รีวิว ลองขับ LEXUS UX300e PREMIUM ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังถึง 204 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.
รีวิว ลองขับ LEXUS UX300e PREMIUM รถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกของเลกซัส
LEXUS UX300e PREMIUM
เวอร์ชั่น EV ของตระกูล UX คันนี้ มีดีกว่าที่คิด นอกจากความหรูหรา, ช่วงล่างนุ่มนวล และดีไซน์ที่เต็มไปด้วยเส้นสายแพรวพราว (และเปี่ยมด้วยความหมายแฝง) ตามแบบฉบับของพวกเขาแล้ว ยังมาพร้อมกับพละกำลังที่เหนือความคาดหมายอีกด้วย! ทันทีที่กดคันเร่งจมพื้น UX300e ดีดตัวเองออกจากจุดหยุดนิ่งแทบจะทันทีทันใด ไฟเตือนของระบบ TRC กะพริบที่จอแสดงผล
เนื่องจากล้อคู่หน้ามีอาการลื่นไถล และคุณจะได้ยินเสียง “วืดดดดด…” ของระบบเสียงสังเคราะห์ ASC (Active Sound Control) ดังออกมาจากลำโพงเป็นซาวน์แทร็คควบคู่ไปกับแรงฉุดที่ดึงตัวคุณติดเบาะ แตะความเร็ว 100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที ตามสเปค ทว่าในความเป็นจริงกลับรู้สึกว่ามันเร็วกว่านั้นมาก และยังคงทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ จนไปสุดเพดานที่ 160 กม./ชม.
อาจไม่ได้เดือดพล่าน แต่นับว่าเป็นสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำกำลังได้ 204 แรงม้า และ 300 นิวตันเมตร คุณจะต้องประทับใจ UX300e โดยเฉพาะถ้านี่คือรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกที่คุณเคยขับ ในขณะที่ช่วงล่างอาจไม่ค่อยชอบการอัดใส่โค้งแคบๆ สักเท่าไหร่นัก
เนื่องจากเอียงตัวค่อนข้างมากและอันเดอร์สเตียร์ในจังหวะเริ่มหักเลี้ยว แต่ก็ได้ความนุ่มนวลมาเป็นรางวัลปลอบใจ ส่วนพวงมาลัยให้น้ำหนักที่เบา แต่ก็ตอบสนองดี, ฉับไว และให้สัมผัสเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้น การจัดวางเบาะนั่งไว้ต่ำใกล้เคียงกับรถซีดาน จากการติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ที่พื้นใต้เบาะหลัง ยังช่วยให้บังคับควบคุมรถได้ถนัดยิ่งขึ้นอีกด้วย
ที่การเดินทางโดยใช้ความเร็วสูงสุดตามกฎหมายกำหนด UX300e นับเป็นพาหนะที่ลงตัวในการขับขี่แบบนี้ ที่ซึ่งช่วงล่างทำหน้าที่ของมันได้อย่างน่าปรบมือให้ สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีไม่ว่าจะเป็นขณะวิ่งผ่านผิวทางขรุขระหรือ ขึ้น-ลง สะพาน ในขณะเดียวกันก็ยังทรงตัวดี มอบความมั่นใจได้มากทีเดียว การเก็บเสียงก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ต้องขอบคุณกระจกแบบป้องกันเสียงรบกวน
และกล่องเก็บชุดแบตเตอรี่ (ของระบบขับเคลื่อน) ที่แข็งแกร่งแน่นหนา ทั้งยังช่วยทำหน้าที่เป็นฉนวนกั้นเสียงได้อีกทางหนึ่ง ร่วมด้วยชุดแผ่นปิดใต้ท้องและการบุซุ้มล้อเพื่อลดเสียงยางตลอดจนเศษกรวด, หิน หรือวัสดุอื่นๆ บนถนนที่ถูกดีดขึ้นมากระทบตัวรถ
เมื่อรวมกับเบาะโอบกระชับและพื้นที่โดยรอบของห้องโดยสารที่โอ่อ่ามาก (เมื่อเทียบกับขนาดตัวถัง) ส่งให้ SUV ขนาดกะทัดรัดของ Lexus คันนี้ เป็นรถที่ขับสบายรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
และขนาดกะทัดรัด ยังช่วยให้ขับขี่ได้คล่องแคล่วที่การใช้งานในเมืองอีกด้วย ห้องโดยสารที่เงียบสงบยิ่งเผยให้เห็นข้อดีของมันยิ่งขึ้นเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางการจราจรที่หนาแน่นเช่นนี้ แบตเตอรี่ขนาด 54.35 กิโลวัตต์ชั่วโมง, 153 แอมป์ ให้ระยะการใช้งานราว 300 กม. (WLTP) ซึ่ง Lexus ระบุว่า “ตรงตามความต้องการของลูกค้าที่ใช้พาหนะขนาดคอมแพคท์สำหรับขับในเมือง”
