รีวิว ลองขับ LEXUS RX 450h+ LUXURY AWD เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร ให้กำลังรวมสูงสุด 304 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.5 วินาที
รีวิว ลองขับ LEXUS RX 450h+ LUXURY AWD เอสยูวีตระกูล RX ขุมพลัง PHEV
LEXUS RX 450h+ LUXURY AWD
RX ใหม่ ใช้แพลตฟอร์ม GA-K ร่วมกับรุ่น NX แต่ปรับส่วนท้ายของแชสซีส์ให้มีฐานล้อยาวขึ้น และเสริมความแกร่งให้กับช่วงล่างด้านหลัง แพลตฟอร์มใหม่นี้ ส่งให้โครงสร้างของ RX มีน้ำหนักเบากว่าเดิม 90 กก. และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง 10 มม. นอกจากนั้น ยังมีมิติที่ใหญ่โตกว่า เมื่อเทียบกับโมเดลก่อนหน้านี้ ด้วยความกว้างฐานล้อหน้าและหลังมากกว่าเดิม 15 และ 50 มม. ตามลำดับ, ความยาวฐานล้อขยายเพิ่มอีก 60 มม.
SUV ตระกูล RX ของ Lexus ขายดิบขายดีและมีชื่อเสียงโด่งดังในไทยมาช้านาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของดีไซน์ที่หวือหวาโฉบเฉี่ยวและความหรูหราตามมาตรฐานของ Lexus แน่นอนว่าใน RX รุ่นล่าสุดที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้ ก็ยังคงดำเนินรอยตามครอบครัวของมันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทว่านอกจากนั้นแล้ว ทายาทคันล่าสุดยังมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกมิติ และยังเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับขุมพลัง “เสียบปลั๊ก” PHEV อีกด้วย
ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 18.1 กิโลวัตต์ชั่วโมงของ 450h+ ให้เต็ม แล้วคุณจะใช้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ได้ไกลถึงราว 87 กม. พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งไว้ที่ล้อคู่หน้า (180 แรงม้า, 270 นิวตันเมตร) และหลัง (54 แรงม้า, 121 นิวตันเมตร) เพียงพอสำหรับการฉุดน้ำหนักกว่า 2.2 ตัน ของ RX ตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงความเร็วสูงสุด 135 กม./ชม. ในโหมด EV
จนกระทั่งไฟในแบตเตอรี่ลดต่ำลงจนถึงขอบเขตที่กำหนด ระบบไฮบริดจะเริ่มทำงานอัตโนมัติ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร 182 แรงม้า, 227 นิวตันเมตร ตื่นขึ้นมาทำงานอย่างนุ่มนวลจนแทบไม่รู้สึกถึงรอยต่อ โดยเมื่อขับเคลื่อนพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า RX450h+ จะให้กำลังรวมสูงสุดถึง 304 แรงม้าทีเดียว
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.5 วินาที เป็นตัวเลขที่น่าพอใจทีเดียว… RX ใหม่ กระฉับกระเฉงในทุกย่านความเร็ว ทว่าคุณต้องทนฟังเสียงครวญครางของเครื่องยนต์ที่ค้างอยู่บนรอบสูงขณะเร่ง ตามประสาเกียร์แบบ CVT อาจไม่ดังกระหึ่มนักแต่ก็ถือว่าการลดเสียง (เครื่องยนต์) เข้ามาในห้องโดยสารยังทำได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับรถแบรนด์อื่นๆ ในคลาสเดียวกัน
เช่นเดียวกับระบบบังคับเลี้ยวที่เบาหวิวและไม่ค่อยสื่อสารความเป็นไปของล้อหน้ามายังพวงมาลัยสักเท่าไหร่ จึงลดทอนความมั่นใจการบังคับควบคุมไปมาก ขณะที่ช่วงล่างให้ความนุ่มนวลได้ดี และเกาะถนนในระดับที่น่าพอใจ
