที่ใช้ได้เพียงระบบขับเคลื่อนสองล้อหลัง (บนถนนแห้ง) ของเดิม เป็น Full-time (Permanent) All-wheel drive ออกแบบระบบโดย BorgWarner ใช้ชุดคลัตช์ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ในการแบ่งถ่ายกำลังไปยังล้อหน้าเมื่ออยู่ในโหมด ‘4A’ (4WD auto) เช่นเดียวกับรถ SUV และรถซีดาน ตลอดจนรถสปอร์ตขับเคลื่อนสี่ล้อ นั่นหมายถึง Raptor ให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนได้ดีกว่าเดิมเมื่อวิ่งบนถนนแห้งด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เทียบกับระบบเฟืองท้ายตัวกลางแบบดั้งเดิม ในขณะที่การขับขี่บนทางวิบากก็ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน โดย Raptor ใหม่ ซึ่งถูกขับทดสอบในสนามปิดความยาว 10 กม. เปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ สามารถทำเวลาได้เร็วกว่าถึง 10 วินาที หรือเร็วขึ้นเฉลี่ย 1 วินาที ในทุกๆ 1 กม.!!!!!! ติดตั้งระบบล็อคเฟืองท้ายมาให้ทั้งที่ล้อคู่หน้าและหลัง สำหรับการ “ลุยหนัก” แบบออฟโรดโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม คุณยังคงสามารถเลือกให้รถขับเคลื่อนสองล้อได้เช่นกัน

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
ช่วงล่างปีกนกอลูมิเนียมคู่น้ำหนักเบาที่ด้านหน้า และ Watt’s Link สำหรับล้อหลัง ทั้งหมดมาพร้อมกับแดมเปอร์กระบอก 2.5 นิ้ว จาก Fox ซึ่งเป็นสเปคเดิมทั้งหมด แต่เพิ่มระบบ Live Valve เข้าไป เพื่อทำหน้าที่ปรับแรงดันน้ำมันให้เหมาะสมกับสภาพถนน น้ำมันที่ใช้เป็นชนิด Teflon ซึ่งมีข้อดี 2 ประการหลัก คือ ลดความฝืดลงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับน้ำมันของ Raptor รุ่นที่แล้ว และมีความร้อนน้อยกว่าน้ำมันปกติ ซึ่งจำเป็นมากสำหรับการขับด้วยความเร็วบนทางวิบาก เพราะแดมเปอร์ต้องขยับ ขึ้น-ลง อย่างรวดเร็วและหนักหน่วงตลอดเวลา ทำให้น้ำมัน (แบบธรรมดา) โอเวอร์ฮีทจนเสียความหนืดไป และน้ำมัน Teflon หมายถึง นี่ไม่ใช่แดมเปอร์แบบรถสปอร์ตที่ปรับความหนืดจากการใช้แม่เหล็กที่ผสมอยู่ในน้ำมัน ทว่าใช้ระบบวาล์วอิเล็กทรอนิกส์มาคั่นเพื่อควบคุมการไหลของน้ำมันแทน ชุดวาล์วดังกล่าวติดตั้งไว้ที่ด้านข้างส่วนล่างของแดมเปอร์ล้อหน้า (แท่งสีดำแนวนอน, เห็นได้ในภาพแรก) และเหนือ “ซับแท้งค์” ของแดมเปอร์คู่หลัง ที่สำคัญก็คือ ความแข็งที่เกิดขึ้นนั้น มาจากการควบคุมการยุบ (Bump หรือ Compression) เท่านั้น ไม่ได้ควบคุมการยืด (Rebound) ของแดมเปอร์แต่อย่างใด ควบคุมการทำงานโดยซอฟแวร์ที่นำข้อมูลซึ่งบันทึกจากเซนเซอร์ 4 จุด คือ พวงมาลัย, เบรก, คันเร่ง และแรงเฉื่อย (แรงเหวี่ยง ซ้าย, ขวา, หน้า, หลัง) มาประมวลผล เพื่อสั่งการไปยังวาล์ว โดยระบบทำงานได้เร็วถึง 0.030 วินาที/ครั้ง หรือราว 500 ครั้ง/วินาที เลยทีเดียว! นอกจากนั้น หากสังเกตที่ด้านล่างของเพลาหลัง (ฝั่งซ้ายและขวาของกะโหลกเฟืองท้าย) จะเห็นว่ายังได้รับการดามเพิ่มความแข็งแรงอีกด้วย
รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท
ยังคงใช้ยาง BF Goodrich ขนาด 285/70 (33 นิ้ว) และล้อขนาด 17 นิ้ว ทว่าตัวเนื้อยางนั้นแตกต่างจาก Raptor โมเดลที่แล้ว… BF Goodrich พัฒนาเนื้อยางขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เข้าขากับช่วงล่างระบบ Live Valve โดยเฉพาะ และด้วยยางขนาด 33 นิ้ว ทีมวิศวกรของ Ford จึงยังคงใช้แดมเปอร์ขนาด 2.5 นิ้ว ซึ่งสามารถรับมือกับยางขนาดนี้ได้ เมื่อเทียบกับ Raptor รุ่นพี่อย่าง Bronco หรือ F-150 ที่มาพร้อมกับแดมเปอร์ 3.5 นิ้ว เนื่องจากใช้ยางขนาดใหญ่ถึง 37 นิ้วนั่นเอง

