รีวิว ลองขับ Honda City Hatchback TURBO RS เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO ให้กำลัง 122 แรงม้า ประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กม./ลิตร*
รีวิว ลองขับ Honda City Hatchback TURBO RS ราคา 749,000 บาท
Honda City Hatchback 2024 TURBO RS
“ด้วยคำว่า VTEC Turbo กำลัง 122 แรงม้า และแรงบิด 173 นิวตันเมตร อาจทำให้หลายๆ คนคาดหวังความมันส์ในการขับขี่มากไปนิด … เอาเป็นว่าลดเพดานลงมาหน่อย แล้วจะพบเจอความ “คุ้มค่า” มากขึ้นแน่นอน”
การจากไปของ Honda Jazz ทำให้ตลาดเมืองไทยได้ Honda City Hatchback มาแทน ซึ่งแน่นอนว่าทดแทนกันไม่ได้ในเรื่องทางกายภาพ แต่ถ้ากล่าวถึงเรื่อง “สมรรถนะ” เชื่อเถอะว่า “ประทับใจ” แน่ แต่ก่อนจะลงรายละเอียดให้ฟัง เราขอแนะนำเบื้องต้นเล็กน้อย กับอนุกรมของ Honda City Hatchback ที่กำลังทำตลาดอยู่ในเมืองไทย
จะแบ่งเป็น 2 รูปแบบเครื่องยนต์ คือ Hybrid e:HEV มี 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย SV และ RS ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ VTEC Turbo จะมี 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย S+, SV และ RS รุ่นสูงสุด ที่อยู่กับเราในวันนี้นั่นเอง
และด้วยสถานะของ Honda City Hatchback RS ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุดจากฝั่งเครื่องยนต์ VTEC Turbo เพราะฉะนั้น“ออปชัน” จึงถูกจัดมาให้แบบครบๆ เช่น ไฟหน้า, ไฟ Daytime Running Lights, ไฟตัดหมอกคู่หน้า และไฟท้ายแบบ LED
ทั้งยังมาพร้อมกับระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ก่อนเสริมความสปอร์ตด้วยชุดแต่งสไตล์ RS ซึ่งประกอบด้วย ชุดกระจังหน้า, กันชนหน้า, กันชนหลัง, สเกิร์ตข้าง และสปอยเลอร์หลัง ตัดกับฝาครอบกระจกมองข้าง และเสาอากาศแบบครีบฉลาม สีดำเงา เช่นเดียวกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
ภายในห้องโดยสาร นำเสนออารมณ์ความสปอร์ตเต็มขั้นกับโทนสีดำ ตัดกับวัสดุหุ้มเบาะนั่งหนังแท้ และหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยแถบสีแดง โดยมีคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุ โทนสีดำ Piano Black ตามด้วย “ออปชัน” ระดับไฮไลท์ เช่น มาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว และมากับสไตล์สปอร์ตแบบ RS อีกด้วย
ขณะที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับระดับ 4 ทิศทาง ก็เพิ่มความเร้าใจมาให้ด้วย Paddle Shift ด้านหลัง แถมด้วยความบันเทิงจาก หน้าจอขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto TM แบบไร้สาย รวมถึงรองรับระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบ Bluetooth อีกด้วย
นอกจากนี้ ด้วยความเป็นเวอร์ชั่น 5 ประตู Hatchback ทำให้ความอเนกประสงค์ จึงถือเป็นหนึ่งข้อได้เปรียบกว่าเวอร์ชั่น 4 ประตู Sedan และ Honda City Hatchback เองก็ไม่ได้มีเพียงพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวางเท่านั้น หากแต่ยังมากับเบาะนั่งด้านหลัง ที่ปรับพับได้หลากหลายรูปแบบอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็น Utility Mode ที่ปรับพับเรียบ เบาะนั่งด้านหลังทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง, Long Mode การปรับพับเบาะนั่งด้านหน้า และด้านหลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว, Tall Mode การพับเบาะนั่งด้านหลังขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง และ Refresh Mode การพับเบาะนั่งด้านหน้า เชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง
