Breaking News

รีวิว ลองขับ MERCEDES-AMG SL43 สปอร์ตเปิดประทุนสุดหรู ที่ผสมผสานความแรงและความหรูหราเอาไว้อย่างลงตัว

รีวิว ลองขับ MERCEDES-AMG SL43 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 381 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ ชม. ใน 4.9 วินาที ราคาเริ่มต้น 12,000,000 บาท

MERCEDES-AMG SL43 2024

รีวิว ลองขับ MERCEDES-AMG SL43 ตำนานของไอคอน Roaster ตัวแรง

MERCEDES-AMG SL43

ความน่าทึ่งของ Mercedes-AMG SL43 อยู่ที่เครื่องยนต์ของมัน… ขุมพลัง 4 สูบเรียง วางตามยาวด้านหน้า มีความจุเพียง 2.0 ลิตร แต่ทรงพลังอย่างยิ่ง ด้วยตัวเลขกำลังสูงสุด 381 แรงม้า ที่ 6,750 รอบ/นาที และแรงบิด 480 นิวตันเมตร จาก 3,000 เต็มเพดานไปจนถึง 5,000 รอบ/นาที เคล็ดลับอยู่ที่การใช้มอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งบนแกนของเทอร์โบชาร์จ

ทำหน้าที่ปั่นให้กังหันของเทอร์โบหมุน ในระหว่างรอให้ไอเสียมีแรงดันมากพอจะหมุนกังหันฝั่งเทอร์ไบน์ได้เอง เพื่อให้เกิดบูสต์ได้เร็วตั้งแต่เครื่องยนต์ทำงานที่รอบต่ำ ผลที่ได้คือ Roadster ที่ขับได้อย่างมีชีวิตชีวา SL43 ตอบสนองคันเร่งดุดันตลอดทางจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็วสูงสุด จนแทบไม่เชื่อว่านี่เป็นฝีมือของเครื่องยนต์ 4 สูบเท่านั้น!

และ SL43 ยังมีแฮนด์ลิงที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย คุณจะไม่แปลกใจเมื่อได้อ่านประโยคต่อจากนี้… SL43 ถูกสร้างขึ้นโดยแผนก Mercedes-AMG โดยตรง ไม่ใช่การนำรถจากฝ่าย Mercedes-Benz มาปรับปรุงแต่อย่างใด… ผลลัพธ์ของการขับขี่อันน่าประทับใจมาจากแพลตฟอร์มใหม่ที่มันได้ใช้ก่อนซูเปอร์คาร์รุ่นใหญ่ซีรีส์ GT ของ AMG จะนำไปใช้ต่อเสียอีก

นี่คือสถาปัตยกรรมใหม่ที่ประกอบขึ้นจากวัสดุหลากหลายเพื่อลดน้ำหนักและมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างมาก โดยเมื่อเทียบกับ AMG GT Roadster รุ่นก่อนหน้านี้ SL ใหม่ รับแรงตามแนวยาวและแนวขวางได้มากกว่าเดิมถึงครึ่งต่อครึ่ง หรือราว 50% เลยทีเดียว

สิ่งนี้ส่งผลชัดเจนเมื่อคุณกระหน่ำ SL43 บนเส้นทางคดเคี้ยว ช่วงล่างด้านหน้าแบบ Multi-link ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Merc ร่วมด้วยช่วงล่างหลังแบบเดียวกัน องค์ประกอบส่วนใหญ่ผลิตโดยใช้กรรมวิธีฟอร์จเพื่อลดน้ำหนัก และใช้สปริงกับแดมเปอร์ที่มีน้ำหนักเบา ช่วยลดน้ำหนักใต้สปริง ช่วงล่างจึงทำงานได้แม่นยำและเฉียบคมยิ่งขึ้น

ระบบบังคับเลี้ยวที่สื่อสารทุกการเคลื่อนไหวของล้อหน้ามาสู่มือของคุณ ร่วมด้วยการส่งความเป็นไปของล้อหลังผ่านเบาะนั่งที่วางไว้เกือบปลายสุดของห้องโดยสาร ทำให้คุณได้รับสัมผัสราวกับหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของรถ จึงสามารถควบคุมอาการอันเดอร์และโอเวอร์สเตียร์ได้ง่ายดายอย่างยิ่ง