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

รีวิว ลองขับ FORD RANGER RAPTOR กระบะพันธุ์แกร่ง ราคา 1,869,000 บาท

FORD RANGER RAPTOR
ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า ส่งให้ Raptor (รวมถึง Ranger มาตรฐาน) เป็นรถกระบะที่มีแฮนด์ลิงยอดเยี่ยมที่สุดในกลุ่ม ให้การตอบสนองที่เหนือกว่า ทั้งยังฉับไวและให้น้ำหนักที่พอดีมือในทุกย่านความเร็ว เมื่อรวมกับฐานล้อที่ยาวกว่าเดิม 50 มม. จากการเลื่อนช่วงล่างหน้า, ปีกนกอลูมิเนียม, แดมเปอร์จาก Fox และช่วงล่างหลังแบบ Watt’s Link จึงให้สัมผัสในการบังคับควบคุมทิศทางใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งอย่างยิ่ง วงพวงมาลัยอวบอ้วนกว่า Ranger รุ่นมาตรฐาน จับได้ถนัดมือยิ่งขึ้น พร้อมแถบสีด้านบนสไตล์รถแข่ง ที่ก้านพวงมาลัยด้านขวาคือปุ่ม Short-cut สำหรับเลือกปรับตั้ง พวงมาลัย, ช่วงล่าง และเสียงท่อไอเสีย ซึ่งแยกปรับเพิ่มเติมได้จากค่าเริ่มต้นของแต่ละโหมดการขับขี่ อ้อ! ในโหมด Baja ซึ่งตั้งค่าเริ่มต้นเป็นการขับเคลื่อนสี่ล้อ ก็สามารถเลือกปรับกลับมาเป็นสองล้อหลังได้จากปุ่ม บนปุ่มหมุนเลือกโหมดการขับขี่ที่คอนโซลกลาง ได้ด้วยเช่นกัน นับว่า Ford เปิดโอกาสให้ผู้ขับสามารถ Customize ได้อย่างอิสระพอสมควรทีเดียว

FORD RANGER RAPTOR

FORD RANGER RAPTOR
ห้องโดยสารแบบเดียวกับ Ranger รุ่นมาตรฐาน ได้รับการออกแบบใหม่หมด แดชบอร์ดก็เป็นดีไซน์ใหม่แต่ยังคงมีหน้าตาไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้มากนัก แผงประตูออกแบบให้แบนแนบไปกับตัวถัง ช่วยให้รู้สึกถึงความกว้างขวางยิ่งขึ้น มือเปิดประตูเป็นลิ้นซ่อนอยู่ในที่พักแขนของแผงประตู จึงเปิดประตูได้สะดวกยิ่งขึ้น ที่น่าชมเชยคือการเก็บเสียงที่ทำได้ยอดเยี่ยมไม่ต่างจากรถยุโรป สามารถตัดเสียงรบกวนของการจราจรที่แออัดในเมืองได้ดี เช่นเดียวกับเมื่อใช้ความเร็วบนทางยกระดับ อาจมีเสียงลมเข้ามาให้ได้ยินบ้างที่ความเร็วสูงๆ แต่ก็เป็นปกติของรถรูปทรงแบบนี้ ใช้วัสดุตกแต่งบางส่วนที่แตกต่างจาก Ranger อาทิ กรอบรอบๆ ครีบบังคับอากาศช่องแอร์ ตกแต่งด้วยสีแสดแทนโครเมี่ยม เข้ากับการตกแต่งเบาะนั่ง, ใช้วัสดุคล้ายหนังกลับที่ส่วนบน (บางส่วน) ของแดชบอร์ด และตกแต่งส่วนกลางด้วยลวดลายรังผึ้ง เป็นต้น