หากคุณชอบ SUV ที่ให้ความบันเทิงในการขับขี่ได้บ้าง RX 450h+ คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ควรเอามาใส่ในลิสต์ของคุณ แต่ถ้าต้องการความสะดวกสบายขณะเดินทาง นี่คือรถที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี คุณจะรู้สึกผ่อนคลายที่ความเร็วใช้งานทั่วไป ราวกับมันสัมผัสกับคุณอย่างอ่อนโยนทนุถนอม RX วิ่งบนมอเตอร์เวย์ได้นุ่มนวล และอย่างเงียบเชียบหากคุณมีแบตเตอรี่เหลือพอสำหรับขับด้วยโหมด EV ช่วงล่าง
ดูดซับแรงกระแทกขณะขึ้นลงสะพานเป็นอย่างดี ขณะที่พวงมาลัยน้ำหนักเบาของมันก็ช่วยให้การซอกแซกในเมืองคล่องแคล่วยิ่งขึ้น เมื่อรวมเข้ากับทัศนวิสัยรอบด้านที่โปร่งโล่ง, เบาะหนานุ่ม, ห้องโดยสารกว้างขวาง และการใช้วัสดุคุณภาพสูงทั่วทั้งคัน จึงช่วยยกระดับการเดินทางของคุณขึ้นไปอีกขั้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นรถ “ประกอบนอก” ทำให้ราคาของ RX 450h+ ไปเริ่มต้นที่ราว 4.6 ล้านบาท ในเกรด Luxury เหมือนคันทดสอบของเรา และ 5 ล้านบาท สำหรับเกรด Premium การเข้ามาอยู่ในกลุ่ม SUV ขนาดกลางระดับพรีเมี่ยมของ Lexus จากญี่ปุ่น ทำให้ RX 450h+ ต้องชิงตลาดกับรถยุโรปอย่าง Volvo XC90 Recharge ที่เริ่มต้นเพียง 4.1 ล้าน และ 4.7 ล้านในเกรดสูงสุด,
Merc GLE 350de ขุมพลังดีเซลไฮบริดที่ 4.8 ล้าน และ BMW X5 45e ราคา 5.1 ล้านบาท ยังไม่นับรวมรถเครื่องยนต์สันดาปฯ อย่าง Audi Q7 ซึ่งประกอบนอกเหมือนกัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.5 ล้าน ของรุ่น 40 TFSI และ 5.3 ล้าน ในรุ่นท้อป 45 TFSI นั่นหมายถึง นอกจาก RX 450h+ แล้ว ในคลาสนี้ยังมีตัวเลือกราคาใกล้เคียงกันอีกมากมายที่น่าสนใจ และต่างก็เป็นรถที่ยอดเยี่ยมทั้งสิ้น…
… ในสมรภูมินี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ RX 450h+ ที่จะเอาชนะ
ชุดไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ปรับให้มีขนาดเพรียวบางยิ่งขึ้น พร้อม DRL ทรงอักษร “L” เอกลักษณ์ของ Lexus คันทดสอบของเราเป็นเกรดเริ่มต้น ‘Luxury’ จึงได้ไฟหลักแบบ LED ดวงเดียว พร้อมระบบไฟสูงอัตโนมัติ ขณะที่เกรดสูงสุด ‘Premium’ ใช้แบบ LED 3 ดวง และมีระบบปรับการส่องสว่างตามโค้งอัตโนมัติ สปอตไลต์เป็นแบบ LED ติดตั้งกลมกลืนอยู่ด้านล่างของกรอบสำหรับระบายอากาศออกไปสู่ซุ้มล้อหน้า
แถบไฟท้ายแบบคาดยาวตลอดแนวขวางของตัวรถ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ล้ำสมัยให้กับรถ ตกแต่งมุมด้านข้างด้วยสัญลักษณ์ “L” ของ Lexus วางเรียงซ้อนกันเพื่อเพิ่มรายละเอียดยิ่งขึ้น และ RX ใหม่ ยังเป็นรถรุ่นแรกของแบรนด์ที่เปลี่ยนจากโลโก้ “L” มาใช้เป็นตัวอักษร “LEXUS” แทนอีกด้วย
ใช้แถบโครเมี่ยมที่พลิ้วไหวคั่นระหว่างหลังคาและกระจกหน้าต่าง ส่งให้ส่วนท้ายของหลังคาดูราวกับลอยตัวอย่างอิสระโดยไม่มีเสา C รองรับ ตัวหลังคาลาดต่ำกว่าเดิม 10 มม. เมื่อรวมกับฝากระโปรงหน้าที่ยาวกว่าเดิม ส่งให้มีสไตล์ที่โฉบเฉี่ยวแบบรถคูเป้ยิ่งขึ้น
ใช้ระบบเปิดปิดประตูด้วยไฟฟ้า e-latch แทนที่กลไกแบบดึงตามปกติ เมื่อจับที่มือเปิด (นอกรถ) ประตูจะเปิดออกทันที ในขณะที่มือเปิดด้านในใช้วิธีกดและดึงก้าน เหล่านี้ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่และล้ำสมัยกว่ารถทั่วไป แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ e-latch จะทำงานร่วมกับระบบ Blind Spot Monitor ตรวจจับพาหนะที่เข้ามาใกล้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารเปิดประตูออกไปจนอาจเกิดอุบัติเหตุได้
ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 182 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 227 นิวตันเมตร ที่ 3,200-3,000 รอบ/นาที ร่วมกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ามอเตอร์คู่ โดยมอเตอร์ล้อหน้าให้กำลัง 180 แรงม้า, 270 นิวตันเมตร และหลัง 54 แรงม้า, 121 นิวตันเมตร เมื่อทั้งสองทำงานร่วมกันจะได้กำลังรวม 304 แรงม้า เท่ากับ RX450h รุ่นก่อนหน้านี้ (HEV) แต่ 450h+ จะให้อัตราเร่งที่เหนือกว่าจากการแบ่งมอเตอร์ออกเป็น 2 ชุด แบตเตอรี่ใช้เวลาชาร์จประมาณ 2 ชม. ครึ่ง ด้วยชาร์จเจอร์ 32A และวิ่งไฟฟ้าล้วนได้ราว 87 กม. (NEDC)
ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นหลัก และใช้มอเตอร์หลังร่วมด้วย (ตามสภาพการขับขี่ขณะนั้นๆ) สามารถเปลี่ยนเกียร์แบบ Manual ได้ด้วยแป้นหลังพวงมาลัย ซึ่งไม่ได้ปล่อยให้คุณเปลี่ยนเกียร์เองตลอดเวลาแม้จะผลักคันเกียร์มาในตำแหน่ง S แล้วก็ตาม ระบบยังคงทำงานแบบ “เกียร์เดียว” หากคุณเหยียบคันเร่งลึกๆ แม้ตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์จะเปลี่ยนไปตามที่คุณกดแป้นก็ตาม มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมดหลัก คือ ECO, NORMAL และ SPORT ร่วมด้วยการปรับแต่งเองในโหมด CUSTOM และสามารถเลือกแหล่งพลังงานขับเคลื่อนได้ 2 แบบ คือ EV ที่ใช้ไฟฟ้าล้วน และ AUTO EV/HV ซึ่งจะใช้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นหลัก และสลับไปใช้ไฮบริดตามสถานการณ์ขณะนั้น นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกเครื่องยนต์ชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
ในเกรดเริ่มต้นเหมือนคันทดสอบของเรา มาพร้อมกับล้อขนาด 19 นิ้ว ร่วมกับยาง 235/60 ทั้งสี่ล้อ ขณะที่รุ่นท้อปให้ล้อขนาด 21 นิ้ว และยาง 235/50 ช่วงล่างแบบอิสระทั้งสี่ล้อให้ความนุ่มนวลได้ดีในทุกย่านความเร็ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการโคลงตัวค่อนข้างมากขณะเข้าโค้งแคบๆ
ระบบบังคับเลี้ยวให้น้ำหนักเบามือ จึงสะดวกต่อการบังคับควบคุมขณขับขี่ในเมืองที่ความเร็วต่ำ แต่ก็เบาเกินไปสำหรับความเร็วสูง และยังตอบสนองไม่ดีนัก 450h+ จึงไม่ใช่รถที่คุณจะหาความสนุกจากการขับขี่ได้สักเท่าไหร่ พวงมาลัยมีขนาดกำลังดีและอวบอ้วนจับถนัดมือ ปุ่มควบคุมที่ก้านพวงมาลัยเป็นแบบกดธรรมดา ในขณะที่เกรดสูงสุดจะเป็นระบบสัมผัสทั้งหมด
ระบบความปลอดภัยขณะขับขี่ติดตั้งมาให้เต็มพิกัดตั้งแต่เกรดเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ, ควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ช่วยหักหลบ, ช่วยเปลี่ยนเลน ฯลฯ ใช้กล้องเดี่ยวทำงานร่วมกับเรดาร์ในการตรวจจับ มาพร้อมระบบครูสคอนโทรลที่ทำงานแบบ Stop & Go ได้อย่างนุ่มนวล