โรดสเตอร์คันงามสามารถเร่งออกจากโค้งได้รวดเร็วน่าเหลือเชื่อ ต้องปรบมือให้กับเทอร์โบที่สืบทอดเทคโนโลยีมาจากรถแข่ง Mercedes F1 ที่สร้างแรงบูสต์ได้ตั้งแต่รอบต่ำ บวกกับชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ “MCT” ที่ใช้คลัตช์หลายแผ่นแทนการใช้ทอร์คคอนเวอร์เตอร์เหมือนเกียร์อัตโนมัติทั่วไป จึงเปลี่ยนเกียร์ได้ฉับไวระดับ 100 มิลลิวินาที

(เร็วเป็นอับดับต้นๆ ของโลก) สิ่งที่คุณได้ตอบแทนกลับมาก็คือการพุ่งขึ้นสู่ความเร็วสูงสุดเพียงชั่วอึดใจ เป็นอีกครั้งที่ต้องกล่าวว่า น่าทึ่งมากสำหรับเครื่องยนต์ขนาดเพียง 2.0 ลิตร

และ SL43 ยังยอดเยี่ยมเมื่อเดินทางไกลอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเร่งแซงได้ฉับไวตามสั่ง และช่วงล่างที่ให้ความนุ่มนวลน่าประทับใจ ตัวรถทรงตัวได้เสถียรแม้การเปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูง ทั้งยังมั่นใจด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่ตึงมือกำลังดี

ส่งให้ได้สัมผัสการบังคับควบคุมที่ดี และแม้จะเป็นหลังคาผ้าใบ แต่การเก็บเสียงก็ทำได้ในระดับที่น่าพอใจอย่างยิ่ง สามารถตัดเสียงรบกวนจากทั้งสิ่งแวดล้อมโดยรอบและเสียงลมได้ไม่ต่างจากหลังคาแข็งแบบพับได้เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม อาจพูดได้ไม่เต็มปากนักว่า AMG SL43 คือรถที่สามารถขับใช้งานได้ทุกวัน เพราะถึงจะใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก และมีตัวถังขนาดกะทัดรัด ทว่าห้องโดยสารที่มีพื้นที่จำกัดจำเขี่ยตามสไตล์รถแบบโรดสเตอร์ และกระจกรอบด้านที่บีบแคบ

ทำให้รู้สึกอึดอัดเมื่อต้องนั่งอยู่ในรถนานๆ ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด แถมเบาะหลังก็คับแคบจนไม่สามารถนั่งได้ ดีที่สุดคือใช้เป็นที่เก็บของเพิ่มเติม เนื่องจากห้องเก็บสัมภาระท้ายรถก็คับแคบเช่นกัน

นั่นหมายถึง SL43 โน้มเอียงไปทาง Driver’s car เสียมากกว่า และมันก็ทำได้อย่างไร้ที่ติเสียด้วย บุคลิกที่ดุดันทว่าไม่รุนแรงจนยากแก่การควบคุม ส่งให้มันเป็นรถที่คุณสามารถขับขี่บนขีดจำกัดสูงสุดของรถได้โดยไม่ต้องกังวลจนเกินไป

และยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักขับที่อยากเริ่มต้นหาประสบการณ์การขับขี่และสั่งสมบ่มเพาะฝีมือ ก่อนก้าวเข้าสู่โลกแห่งไฮเพอร์ฟอร์มานซ์คาร์ต่อไป

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
SL สะท้อนภาพลักษณ์ของรถแบบโรดสเตอร์ได้ชัดเจน จากส่วนหน้าที่ทอดยาว, ห้องโดยสารชิดล้อหลัง และหลังคาผ้าใบ ดีไซน์โดยรวมซึ่งดูเตี้ยและกว้าง เป็นผลมาจากความกว้างฐานล้อ หน้า/หลัง ที่ 1,665/1,629 มม. ส่วนความยาวฐานล้ออยู่ที่ 2,700 มม. ตัวถังที่งดงามนี้ครอบอยู่บนแพลตฟอร์มน้ำหนักเบาเพียง 270 กก. ผลิตจากอลูมิเนียมผสม ที่ออกแบบขึ้นจากฝ่าย AMG โดยตรง ทุกชิ้นส่วนได้รับการสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยไม่มีการนำองค์ประกอบของ SL รุ่นก่อนหน้านี้ หรือแม้กระทั่งรุ่น GT Roadster (รุ่นที่แล้ว) มาใช้แม้แต่ชิ้นเดียว และแน่นอนว่า พุ่งเป้าไปที่ประสิทธิภาพการขับขี่เป็นสำคัญ จึงใส่ใจเป็นพิเศษในเรื่องลดการบิดตัวของโครงสร้าง ทั้งตามแนวยาวและแนวขวาง กรอบของกระจกหน้าที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ร่วมด้วยโรลบาร์ที่ซ่อนไว้บริเวณเบาะหลัง และจะยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดการพลิกคว่ำ ช่วยปกป้องผู้โดยสารจากอุบัติเหตุเมื่อขับขี่แบบเปิดหลังคา