แต่เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่ทยอยลงโชว์รูม ซึ่งวิ่งได้ไกลเฉลี่ย 400 กม. ถือว่าน้อยไปหน่อยสำหรับรถราคาเฉียด 3.5 ล้านบาท คุณสามารถชาร์จด้วย AC เร็วสูงสุด 6.5 ชั่วโมง จากไฟ 32 แอมป์ และที่ 50 นาที เมื่อชาร์จ DC
แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ทว่าด้วยประสบการณ์อันยาวนานจากรถยนต์ไฮบริด ส่งให้ Lexus ทำออกมาได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ในภาพรวมแล้ว UX300e เป็นรถที่น่าประทับใจทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความประณีตบรรจง, คุณภาพ และสมรรถนะ นอกจากนั้น มันยังมีราคาถูกกว่า UX250h F Sport ขุมพลังไฮบริดรุ่นท้อปสุด อยู่เล็กน้อย (ราว 1.4 แสนบาท)
ในขณะที่ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มาให้เหมือนกันเกือบทั้งหมด และได้รถที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังทรงพลังกว่ามาก UX300e จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ต้องการ SUV ขนาดเล็ก, พลังไฟฟ้า, สำหรับใช้งานในเมืองเป็นหลัก
แพลตฟอร์ม GA-C (Global Architecture-Compact) ที่มีน้ำหนักเบา ถูกเสริมความแข็งแกร่ง (และปลอดภัย) ด้วยการใช้คานขวางบริเวณใต้เบาะหลังเพื่อรองรับแบตเตอรี่ และสถาปัตยกรรมนี้ยังช่วยให้สามารถติดตั้งชุดแบตเตอรี่ (ใต้เบาะหลัง) และมอเตอร์ไฟฟ้า (ในห้องเครื่อง) ได้ในตำแหน่งต่ำ จึงออกแบบให้ฝากระโปรงหน้าลาดต่ำได้มากกว่าปกติ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยด้านหน้าได้ยิ่งขึ้น
สปอตไลต์เป็น LED เช่นกัน ไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวติดตั้งที่ด้านข้างของกรอบสปอตไลต์ ต่างจากรถทั่วไปที่จะจัดวางไว้เป็นส่วนหนึ่งของไฟหน้า
ส่วนล่างของกระจังหน้า มีแผ่นกั้นอากาศแบบ เปิด/ปิด อัตโนมัติ โดยจะเปิดเมื่อต้องการลมไประบายความร้อนให้กับระบบหล่อเย็นแบตเตอรี่ และปิดขณะไม่จำเป็นเพื่อลดแรงเสียดทานของอากาศ ปีกบริเวณขอบของไฟท้ายทำหน้าที่จัดเรียงอากาศให้มีเสถียรภาพขณะเข้าโค้งและเมื่อมีลมปะทะด้านข้าง ช่วยลดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันอากาศลงได้ 16% ส่วนใต้ท้องรถติดตั้งแผ่นปิดเพิ่มเติม (จาก UX250h) บริเวณแบตเตอรี่เพื่อผลด้านแอโรไดนามิกส์เช่นกัน
ชุดไฟหน้า Full-LED มาพร้อมกับโปรเจคเตอร์ 3 ดวง และ DRL ทรงอักษร L ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Lexus
แถบแสงที่พาดยาวตลอดความกว้างของรถ ใช้หลอด LED มากถึง 120 ดวง โดยดีไซน์ของแถบจะเรียวเข้าหาจุดกึ่งกลางซึ่งเพรียวบางเพียง 3 มม. สปอยเลอร์บนหลังคาทำงานร่วมกับชุดปิดใต้ท้องเพื่อลดแรงเสียดทานและเสียงลม
มอเตอร์ติดตั้งไว้ต่ำเพื่อลดจุดศูนย์ถ่วง ใช้แกนโรเตอร์ที่พัฒนารูปทรงให้เหมาะกับการหมุนด้วยความเร็วสูง ในขณะที่แม่เหล็กถาวรของโรเตอร์ ถูกออกแบบแยกส่วนเป็นชุดๆ เพื่อลดการสูญเสียกระแสไฟฟ้า จึงช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น ชุด PCU (Power Control Unit) นำมาติดตั้งไว้ในห้องเครื่องเพื่อลดเสียงและแรงสั่นสะเทือน
