รีวิว ลองขับ Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE อัพหัวใจใหม่ที่ประหยัดและขับดีขึ้น ที่ตอบโจทย์ใช้งานทุกรูปแบบ

รีวิว ลองขับ Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE พละกำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต REV TRONIC ครั้งแรกของอีซูซุ!

รีวิว ลองขับ Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE กับขุมพลังใหม่ที่ประหยัดยิ่งกว่าเดิม 

Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE

“คำว่า “ดีแมคซ์ ฟีเวอร์” ที่บัญญัติขึ้นโดย “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์” ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีความสำเร็จเท่านั้น … เพราะลึกลงไป คือ “ความพยายาม” อย่างหนักเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ … และนี่คือบทใหม่ของ New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE … The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก”

เรารู้จักคำว่า “ดีแมคซ์ ฟีเวอร์” ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? … จะตอบคำถามนี้ ต้องย้อนกลับไปในราวเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2545 การมาของ “อีซูซุ ดีแมคซ์” เจเนอเรชันแรก ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก และทำให้ทุกอย่างในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดดตลอดการ

โดยเฉพาะหลังจากวิจัย และพัฒนา เพื่อปูทางสู่ก้าวที่ 2 เปิดตัวขุมพลังใหม่ “ดีเซล ไอ-เทค ดีดีไอ ซูเปอร์คอมมอนเรล” ราวเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2548 มาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องสมรรถนะ ก่อนจะกวาดยอดจำหน่ายรวมไปกว่า 2 ล้านคัน

ตำนานบทใหม่ เริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 ด้วย “อีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด” เจเนอเรชันที่ 2 ก้าวที่ยิ่งใหญ่กว่า จากการเปลี่ยนแปลงงานดีไซน์ พร้อมนำเสนอเทคโนโลยี คอมมอนเรล ล่าสุด “ดีดีไอ ซูเปอร์คอมมอนเรล เจเนอเรชัน 3.5” ภายใต้แนวคิด “เครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยยอดการผลิตระดับ 3 ล้านคัน ในปีพ.ศ. 2555

ก่อนที่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 “อีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่ นวัตกรรมเปลี่ยนโลก!” จะถือกำเนิดขึ้นมาสร้างปรากฏการณ์ “อีซูซุ บลูเพาเวอร์” เป็นครั้งแรกในโลก! ที่ช็อควงการด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ทำยอดจองไปได้แบบถล่มทลาย

ตามด้วยการมาของ “ออลนิว อีซูซุ ดีแมคซ์” พลานุภาพ…พลิกโลก! ในปี พ.ศ. 2562 กับนิยาม “รถปิกอัพที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” ที่พัฒนาให้เหนือชั้นยิ่งกว่าจากพื้นฐานขุมพลัง “ดีเซล ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจเนอเรชันที่ 2”

และปลายปี พ.ศ. 2564 ช่วงเดือนตุลาคม กับการเผยโฉมตัวตนใหม่ของ “อีซูซุ ดีแมคซ์” ภายใต้แนวคิด “MY NEW ID..MY NEW ISUZU D-MAX” … “ใหม่! พลานุภาพ…ไร้ขีดจำกัด” ยกระดับสู่ความสมบูรณ์แบบทุกองศา ด้วยมาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพระดับ Top Class

ก่อนจะต่อยอดความสมบูรณ์แบบ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลกให้กับ New! Isuzu D-Max MAGIC EYEs ซึ่งถูกเปิดตัวขึ้นในเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2565 และอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2567 ยุคของ New! Isuzu D-Max ในคอนเซ็ปต์ “Unlock Your Potential … เหนือลิมิต พิชิตโลก” ที่มาพร้อมความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่งานดีไซน์ใหม่! ที่เหนือชั้น และออฟชั่นที่ครบเครื่อง

แล้วก็มาถึงล่าสุด “New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE” ผลงานการอัพเกรดขึ้นไปอีกระดับ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ “แรงขึ้น เร็วขึ้น ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่า ตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่า และมีค่า CO2 ต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน”

