รีวิว ลองขับ Honda Civic e:HEV RS อีกหนึ่งทางเลือกของความประหยัด ที่อัตราเร่งดีกว่ารุ่นเทอร์โบ

รีวิว ลองขับ Honda Civic e:HEV RS ขุมพลังฟูลไฮบริด 2.0 ลิตร จัดเต็มเทคโนโลยีสุดพรีเมียมกับอัตราประหยัดน้ำมันถึง 25 กม./ลิตร ราคา 1,259,000บาท

รีวิว ลองขับ Honda Civic e:HEV RS ซีดานขุมพลังฟูลไฮบริด เทคโนโลยีจัดเต็ม

New Civic e:HEV

ขุมพลัง VTEC Turbo คงเหมือนหน่วยแทรกซึม ที่เข้ามาจำหน่ายร่วมในบ้านเราร่วมกับขุมพลัง N/A เพื่อเปลี่ยนความคิด และพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งโดยไม่ทันสังเกต ขุมพลัง N/A ในหลากหลายรุ่น “หายไป” อย่างแนบเนียน เช่น Honda Civic ที่ ณ ไลน์อัพปัจจุบัน รุ่นย่อยสูงสุด RS ถูกยึดครองไปแล้วด้วยขุมพลัง e:HEV

จาก “จั่วหัว” ข้างต้น สารภาพตามตรงว่ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะถ้าหากยังจำกันได้ ครั้งหนึ่ง Honda Civic ที่จำหน่ายในประเทศไทย ยังมีทั้งเครื่อง N/A ขนาด 1.8 ลิตร และ เครื่อง Turbo ขนาด 1.5 ลิตร ให้ได้เลือกเป็นเจ้าของ แล้วโดยไม่รู้ตัว “เครื่อง N/A ขนาด 1.8 ลิตร”

ก็โบกมือลาชาวไทยไปจากไลน์อัพการจำหน่ายของ ฮอนด้า ประเทศไทย เหลือไว้เพียง “เครื่อง Turbo ขนาด 1.5 ลิตร” เป็น Mainstream ซึ่งก็สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของความเร้าใจได้ดี

แต่เวลาผ่านไป พร้อมๆ กับการถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์โลก, สถานการณ์บ้านเมือง รวมไปถึงโมเดลอื่นๆ จากแบรนด์ Honda ซึ่งโดยไม่รู้ตัว (อีกครั้ง) “เครื่อง Turbo ขนาด 1.5 ลิตร” ใน Honda Civic ที่อยู่ในฐานะ Mainstream ก็กำลังถูกชิงพื้นที่ไปอีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า e:HEV แบบ Full Hybrid

ทำให้ล่าสุด ไลน์อัพ Honda Civic ที่จำหน่ายในเมืองไทย ทั้งหมด 4 รุ่นย่อย จึงเหลือ “เครื่อง Turbo ขนาด 1.5 ลิตร” ในรุ่นเริ่มต้น E ราคา 964,900 บาท และรุ่น EL+ ราคา 1,009,900 บาท เท่านั้น ขณะที่รุ่นสูงสุด e:HEV แบบ Full Hybrid จะเริ่มต้นด้วยรุ่น EL+ ราคา 1,129,000 บาท

ปิดท้ายด้วยพระเอกของเรา รุ่นสูงสุด RS ค่าตัว 1,259,000 บาท … ซึ่งเชื่อได้เลยว่า วันใด วันหนึ่ง ข้างหน้า “เครื่อง Turbo ขนาด 1.5 ลิตร” ใน Honda Civic ต้องจากเราไปอย่างแน่นอน

แต่จะว่าไป นั่นคือเรื่องของอนาคต … ส่วนนี้คือ ปัจจุบัน ฉะนั้นต่อให้เรารู้สึกว่าระบบขับเคลื่อน Hybrid กับชื่อ Civic มันดูขัดๆ กันยังไงแปลกๆ แต่ด้วยเพราะขุมพลัง e:HEV แบบ Full Hybrid ถูกดันให้ขึ้นมาเป็นรุ่นรอง และรุ่นสูงสุดของ Civic ซึ่งนั่นหมายถึง ฮอนด้า ประเทศไทย ต้องมั่นใจว่า “มีของดี” มากพอ เพราะงั้นเราจะมาหา “คำตอบ” ที่ว่ากัน