ห้องโดยสารออกแบบโดยเน้นไปยังผู้ขับเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด ‘Tazuna’ ซึ่งแปลว่า ‘บังเหียนม้า’ ที่เคยนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรุ่น NX และ RZ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยแหล่งข้อมูลแต่ละแห่ง อาทิ จากจอแสดงผลส่วนกลาง หรือบนมาตรวัด จะถูกจัดรวมไว้เป็นกลุ่ม นั่นหมายถึง ผู้ขับสามารถอ่านค่าต่างๆ ได้ง่าย ด้วยการชำเลืองมองและหันศีรษะเพียงเล็กน้อย แดชบอร์ดดีไซน์เล่นระดับ มีเส้นสายช่วงบนที่เชื่อมโยงต่อเนื่องไปยังแผงประตูได้อย่างกลมกลืน และขับให้ตัวแดชบอร์ดดูลอยอยู่อย่างอิสระ เมื่อรวมกับกระจกรอบคันขนาดใหญ่จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งมากทีเดียว
เกรด ‘Luxury’ ให้หน้าจอดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว ที่ล้อมกรอบให้กับมาตรวัด (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจอ) เพื่อแบ่งอาณาเขตการแสดงผลให้ชัดเจน สามารถเรียกดูข้อมูลได้พอสมควร แต่เปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่เกรด ‘Premium’ มาพร้อมกับจอแสดงผลเต็มพื้นที่ ขนาด 8 นิ้ว และ Head-up Display แบบ Multi-color
จอแสดงผลส่วนกลางขนาดใหญ่ถึง 14 นิ้ว ระบบสัมผัส และยังคงมีปุ่มแบบปกติเพื่อให้สามารถใช้ฟังก์ชั่นที่จำเป็น (และใช้บ่อยครั้ง) ได้ทันที เทคโนโลยีมัลติมีเดียล่าสุดของ Lexus ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับรถได้เสมอ, รวดเร็ว และง่ายดาย ด้วยหน่วยประมวลผลที่ทำงานรวดเร็วกว่าเดิมถึง 3.6 เท่า พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง “Hey, Lexus” ที่พัฒนาให้สามารถเข้าใจสำเนียงต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น รองรับทั้ง Apple CarPlay (ไร้สาย) และ Android Auto (ต่อสาย)
ช่อง USB มีให้ครบครันสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายให้ประสิทธิภาพการชาร์จเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 50% ขณะที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ติดตั้งมาให้ครบครัน รวมไปถึงระบบปรับอากาศแบบแยก 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารทั้งหน้าและหลัง พร้อมระบบ Nanoe X ที่ไม่เพียงช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และให้อากาศที่สะอาดยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ Lexus ยังโฆษณาว่า ระบบของพวกเขาช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวและเส้นผมอีกด้วย!
ห้องโดยสารมีพื้นที่วางขาของผู้นั่งตอนหลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (10 มม.) แต่โดยรวมก็ถือว่ากว้างขวางโอ่อ่าทุกที่นั่ง เบาะหน้าออกแบบโดยเพิ่มปีกข้างเบาะเพื่อให้โอบรับลำตัวได้ดียิ่งขึ้น เบาะทุกตัวใช้วิธีเย็บแบบซ่อนตะเข็บไว้ลึกเป็นพิเศษ จึงนั่งได้นุ่มสบาย ตกแต่งหนังด้วยลายอักษร “L” ที่ขอบด้านบนของเบาะ ที่นำมาเรียงกันจนดูคล้ายลายข้าวหลามตัด
SPECIFICATIONS: LEXUS RX450h+ LUXURY AWD
- Price: ฿4,640,000
- Drivetrain: 2487cc petrol inline-4, 182hp @ 6000rpm, 227Nm @ 3200-3700rpm with e-motor, 180hp, 270Nm front, 54hp, 121Nm rear
- Transmission: e-CVT automatic, all-wheel drive
- Performance: 6.5sec 0-100km/h, 180km/h top speed (limit), 29g/km Co2
- Weight: 2220kg
TorqueThailand.com
