รีวิว ลองขับ Isuzu MU-X 3.0 Ultimate 2WD ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร Ddi Blue Power ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร
รีวิว ลองขับ Isuzu MU-X 3.0 Ultimate 2WD ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่
Isuzu MU-X 3.0 Ultimate 2WD
“เรายังคงรู้สึกภูมิใจร่วมไปด้วยทุกครั้ง กับการปรากฏตัวของยนตรกรรมเจเนอเรชั่นใหม่ๆ จากค่าย Isuzu เพราะนั่นพิสูจน์ว่าพวกเค้าทำงานหนักขนาดไหน กว่าจะได้ผลลัพธ์สมบูรณ์แบบมาครองใจผู้บริโภค ซึ่งคำตอบทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว Isuzu MU-X 3.0 Ultimate 2WD”
หากจะพูดถึงตลาดรถอเนกประสงค์ PPV ในเมืองไทย อีกหนึ่งแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งไม่น้อยกว่าใคร และอยู่คู่ผู้บริโภคชาวไทยมาอย่างยาวนานก็คือ Isuzu … แต่หากมองกันตรงๆ ให้ลึกลงไปอีกนิด อาจพูดได้ว่าแบรนด์ Isuzu ถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในตลาดเมืองไทย
ด้วยเพราะไลน์อัพยนตรกรรมที่จำหน่ายในท้องตลาดมีเพียง รถปิกอัพ และรถเอนกประสงค์ PPV เท่านั้น ต่างจากแบรนด์อื่นที่สามารถสร้างเสริมฐานตัวเลขจากไลน์อัพรุ่นอื่นๆ ได้อีกมากมาย
โดยสิ่งหนึ่งที่เราสังเกต และยอมรับ จากการติดตามแบรนด์ Isuzu มาอย่างยาวนานก็คือ “พัฒนาการ” ที่ก้าวกระโดด เพื่อสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ … และนั่นคือแรงบันดาลใจในการให้กำเนิด The New MU-X เจเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งมาพร้อมความโดดเด่นในสไตล์ Sports SUV ทุกมุมมอง
หลังจากขึ้นประจำการหลังพวงมาลัย สิ่งแรกที่บอกเลยว่าสร้างแรงดึงดูดทางสายตาได้ดีเลยก็คือ งานดีไซน์ที่ไล่มาตั้งแต่ด้านหน้า ซึ่งประกอบด้วยโทนสีดำ Black Chrome ของชุดกระจัง สลับด้วยการเลือกใช้โทนสีเทา Magnetite Gray เสริมด้วยชุดไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมลายเส้น Arrow Signature และไฟตัดหมอก LED
ขณะที่มุมมองด้านข้างเต็มอารมณ์ความสปอร์ต ด้วยล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้ว ลายใหม่ Dynamic Rotor Blade ในโทนสี Magnetite Gray ต่อเนื่องไปถึงมุมมองด้านหลัง ซึ่งมากับชุดกันชนท้ายแบบ Integrated สไตล์ทูโทน ระหว่างสีเดียวกับตัวรถ และสีเทา Magnetite Gray ทั้งยังลงตัวกับโทนสีเทาดำของชุดไฟท้าย LED สไตล์ Winglet Signature แบบ 3 มิติ อีกด้วย
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร บอกเลยว่าเป็นอะไรที่สามารถสังเกตเห็นผลงานยกระดับได้ชัดเจนที่สุด ตั้งแต่การเลือกสรรวัสดุ และโทนสีใหม่ที่เลือกใช้ คือ สีน้ำตาลเทา สลับสีน้ำตาลเข้ม Macchiato Brown มาพร้อมกับวัสดุอย่าง Piano Black และ Chrome เพื่อแต่งเติมความหรูหรา ไปจนถึงรายละเอียดการตัดเย็บระดับงานฝีมือ
และไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือเรื่องของ “ออฟชั่น” โดยเฉพาะสิ่งที่อัพเกรดขึ้นใหม่ อย่างเช่น ฝากระโปรงท้าย Smart Tailgate เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า จากการทำงานร่วมกับระบบ Step Sensor ซึ่งที่ล้ำกว่าก็คือ การใช้จังหวะเดินเข้า – ออกตัวรถ แทนการแกว่งเท้า
หรือเตะแบบ Kick Sensor แถมด้วยการติดตั้งระบบ Jam Protection มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งนอกจากช่วยเติมเต็มความสะดวกสบายแล้ว ยังช่วยยกระดับความปลอดภัยในการใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้นอีกด้วย
เมื่อกล่าวถึงความปลอดภัยแล้ว จะไม่กล่าวถึงความล้ำสมัยของเทคโนโลยีก็คงไม่ได้ ด้วยเพราะ The New MU-X มากับความเหนือชั้นด้วยมาตรฐาน Isuzu Matrix Safety Intelligence จากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รอบทิศทาง ADAS (Advanced Driver Assistance Systems)
ด้วยนวัตกรรมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ทำงานร่วมกับเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน มอบความมั่นใจในการขับขี่ผ่านโปรแกรมต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam) และระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถ (Parking Aid System)
ไล่มาจนถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) พร้อมฟังก์ชั่น Stop and Go, ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning) พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
และโหมดเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา TA-AEB (Turn Assist with Autonomous Emergency Braking), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSM (Blind Spot Monitoring), ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning),
ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation), ระบบเบรกอัตโนมัติหลังเกิดอุบัติเหตุ MCB (Multi-Collision Brake) หรือแม้กระทั่งระบบตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุด MSL (Manual Speed Limiter) ก็มีมาให้เช่นกัน
สำหรับพระเอกที่อยู่กับเราในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นรุ่นสูงสุดของอนุกรม ในเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) เพราะฉะนั้น “ของ” ต่างๆ ที่มีมาให้เพื่อการอำนวยความสะดวกจึงแทบจะไม่ต่างไปจากเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) รวมไปถึงเรื่องขุมพลัง ที่ใช้พื้นฐานเดียวกัน คือ เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน พิกัด 3.0 ลิตร Ddi Blue Power
พ่วงระบบอัดอากาศ VGS เทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุดมาใข้ที่ 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมฟังก์ชั่น Rev Tronic และ Sequential Paddle Shift ที่หลังพวงมาลัย ให้เลือกเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ด้วยสไตล์เกียร์ธรรมดา
ซึ่งจากที่สัมผัส บอกได้เลยว่าบุคลิกด้านสมรรถนะของ The New MU-X น่าจะเป็นอะไรที่ถูกจริตกับผู้ใช้งานบนพื้นฐานปกติ ด้วยการถ่ายทอดกำลังที่หนักแน่นเต็มเม็ด เต็มหน่วย เพื่อพาก้อนน้ำหนักกว่า 2 ตัน เคลื่อนตัวไปตามต้องการ ที่สำคัญเลยคือ ไม่ได้สร้างแรงกระชากกระชั้นให้รู้สึกเสียอารมณ์แต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็นรถเดินทางที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
ส่วนต่อมา คือ ระบบช่วงล่างเอกสิทธิ์เฉพาะสไตล์ MU-X ซึ่งใช้พื้นด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบ 5-Link พร้อมเหล็กกันโคลง เท่าที่สัมผัสได้ในภาพรวม การปรับเซ็ทจะเน้นไปในทางของการโดยสารที่นุ่มนวล นั่งสบาย แต่ยังคงให้การทรงตัวที่ดีงาม
เพราะหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาหลายวัน พร้อมกับการพยายามค้นหาความสปอร์ตอยู่หลายครั้ง เรากลับพบว่าสิ่งที่ดูจะเหมาะสมที่สุดกับ The New MU-X คือ การขับเคลื่อนด้วยความสุขุม นุ่มนวล ราวกับสวมบทบาทพ่อบ้าน พาครอบครัวออกเดินทางท่องเที่ยวดูจะเป็นอะไรที่เข้าท่ากว่า
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน ที่ส่วนใหญ่เน้นการพึ่งพา “ความสบาย” ในการใช้งานมากกว่าอื่นใด อันดับแรกเลย คือ พื้นฐานความเป็นรถอเนกประสงค์ PPV ที่มีความสูง และขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ ทำให้ทัศนวิศัยเบื้องหน้ามีความปลอดโปร่ง แถมด้วยการมีห้องโดยสารที่กว้าง ก็ยิ่งช่วยสร้างอารมณ์ดีได้มากขึ้น หากต้องฝ่าการจราจรอันแน่นหนา
ส่วนพวงมาลัยแม้จะไม่ “เฉียบคม” ขั้นสุด แต่ก็สร้างความคล่องตัวได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ด้วยในสไตล์ของรถใหญ่ ท้ายสุด คือ ช่วงล่าง ที่ต้องยอมรับว่าเหมาะสมกับท้องถนนเมืองไทย เพราะสามารถตอบโจทย์การขับขี่ได้อย่างกว้างขวาง
หากประเด็นอารมณ์ความสปอร์ตเป็น “เรื่องรอง” เพราะอย่างที่บอกไปข้างว่า The New MU-X มากับช่วงล่างที่มีการปรับเซ็ทให้มีความนุ่มนวล นั่งสบาย ในแบบที่ทุกตำแหน่งของห้องโดยสารต้องชอบใจ
แล้วก็ด้วยบุคลิกของ The New MU-X ที่เน้นความสบายในการขับขี่เป็นหลัก มากกว่าการนำเสนออารมณ์ความสปอร์ต ข้อดีในความคิดเราก็คือ เค้าสามารถทำให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการใช้คันเร่งดีกว่า เนียนกว่า ขณะที่ความสปอร์ตมักจะยั่วยุให้คุณบดเท้าขวาลงบนคันเร่ง
เพื่อเสพสุขความมันส์ในการขับบ่อยครั้ง และหากเทียบกันเรื่องอัตราการกินน้ำมันเชื้อเพลิงจะเป็นอย่างไร อันนี้เราว่าหลายคนน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจเป็นเรียบร้อย
ส่วนจะชอบ The New MU-X เวอร์ชั่นขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) ค่าตัว 1,551,000 บาท หรือไม่ อย่างไรนั้น เรายกให้คุณเป็นคนตัดสิน แต่แนะนำว่าหลังจากทำความรู้จักให้ดีก่อนว่าคุณสมบัติที่มีครอบคลุมหรือยัง ? … ซึ่งหากคำตอบคือ “ไม่”
The New MU-X เวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) อาจจะเป็นอะไรที่เข้าตากว่า ด้วยขีดความสามารถในการขับเคลื่อนมากขึ้นอีกระดับ กับส่วนต่างค่าตัวที่เพิ่มขึ้นอีกราว 100,000 บาท เป็น 1,651,000 บาท
Specification: Isuzu MU-X 3.0 Ultimate 2WD
- Price: 1,551,000 BHT
- Engine: Diesel / Turbo / Intercooler 2,999 CC / 4 Cylinder 16 Valve / 190 hp @ 3,600 rpm / 450 Nm @ 1,600-2,600 rpm
- Transmission: 6A/T / Rear Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight: 2,080 Kg.