Honda City Hatchback ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร 3 สูบ 12 วาล์ว DOHC เสริมแรงด้วยระบบ VTEC Turbo ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตรที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ควบคุมโดยระบบพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรง แบบไฟฟ้า (EPS) และรองรับด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง จับคู่กับด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม
สำหรับในภาพรวมการขับขี่ ต้องบอกเลยว่า อย่าสบประมาท ถ้ายังไม่เคยลองขับ เพราะถึงเครื่องยนต์จะเล็กแค่ 1,000 ซีซี แต่การมี “หอย” มาช่วย เค้นเรี่ยวแรงอออกมาได้ 122 แรงม้า พร้อมแรงบิด 173 นิวตันเมตร แม้ตัวเลขจะไม่หวือหวาเท่าไหร่ แต่ก็ปลิวไปได้ง่ายๆ ตามสั่ง จากน้ำหนักตัวรถที่เบาแค่ 1,187 กก. เท่านั้น
และนั่นคือเงื่อนไขที่ทำให้ Honda City Hatchback เป็นยนตรกรรมขับสนุกแบบหาตัวจับยาก โดยเฉพาะในเมืองที่ต้องอาศัยแรงต้นเป็นหลัก เพื่อสร้างความคล่องตัว ที่เหมาะสมกับน้ำหนักพวงมาลัยในย่านความเร็วต่ำ
ส่วนในความเร็วสูง ส่วนตัวเราคิดว่าคงจะ “ดีมาก” หากหน่วงหนักขึ้นอีกนิด แต่เอาจริงๆ น้ำหนักระดับนี้ ลองแล้วก็ไม่ได้ขี้เหร่เท่าไหร่ เพราะเราเข้าใจว่าเค้าต้องการให้ Honda City Hatchback เป็นยนตรกรรมที่เข้าถึงง่าย ใช้งานคล่อง
ในเรื่องของระบบช่วงล่างของ Honda City Hatchback ใช้ด้านหน้าเป็นแบบ แม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง จับคู่กับด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม พูดง่ายๆ ว่าพื้นฐานเดียวกันกับเวอร์ชั่น 4 ประตู Sedan แต่การปรับเซ็ทบอกเลยว่างต่างกันอย่างเห็นได้ชัด น่าจะเป็นเพราะความต้องการสร้างตัวตนที่ชัดเจน
โดยให้ เวอร์ชั่น 4 ประตู Sedan เน้นความนุ่มนวล นั่งสบาย และยกตำแหน่งความสปอร์ต ขับสนุก เร้าใจให้ เวอร์ชั่น 5 ประตู Hatchback ซึ่งด้วย คาแร็คเตอร์ แบบนั้นเอง ที่ทำให้เรามักจะเผลอลืมตัวใช้คันเร่งหนักๆ อยู่บ่อยครั้ง รวมถึงใช้สไตล์การขับขี่ที่เน้นสไตล์สปอร์ตเป็นหลัก โยกซ้าย ป่ายขวา โชว์ความคล่องตัว ผ่านเพื่อนร่วมท้องถนนมากมาย
ขณะขับขี่ในเมืองอย่างบันเทิง ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ ไปสู่ทางหลวงชนบทสักเส้น ที่ไม่ไกลมาก และเหมาะกับการขับขี่แบบสปอร์ต และด้วยทางหลวงชนบทเส้นนี้เอง ที่ทำให้เราบันเทิงขั้นสุด เพราะไม่เพียงได้ใช้ศักยภาพของเครื่องยนต์อย่างเต็มที่เท่านั้น
แต่ยังมีโอกาสให้ลองอย่างเต็มระบบ ตั้งแต่การตอบสนองของพวงมาลัย ที่เมื่อเริ่มชิน คุณจะพบว่ามีความเฉียบคมไม่เบา แถมน้ำหนักที่แปรผัน ก็สามารถสร้างความมั่นใจในการควบคุมรถได้ดี
ขณะที่ระบบช่วงล่าง ซึ่งปรับเซ็ทให้เน้นความสปอร์ตดังที่กล่าวไว้เบื้องต้น ก็ถือว่าตอบโจทย์การขับขี่ได้ดี โดยเฉพาะการรับมือทางโค้งต่างๆ มอบการทรงตัว และการยึดเกาะถนน ในระดับที่น่าประทับใจ ไปพร้อมๆ กับสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ ด้วยความมั่นใจ