เริ่มจาก “ออปชั่น” ภายนอก ที่มากับระบบส่องสว่างแบบ LED ชุดใหญ่ ตั้งแต่ไฟหน้า, ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน, ไฟตัดหมอกคู่หน้า และไฟท้าย เสริมด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวกเต็มพิกัด เช่น ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ เมื่อดับเครื่องยนต์

ตามมาด้วยกระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ที่สามารถปรับและพับเก็บอัตโนมัติด้วยไฟฟ้า แล้วก็แน่นอนว่าด้วยฐานะของรุ่นสูงสุดอย่าง RS แม้จะเป็นพลัง e:HEV ก็ตาม ฉะนั้นอารมณ์ความสปอร์ตจึงถูกเติมเข้ามาเช่นกัน ในส่วนของเสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ, สปอยเลอร์หลัง, ปลายท่อไอเสีย และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ด้านภายในเน้นความสปอร์ต ด้วยสไตล์การตกแต่งโทนสีดำ พร้อมการเลือกใช้วัสดุหนังกลับ และวัสดุหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ตลอดจนแป้นคันเร่ง และเบรกแบบสปอร์ต ตามด้วย “ออปชั่น” ที่แน่นหนาตามสไตล์ตัวท็อป เช่น ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start), ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System),

ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) พร้อม Honda Smart Key Card, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติปรับอุณหภูมิ แยกอิสระซ้าย/ขวา และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)

ด้าน “ออปชั่น” ความบันเทิง ชุดใหญ่ไม่แพ้กัน ด้วย ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto รองรับการเชื่อมต่อ Smartphone, ระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ไปจนถึงระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)

และระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT ที่สามารถควบคุมทั้งเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ได้จากบนพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น แถมยังมีระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์มากขึ้นตลอดการเดินทางอีกด้วย

อีกส่วนที่สำคัญก็คือ ระบบความปลอดภัยในเวอร์ชั่น e:HEV ทั้งรุ่นรอง และรุ่นท็อป มีให้เหมือนๆ กัน ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ไล่ขึ้นไปถึงตัวช่วยล้ำๆ ทั้งระบบป้องกันล้อล็อก และระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA), ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch),

ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor), กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน (ESS) และเสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่ ด้วยโหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS)

ซึ่งจากรายนาม “ออปชั่น” ที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เทียบกับค่าตัว 1,259,000 บาท ของรุ่น RS บอกตรงเลยว่า “น่าสนใจ” ไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าโจทย์หลักในการเลือกซื้อรถซักคัน คือ ความ “คุ้มค่า” แต่สำหรับเราที่ “ออปชั่น” ไม่ใช่ประเด็นหลัก ขอไปต่ออีกหน่อย เพราะอยากรู้เรื่อง “สมรรถนะ”

โดย Honda Civic e:HEV RS จะมากับเครื่องเบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC มีกำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 182 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที เสริมแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งใช้พลังงานจาก แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน คือ

Motor Generator เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า และ Motor Drive สำหรับการขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ด้วยพลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

โดยมีฟังก์ชัน Drive Mode ขับขี่ให้ 3 รูปแบบ คือ ECON, Normal และ Sport พร้อมระบบ Deceleration Paddle Selectors ที่หน้าตาเหมือนแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift เพื่อใช้สำหรับควบคุมการหน่วง และเลือกระดับการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่

ในส่วนของ “สมรรถนะ” ต้องเกริ่นถึงการทำงานของระบบ Full Hybrid ก่อนว่า หลักๆ ของการทำงานจะมี 3 รูปแบบ และทำงานโดยอัตโนมัติตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ประกอบด้วย EV Drive, Hybrid Drive และ Engine Drive โดยภาพรวมความรู้สึกของการลองขับแว็บแรกต้องบอกเลยว่า “ไม่คุ้น” อาจจะเพราะด้วยน้ำหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้น เลยทำให้การเซ็ตอัพรถเปลี่ยนไป

ซึ่งหากคุ้นชินแล้ว จะพบ Honda Civic e:HEV RS ก็มีความคล่องตัวให้ได้สนุกอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะในความเร็วต่ำ ที่พวงมาลัย ดูอัลพิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (DP-EPS) มีน้ำหนักคล่องมือ ใช้งานได้ดีงามในเมือง เช่นเดียวกับจังหวะสลับการทำงานระหว่าง EV และ Hybrid ที่ราบเรียบ ต่อเนื่อง และนุ่มนวล ชนิดที่เรียกว่าใช้ Drive Mode ในตำแหน่ง Normal ก็เพียงพอ