ให้ล้อขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50 มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดย Lexus ได้ทำการปรับแดมเปอร์ให้เหมาะสมกับขนาดล้อ (ปกติรุ่นมาตรฐานของ UX300e ในบางประเทศ ใช้ล้อ 17 นิ้ว ส่วนขนาด 18 นิ้ว มีให้เฉพาะเกรดสูงสุด) เพื่อให้รถยังคงความนุ่มนวลขณะขับขี่ ระบบเบรกใช้ดิสก์แบบมีช่องระบายความร้อนทั้งสี่ล้อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้น รูปทรงของฝาครอบกันฝุ่นหลังดิสก์เบรกยังได้รับการปรับปรุงให้สามารถระบายความร้อนให้กับเบรกได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ห้องโดยสารภายใต้แนวคิด ‘Engawa’ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมบ้านเรือนแบบญี่ปุ่นที่ออกแบบให้มีรูปทรงและเส้นสายเชื่อมโยงกันจากภายในสู่ภายนอก เมื่ออยู่บนตำแหน่งผู้ขับจะเห็นโดมของมาตรวัดที่ให้ความรู้สึกเหมือนยื่นออกไปอยู่บนฝากระโปรงหน้า เมื่อรวมกับส่วนหน้ารถที่ลาดต่ำ ช่วยให้ผู้ขับได้ทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้น และหากมองย้อนจากนอกรถเข้ามา จะเห็นว่าฝากระโปรงและแดชบอร์ดมีรูปแบบที่ต่อเนื่องสอดรับกันพอดี ตัวแดชบอร์ดดีไซน์เล่นระดับ โดยส่วนบนสุดยกเป็นสันเชื่อมต่อมาถึงแผงประตู เพื่อให้ผู้นั่งรู้สึกถึงความแข็งแกร่งปลอดภัย
ระบบบังคับเลี้ยวด้วยไฟฟ้าให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติในการบังคับทิศทาง น้ำหนักเบามือช่วยให้ขับขี่ในเมืองได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ก็เบาไปหน่อยที่ความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม การตอบสนองนั้นเฉียบคม, ฉับไว และยังพอสื่อสารความเป็นไปของล้อหน้ามาสู่มือได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวเรือนของชุดเฟืองพวงมาลัยซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณช่วงล่างหน้า เพื่อลดการบิดตัวของกลไกเมื่อมีการหักเลี้ยว
มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเต็มพิกัด อาทิ ครูสคอนโทรล, เตือนการชน, เตือนออกนอกเลน, กล้องรอบทิศทาง เป็นต้น โดยอุปกรณ์เกือบทั้งหมดมีครบครันใกล้เคียงกับ UX250h F Sport ซึ่งเป็นเกรดสูงสุดของรุ่นไฮบริดที่มีราคาแพงกว่าถึง 1.4 แสนบาท นับว่าคุ้มค่ามากทีเดียว
ใช้มาตรวัดแบบเข็มที่ดูเหมือนมาตรวัดปริมาณเชื้อเพลิง อาจดูเชยๆ แต่ก็ช่วยให้ทราบถึงไฟคงเหลือในแบตเตอรี่ได้อย่างเข้าใจง่าย ชุดแบตเตอรี่ขนาด 54.35 กิโลวัตต์ชั่วโมง ประกอบด้วยเซลล์ลิเธียมไอออนความจุสูงจำนวน 288 เซลล์ โดยทั้งหมดถูกบรรจุไว้ในตัวเรือนที่ซีลด้วยยางเพื่อป้องกันฝุ่นและน้ำ พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่โดยใช้การลดความร้อนด้วยลม ซึ่ง Lexus ให้เหตุผลว่า เพราะมีน้ำหนักเบากว่าการใช้สารหล่อเย็นและไม่ต้องกังวลเรื่องการรั่วซึมซึ่งอาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรได้… เอิ่มมม… นอกจากลดความร้อนขณะขับด้วยความเร็วสูงแล้ว ระบบยังสามารถใช้อากาศช่วยลดความร้อนขณะชาร์จแบบเร็ว (DC) ได้อีกด้วย นอกจากนั้น ยังมีระบบให้ความร้อนแบตเตอรี่เพื่อคงประสิทธิภาพการจ่ายไฟให้เสถียรขณะใช้งานในอากาศหนาวจัด