 โดยรายละเอียดแห่งการพัฒนา “New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE” จะประกอบไปด้วย ใหม่! หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงถึง 250 MPa., ใหม่! กล่องควบคุม ECM แบบ Multi – Core ประสิทธิภาพสูง, ใหม่! E-VGS Turbo เทอร์โบแปรผันควบคุมการทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์

และใหม่! ห้องเผาไหม้แบบ High Swirl ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น มาพร้อมกับลูกสูบใหม่ Ultra – Low Friction ให้แรงเสียดทานต่ำเป็นพิเศษ จับคู่กับเสื้อสูบแกร่งพิเศษ Extreme Strength ตลอดจนระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่ Hi – Flow เสริมความแกร่งด้วยชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟือง และโซ่ทำจากเหล็กกล้า Timing Gear & Chain

โดยผลงานจากการพัฒนาดังกล่าวก็คือ พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 2,400 รอบต่อนาที จากเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE

จับคู่กับระบบส่งกำลังใหม่! แบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต REV TRONIC ครั้งแรกของอีซูซุ! และ Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย ซึ่งมีการปรับเซ็ทใหม่ ให้มีอัตราทดที่ต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็ว นอกจากตอบโจทย์การขับสนุกแล้ว ยังประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยมอีกด้วย

สำหรับในส่วนของระบบช่วงล่าง ยังคงใช้พื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น (Double Wishbone) พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง แต่มีการออกแบบตำแหน่งจุดยึดปีกนกใหม่ ให้มีความสมดุลมากขึ้น ทั้งในเรื่องการเกาะยึดถนน และการทรงตัว

ขณะที่ช่วงล่างด้านหลัง เป็นแบบแหนบยาว Long Span เน้นความแข็งแกร่ง และทนทาน แต่ก็ให้ความยืดหยุ่นนุ่มนวลได้มากกว่าแหนบปกติ รวมถึงให้ความปลอดภัยได้มากกว่า ด้วยการมาของ ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS) ที่มีการอัพเกรด 3D Imaging Stereo Camera ให้มีมุมมองกว้าง และแม่นยำขึ้น จากเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

มาถึงบรรทัดนี้ หลายคนคงมีคำถามถึงรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงภายนอก และภายใน ว่ามีอะไรบ้าง ? … แต่เอาเป็นว่าด้วยรายละเอียดที่มากมาย แบ่งไปตามแต่ละรุ่นย่อย ทำให้เราคิดว่าการกางแคตตาล็อกดูด้วยตา น่าจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่าการเล่าให้ฟัง

แต่ถ้าถามหาความเปลี่ยนแปลง หรือ ออฟชั่น ในระดับไฮไลต์ล่ะก็ ต้องว่ากันตั้งแต่ภายนอกที่มี ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ซึ่งเป็นได้ทั้ง Daylight, ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว เสริมด้วยความล้ำของกระจังหน้าแบบ 3-Dimension มาพร้อมกับ Air Curtain แบบ Integrated Design บริเวณกันชนหน้า

ซึ่งใช้นวัตกรรม Aerodynamic มาช่วยลดแรงต้านทานอากาศ ในลักษณะเดียวกับรถสปอร์ตหรู ต่อเนื่องด้านข้างเน้นความดุดันด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Turbine Spiral และไปต่อที่ด้านหลังกับไฟท้ายแบบ Triple – Armour LED ที่ดุดัน

ส่วนภายในห้องโดยสารเน้นความพรีเมี่ยม ด้วยแนวคิด High-Class & Sophisticated เน้นความประณีตทุกสัมผัส และโดดเด่นด้วย Miura Design ตามหลัก Usability Design กับออฟชั่นที่เพียงพอสำหรับวัย Old School เช่น หน้าจอ Integrated MID ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว สำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ที่อ่านง่ายๆ และชัดเจน แถมยังเชื่อมต่อข้อมูลกับ Infotainment Display ได้สะดวก