เหนืออื่นใด คือ เรามีโอกาสได้ลองใช้แป้นเปลี่ยน Paddle Shift ที่อยู่หลังพวงมาลัยด้วยเช่นกัน แถมยังชอบมากซะด้วย กับจังหวะเบรกเบาๆ พร้อมกับดึงแป้น Paddle Shift ฝั่งซ้ายเข้าหาตัว เพื่อลดตำแหน่งเกียร์ตามความเหมาะสม
รวมถึงเพื่อให้รอบเครื่องยนต์อยู่ในจุดที่มีแรงบิดพร้อมใช้ ก่อนจะค่อยๆ หักพวงมาลัย เลี้ยวไปตามองศา จนกระทั่งสายตามองเห็นทางออกโค้ง จึงค่อยๆ เดินคันเร่งอีกครั้ง ส่งตัวเองออกจากโค้งไปด้วยความเร็ว
นี่คือสิ่งที่เราทำมันแทบทุกครั้ง เมื่ออยู่หลังพวงมาลัย … และใช่ มันอาจจะดูเกินไปหน่อย แต่เชื่อได้เลยว่าไม่เกินขีดความสามารถ ซึ่งทั้งหมดนั่นเท่ากับว่าเราพิสูจน์แล้วว่า Honda City Hatchback 2024 TURBO RS ตอบโจทย์การขับขี่ได้กว้างทีเดียว ไม่ว่าจะใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือ ออกไปสนุกสนานกับการขับขี่ในวันหยุด ก็ไม่ใช่ปัญหา
เพราะไม่ใช่แค่สมรรถนะเท่านั้นที่ Honda City Hatchback 2024 TURBO RS จัดเต็มมาให้ แต่ยังรวมถึงเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ซึ่งมาให้ตั้งแต่ ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย ที่มาพร้อมกับ
ระบบล็อกรถอัตโนมัติ เมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) และระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)
ขณะที่ตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ประกอบไปด้วย ถุงลมคู่หน้า, ถุงลมด้านข้างคู่หน้า, ม่านถุงลมด้านข้าง ทำงานร่วมกับ เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า 3 จุด 2 ตำแหน่ง แบบดึงกลับอัตโนมัติ พร้อมระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย ผู้โดยสารด้านหน้า และเข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง, กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
ไปจนถึง ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA), ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) หรือแม้กระทั่ง สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ก็มีมาให้ จนเรียกว่า “อุ่นใจ” แน่นอน
สรุป Honda City Hatchback 2024 TURBO RS ในความเห็นส่วนตัว เราคิดว่าเป็นยนตรกรรมค่อนข้าง “คุ้มค่า” ตั้งแต่เรื่องอรรถประโยชน์ใช้สอย จากพื้นฐานตัวรถสไตล์ Hatchback ส่วนเรื่องสมรรถนะ ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ที่เน้นการเข้าถึง และใช้งานได้ง่าย ตอบโจทย์ความประหยัดก็ได้ หรือจะเน้นไปทางขับสนุกก็ดี
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น คือ ไม่ได้หมายความว่าจะให้อารมณ์สปอร์ตอย่างเต็มเม็ด เต็มหน่วย ซะทีเดียว เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้คาดหวังมากจากคำว่า VTEC Turbo ก็ถือว่า “คุ้มค่า” อยู่ไม่น้อยทีเดียวนะ กับค่าตัวราว 749,000 บาท
Specification: Honda City Hatchback RS (VTEC Turbo)
- Price: 749,900 BHT
- Engine: 988 CC / 3 Cylinder / 12 Valve / VTEC Turbo 122 hp @ 5,500 rpm / 173 Nm @ 2,000 – 4,500 rpm
- Transmission: CVT / Front Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight: 1,187 Kg.