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
การออกแบบที่นำเอาความคลาสสิคของรถตระกูล SL ซึ่งมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1952 มาตีความใหม่ให้ร่วมสมัยยิ่งขึ้น ส่งให้ SL43 ยังคงสะท้อนร่างเงาของสายเลือดสปอร์ตคาร์แห่งแบรนด์ Mercedes ออกมาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทว่าเป็นไปในรูปแบบที่โฉบเฉี่ยวล้ำยุค และสง่างามยิ่งขึ้น จุดเด่นอยู่ที่หลังคาเปลี่ยนจากหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ มาใช้วัสดุผ้า ซึ่งได้เปรียบในแง่ของน้ำหนักที่เบากว่าและใช้พื้นที่จัดเก็บน้อยกว่า ด้วยโครงสร้างนี้ส่งให้ตัดน้ำหนักออกไปได้ถึง 21 กก. จึงลดจุดศูนย์ถ่วงลงได้อย่างเห็นผลชัดเจน ผ้าหลังคา 3 ชั้น แบ่งออกเป็นผ้าชั้นนอกแบบยืดหยุ่นได้ คั่นด้วยแผ่นซับเสียงทำจากวัสดุคุณภาพสูงความหนาแน่น 450 กรัม/ตารางเมตร และชั้นในสุดเป็นแผ่นบุภายในห้องโดยสาร ตัวหลังคาสามารถเปิดหรือปิดได้ใน 15 วินาที และทำงานได้ขณะขับขี่ไม่เกิน 60 กม./ชม. สั่งการโดยกดปุ่มบนบาร์ใต้หน้าจอส่วนกลาง จากนั้นจอจะแสดงแถบควบคุมหลังคา คุณต้องสไลด์ปุ่มไปทางขวา (เหมือนปลดล็อคหน้าจอมือถือ) และค้างเอาไว้จนกว่าหลังคาจะเสร็จสิ้นกระบวนการ หลังจากนั้น หน้าจอส่วนกลางจะปรับระดับตั้งขึ้น 20 องศา (จาก 12 เป็น 32 องศา) เพื่อลดแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
ไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยวรูปทรงแบบเดียวกับรถซีรีส์ CL ใช้พื้นหลังสีดำเพื่อขับให้ไฟ DRL และไฟหลักแบบ Digital Light โดดเด่นออกมา ทั้งยังเพิ่มลุคดุดันให้กับหน้ารถอีกด้วย ส่วนไฟท้ายก็ให้อารมณ์เหมือนกลุ่ม CL เช่นกัน หลอมรวมกลมกลืนกับท้ายรถได้อย่างแนบเนียน ใช้เทคโนโลยีใยแก้วนำแสง และมีดีไซน์แท่งไฟแนวตั้งต่างระดับแบบเดียวกับที่ใช้ใน S-class ใหม่

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
แอโรแพคเกจของ SL43 เป็นแบบแอคทีฟที่เรียกว่า AIRPANEL ควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์เพื่อความแม่นยำและให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด โดยครีบแนวนอนซึ่งติดตั้งไว้ด้านในของช่องรับอากาศด้านบน จะปิดเพื่อลดแรงต้านอากาศหน้ารถ (แม้ขณะใช้ความเร็วสูง) และจะเปิดอัตโนมัติเฉพาะกรณีที่อุณหภูมิทำงานเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับที่กำหนดเท่านั้น ส่วนสปอยเลอร์ที่ซ่อนตัวแนบสนิทกับฝาท้ายจะเริ่มยกตัวขึ้นอัตโนมัติที่ความเร็ว 80 กม./ชม. และสามารถปรับตำแหน่งและองศาของปีกได้ 5 ระดับ โดยทั้งหมดควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ที่นำข้อมูลของความเร็วรถ, แรงเหวี่ยงด้านข้างและตามแนวยาว และความเร็วของการหมุนพวงมาลัย มาคำนวณเพื่อปรับปีกให้เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนั้น คือเพื่อสร้างแรงกดหรือสร้างแรงต้านนั่นเอง