ตามด้วยช่อง Charging Socket แบบ USB-C ทั้งที่นั่งด้านหน้า และด้านหลัง (ซึ่งเอาจริงๆ มี USB-A เผื่อไว้บ้างก็ดี) จบด้วยความเย็นฉ่ำๆ จาก ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา … แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันเรียบร้อย

ในภาพรวมของการทดลองขับ นี่คือครั้งแรกในการ On Road จริง หลังจากซิ่งใน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ และผลสรุปที่น่าประหลาดใจก็คือ New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เป็นอะไรได้มากกว่าที่คาด

เพราะนอกจากจะสร้างความประทับใจในสนามแล้ว ก็ยังสร้างความประทับใจได้อย่างต่อเนื่องกับการขับขี่ On Road จริง ในชีวิตประจำวัน 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 2,400 รอบต่อนาที อาจเป็นตัวเลขที่ดูน้อยไปซักนิด

แต่สำหรับการขับขี่ คุณจะได้อะไรที่มากกว่า เช่น การ “ออกตัว” ที่เรียบเนียน นุ่มนวล แต่ต่อเนื่องจากการส่งต่อกำลังในแต่ละเกียร์ ที่ไม่เพียงจะช่วยให้ขับขี่ได้สบายๆ แต่ยังแถมด้วยประเด็นสำคัญ คือ การไปถึงเกียร์สุดท้ายได้เร็วขึ้น ทำให้ในแต่ละเกียร์ ไม่จำเป็นต้อง “ลากรอบ” … และนั่นหมายถึง “การประหยัดน้ำมัน” ที่ดีมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของช่วงล่าง ต้องบอกว่า “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์” นั้นทำการบ้านได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะในยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ซึ่งหากใครได้เคยลองขับหลายๆ รุ่นจะเห็นได้ชัดว่ามีการปรับเซ็ทช่วงล่างต่างกัน เช่น

“หัวเดี่ยว” ที่เน้นการพาณิชย์จะค่อนไปทางตึงตัง ขณะที่ “เวอร์ชั่น 2 ประตู” จะเน้นความสมดุลระหว่างการบรรทุก และการโดยสาร ท้ายสุด คือ “เวอร์ชั่น 4 ประตู” ที่ดูเหมือนจะเน้นไปในเรื่องของการโดยสาร สไตล์รถอเนกประสงค์ SUV เป็นหลัก

ฉะนั้นการปรับเซ็ทของช่วงล่างจึงแสดงออกในความนุ่มนวลอย่างชัดเจน ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ขณะที่ในความเร็วสูงอาจจะต้องใช้ความสามารถคนขับช่วยอีกนิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากความเร็วไม่เกินกว่ากฎหมายกำหนด “New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE” สามารถจัดการได้หมด

แล้วก็สิ่งสำคัญ คือ เกินความคาดหมายด้วยซ้ำ ถ้าตีความว่า New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE คือ ยนตรกรรมปิกอัพ 4 ประตู เพราะลักษณะอารมณ์การขับขี่ ค่อนข้างใกล้เคียงกับ ยนตรกรรมอเนกประสงค์ SUV อย่างปฏิเสธไม่ได้

ทำให้ยิ่งตอกย้ำแนวคิดของเราที่ว่า “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์” นั้นมีการแบ่งแยกบุคลิกของยนตรกรรมแต่ละรุ่นอย่างชัดเจน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย

และท้ายสุดเราเชื่อว่า “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์” กำลังจะบัญญัติคำศัพท์ใหม่ให้กับวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกครั้ง ด้วยภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของคำว่า “ปิกอัพอเนกประสงค์” โดยมี “New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE” เป็นบรรทัดฐาน

Specification: New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE

• Price: 1,137,000 BHT
• Engine: 2,164 CC / Diesel / VGS Turbo / Intercooler / 4 Cylinder / 16 Valve  163 hp @ 3,600 / 400 Nm @ 1,600 – 2,400 rpm 
• Transmission: 8AT / Rear Wheel Drive
• Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
• Weight: N/A