FORD RANGER RAPTOR

FORD RANGER RAPTOR
จอแสดงผลสำหรับผู้ขับเป็นแบบเต็มพื้นที่ขนาด 12.4 นิ้ว แบบเดียวกับใน Everest ให้สีสันสดใสและมีความคมชัดสูง อินเตอร์เฟซออกแบบมาเป็นอย่างดี สามารถเรียกดูข้อมูลได้หลากหลายและอ่านค่าต่างๆ ได้ง่ายดายและชัดเจน
FORD RANGER RAPTOR
จอส่วนกลางขนาด 12 นิ้ว พาดยาวเต็มพื้นที่ส่วนกลางของแดชบอร์ด ทำงานบนระบบปฏิบัติการ SYNC 4 พร้อมโมเด็ม ‘FordPass Connect’ ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานจากโรงงาน สำหรับให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับรถได้ผ่านแอพพลิเคชั่น FordPass จึงสามารถเรียกดูข้อมูลสำคัญๆ ของรถ ตลอดจนใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ สตาร์ทรถและเปิดระบบปรับอากาศ, ล็อค/ปลดล็อค ประตู ได้ง่ายๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ นอกจากนั้น Raptor ยังมาพร้อมกับชุดเครื่องเสียงสุดพรีเมี่ยมจาก Bang & Olufsen พร้อมลำโพงรอบทิศทาง 10 ตัว ที่ให้เสียงกระหึ่มใช้ได้ทีเดียว
FORD RANGER RAPTOR
เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ที่ Ford กล่าวว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากเบาะของเครื่องบินรบ หุ้มด้วยหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ สามารถปรับได้ 10 ทิศทาง ทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร แต่โดยส่วนตัวแล้วผมว่าเบาะของรุ่นที่แล้วนั่งนุ่มและสบายกว่ามาก

FORD RANGER RAPTOR

FORD RANGER RAPTOR
เต็มไปด้วยจุดชาร์จไฟทั่วทั้งห้องโดยสาร มีตั้งแต่ระบบชาร์จไร้สาย, USB, ช่องต่อไฟ 12 โวลต์ และปลั๊กสำหรับต่อไฟ 230 โวลท์ ที่รองรับสูงสุดถึง 400 วัตต์ เช่นเดียวกับในกระบะท้าย นอกจากนั้นยังมีช่อง AUX สำหรับต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ติดตั้งมาให้อีกด้วย ส่วนด้านข้างของกระจกมองหลังก็มีช่อง USB สำหรับต่อ On-board Camera มาให้พร้อมสรรพ ไม่ต้องลากสายระโยงรยางค์อีกต่อไป

SPECIFICATIONS: FORD RANGER RAPTOR

  • Price: ฿1,869,000
  • Engine: 3.0l petrol V6 twin-turbo EcoBoost, 397ps @ 5650rpm, 583Nm @ 3500rpm
  • Transmission: 10-speed automatic, part-time 4WD with all-wheel drive mode
  • Performance: under 7.0sec 0-100km/h, 200+km/h top speed, 8.7l/km, 262g/km Co2
  • Weight: 2475kg

Check Also

ISUZU MU-X 4x2 3.0 RS 2024

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS ลุคใหม่ที่สปอร์ตยิ่งกว่าเดิม เสริมความปลอดภัย ที่ยังคงเด่นในสมรรถนะและความประหยัดเฉกเช่นเดิม

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS A/T เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power 190 แรงม้า …