ขณะที่ช่วงล่าง ซึ่งปรับเซ็ตใหม่ให้รองรับน้ำหนักตัวที่มากขึ้น นั่นเท่ากับความต้องมีความแข็งแรงสูงขึ้น ฉะนั้นส่วนตัว เราจึงมองว่าถ้าอยู่ในโมเดล Civic ที่มีสไตล์แบบวัยรุ่นล่ะก็ ความแน่น หนึบระดับนี้ ถือว่ายังโอเคอยู่ แม้จะมีความตึงตังเกิดขึ้นบ้างหากใช้งานในเมือง แต่ถ้าพาผู้หลัก ผู้ใหญ่นั่งไปด้วย อันนี้ดูแล้วท่านคงไม่ปลื้มเท่าไหร่

ส่วนในความเร็วสูง บอกเลยว่าน่าจะโดนใจสายเดินทาง เพราะ Honda Civic e:HEV RS ค่อนข้างมีบุคลิกที่ไม่เน้นความซิ่ง เพราะลองมาแล้วว่าการกดคันเร่งพรวดพราดไม่เกิดประโยชน์อะไร และการค่อยๆ เติมน้ำหนักคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็ว คือ อะไรที่ลงตัวกว่า

แต่ถ้าต้องการความมันส์เล็กๆ การคิกดาวน์ หรือใช้โหมด Sport พอช่วยได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างความมันส์เต็มสูบ เพียงแต่เพิ่มความกระฉับกระเฉง ให้ขึ้นอีกนิดเท่านั้น

แต่สิ่งที่เราชอบเลยก็คือ สัมผัสจากช่วงล่างที่ในความเร็วต่ำเคยตึงตัง กลับนิ่งสงัดในความเร็วสูง ให้เสถียรภาพได้ดี อย่างที่กล่าวไปว่าส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น และอีกส่วนก็คือการจัดระเบียบงานดีไซน์ของอุปกรณ์ระบบ Hybrid ซึ่งทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงจากเดิม เลยทำให้การขับขี่บนความเร็วสูงน่าประทับใจ

จุดเดียวที่เรารู้สึกว่า “ขออีกนิด” คือ น้ำหนักพวงมาลัย ซึ่งบอกเลยว่าในความเร็วต่ำเป็นอะไรที่ “เริ่ด” ส่วน “ขออีกนิด” ที่ว่า คือ น้ำหนักในความเร็วสูงที่ “หนืด” ขึ้นอีกนิด ชีวิตบนความเร็วสูงจะมั่นใจได้อีกมาก แถมยังเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่บนทางโค้งได้อีกด้วย

สรุปง่ายๆ Honda Civic e:HEV RS คือ Civic ที่มี “สมรรถนะ” โตขึ้นไปอีกขั้นจากเวอร์ชั่นขุมพลัง VTEC Turbo ด้วยการปรับสัดส่วนใหม่  เช่น ความสปอร์ตที่ลดลงอีกนิด ให้ได้มาซึ่งความประหยัดที่มากขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดีมากขึ้น ทั้งในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก และความปลอดภัย …

ถามว่า “สมรรถนะ” ที่โตขึ้น ? ไปถึงขั้นเทียบเท่า Accord มั้ย เราตอบได้เลยว่า “ไม่ถึงขั้นนั้น” … แต่ถ้าเอาแบบใกล้เคียง ก็คงต้องบอกว่าเป็น Civic ที่ซุกซนน้อยลงไปหน่อย น่าจะเห็นภาพได้ชัดขึ้น ซึ่งจะถูกจริต หรือไม่ …? แนะนำว่าควรไป “ลอง” ก่อนตัดสินใจ

Specification: Honda Civic e:HEV RS

• Price: 1,259,000 BHT
• Engine: 1,993 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / DOHC 141 hp @ 6,000 rpm / 182 Nm @ 4,500 rpm Electronic Motor 184 hp @ 5,000 – 6,000 rpm / 315 Nm @ 0 – 2,000 rpm 
• Transmission: E – CVT / Front Wheel Drive
• Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
• Weight: 1,429 Kg.