จอแสดงข้อมูลสำหรับผู้ขับเป็นแบบ TFT LED โดยกั้นส่วนแสดงมาตรวัดเป็นทรงกลม ฝั่งซ้ายเป็นส่วนแสดงข้อมูลที่เป็นตัวอักษร จอให้ความคมชัดและสว่างสดใส แต่น่าเสียดายที่เปลี่ยนรูปแบบได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบเกียร์เดียว ซึ่งประกอบด้วยชุดเฟือง 3 เพลา โดยมีเฟืองทดที่ช่วยให้มอเตอร์สามารถทำความเร็วได้สูง มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ที่เปลี่ยนได้จากปุ่มหมุนฝั่งซ้ายของกรอบมาตรวัด นอกจากนั้น ยังสามารถเลือกระดับการชาร์จไฟกลับเมื่อถอนคันเร่งได้ 4 ระดับ ด้วยแพดเดิลหลังพวงมาลัย โดยจะทำงานชั่วคราวในเกียร์ D และทำงานตลอดเวลา (ตามระดับที่เลือกไว้) เมื่ออยู่ในเกียร์ B
จอแสดงผลส่วนกลางระบบสัมผัส ทั้งยังสามารถควบคุมได้ผ่านทัชแพดของระบบ RTI (Remote Touch Interface) ที่ตอบสนองได้ฉับไวและมีฟังก์ชั่นแบบเดียวกับสมาร์ทโฟน อาทิ การสั่นเมื่อกด, ดับเบิลคลิก, ใช้สองนิ้วเพื่อ ย่อ/ขยาย เป็นต้น พื้นผิวของทัชแพดเคลือบด้วยสารพิเศษที่ช่วยให้สามารถเลื่อนนิ้วได้ลื่นไหล ส่วนใต้ที่พักแขนเป็นสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง ออกแบบให้คล้ายเมาส์จึงจับได้สะดวก ติดตั้งชุดเครื่องเสียง Mark Levinson ที่มาพร้อมกับลำโพง 13 ตัว และเพาเวอร์แอมป์ 8 แชนแนล คลาส D ขนาด 688 วัตต์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ระบบปรับอากาศมาพร้อมเทคโนโลยี Nanoe ที่ไม่เพียงช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และให้อากาศที่สะอาดยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ Lexus ยังโฆษณาว่า ระบบของพวกเขาช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวและเส้นผมอีกด้วย! ช่องแอร์สามารถเปิดเฉพาะตำแหน่งที่มีผู้นั่งได้อัตโนมัติ เพื่อลดการใช้พลังงาน อย่างไรก็ตาม ระบบจะสั่งเปิดช่องแอร์ทั้งหมดหากตรวจจับได้ว่าอยู่ในสภาพอากาศที่ (ร้อนหรือหนาว) สุดขั้ว เพื่อปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารให้ถึงที่ตั้งเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้น จึงกลับมาปิดช่องแอร์ในตำแหน่งที่ไม่มีผู้โดยสาร
ตกแต่งห้องโดยสารด้วยการผสมผสานวัสดุหลากหลายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ที่โดดเด่นคือชั้นที่ 2 ของแดชบอร์ด (บริเวณจอส่วนกลางไปถึงฝั่งผู้โดยสาร) ซึ่งตกแต่งด้วยวัสดุลายกระดาษที่เรียกว่า ‘Washi’ ซึ่งเป็นลายเดียวกับกระดาษของประตูบานเลื่อน (Shoji) ในบ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม โดย UX เป็นรถรุ่นแรกของ Lexus ที่ใช้การตกแต่งแบบนี้
แม้แต่เบาะนั่งก็มีสตอรี่! ลวดลายที่เห็นบริเวณปีกช่วงไหล่ของเบาะ เป็นการปักที่เรียกว่า ‘Sashiko’ ซึ่งเป็นเทคนิคการปักแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ใช้ในการผลิตชุดศิลปะการต่อสู้ยูโดและเคนโด้มากว่า 1,200 ปี โดยทั้งหมดปักด้วยมือจาก ‘Takumi’ ชื่อที่ Lexus ใช้เรียกตำแหน่งช่างฝีมือชั้นสูงของพวกเขา ซึ่งต้องมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในงานด้านนั้นๆ โดยเฉพาะ มากกว่า 25 ปีขึ้นไป ตัวเบาะใช้สปริงและโฟมที่ออกแบบขึ้นเฉพาะ เพื่อกระจายแรงกดบริเวณเส้นประสาท ช่วยเพิ่มความสบายให้กับผู้นั่ง
SPECIFICATIONS: LEXUS UX300e PREMIUM
- Price: ฿3,490,000
- Drivetrain: Single synchronous electric motor, 204ps, 300Nm, 54.4kWh battery
- Transmission: Single-speed automatic, Front-wheel drive
- Performance: 7.5sec 0-100km/h, 160km/h top speed, 300km range
- Weight: 2245kg
- NCAP rating: 5stars
TorqueThailand.com