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
คันทดสอบของเรามาพร้อมกับตัวถังสี MANUFAKTUR Monza Grey Magno ซึ่งเป็นสีพิเศษเฉพาะรุ่น SL เท่านั้น ร่วมด้วยการติดตั้ง AMG Night Package ที่เปลี่ยนชิ้นส่วนโครเมี่ยมต่างๆ เป็นสีดำเงา อาทิ ลิ้นหน้า, กระจกมองข้าง, ส่วนตกแต่งบริเวณสเกิร์ตข้าง, ดิฟฟิวเซอร์, ปลายท่อไอเสีย เป็นต้น ในขณะที่ตัวอักษรและตราสัญลักษณ์ต่างๆ เป็นโครเมี่ยมสีดำ

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
เพราะ SL ใหม่ เป็นรถที่กำเนิดจากฝ่าย AMG โดยตรง ดังนั้น แม้จะเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ แต่ก็ถูกประกอบขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยมือ พร้อมเพลทชื่อผู้ประกอบ เช่นเดียวกับขุมพลังตระกูล V8 จุดเด่นของเครื่องยนต์ตัวนี้อยู่ที่ตัวเทอร์โบชาร์จซึ่งนำเทคโนโลยีจากรถแข่ง Mercedes-AMG Petronas F1 Team โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาอัตราเร่งในช่วงเครื่องยนต์ทำงานรอบต่ำ ซึ่งยังมีแรงดันไอเสียไม่มากพอที่จะทำให้กังหันฝั่งไอเสียหมุนได้เร็วพอ ทำให้เทอร์โบสร้างบูสต์ไม่ได้เท่าที่ควร ทางออกก็คือการใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาทำหน้าที่หมุนแกนกังหันโดยตรง จึงไม่ต้องรอแรงดันไอเสียอีกต่อไป ตัวมอเตอร์มีความหนาเพียง 4 ซม. ติดตั้งคั่นกลางระหว่างกังหันไอดีและไอเสียของเทอร์โบ ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ สามารถหมุนกังหันให้เร่งความเร็วได้สูงพอที่จะทำให้เกิดแรงบูสต์ในทันที โดยทำรอบสูงสุดได้ถึง 170,000 รอบ/นาที นั่นหมายถึง เทอร์โบสามารถสร้างแรงบูสต์ได้ทันทีตั้งแต่ออกตัว ทั้งยังรักษาระดับแรงบูสต์ไว้เสมอแม้ขณะถอนคันเร่งก็ตาม ทั้งตัวเทอร์โบ, มอเตอร์ไฟฟ้า และแหล่งพลังงานไฟฟ้า ใช้การระบายความร้อนร่วมกับระบบของเครื่องยนต์ เพื่อให้มั่นใจว่าเทอร์โบจะทำงานในอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีจาก F1 นี้ ทำให้ขุมพลัง 4 สูบ ขนาดเพียง 2.0 ลิตร ตัวนี้ ทำกำลังได้ถึง 381 แรงม้า, 480 นิวตันเมตร เร่งจากจุดหยุดนิ่งสู่ 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.9 วินาที และที่น่าสนใจก็คือ มันมีอัตราสิ้นเปลืองไม่ต่างจาก “รถบ้าน” เพียง 11 กม./ลิตร เท่านั้น!

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
เป็นครั้งแรกของ SL ที่ติดตั้งชุดเกียร์ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จุดเด่นอยู่ที่การใช้คลัตช์น้ำมันแบบหลายแผ่นแทนทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ซึ่งมีข้อดีหลายประการ ทั้งทำให้ชุดเกียร์มีน้ำหนักเบากว่า จากขนาดที่กะทัดรัด ที่สำคัญก็คือ สามารถเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์สู่เกียร์ได้เร็วระดับสายฟ้าฟาดที่ 100 มิลลิวินาที ในโหมด Sport ขึ้นไป พร้อมระบบ Double-declutch ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกับที่นักแข่งใช้ในการขับขี่รถเกียร์ธรรมดาเมื่อต้องการเปลี่ยนลงเกียร์ต่ำ อธิบายสั้นๆ ก็คือ การเหยียบและปล่อยคลัตช์ 2 ครั้ง (อย่างรวดเร็ว) โดยเหยียบคลัตช์ครั้งแรกเพื่อปลดสู่เกียร์ว่าง จากนั้นปล่อยคลัตช์พร้อมเหยียบคันเร่งเพื่อเพิ่มรอบเครื่องให้แมทช์กับเกียร์ที่ต่ำลง แล้วเหยียบคลัตช์อีกครั้งเพื่อเข้าเกียร์ และปล่อยคลัตช์ ด้วยวิธีนี้ทำให้เกียร์และเครื่องยนต์หมุนที่ความเร็วใกล้เคียงกัน… ฟังดูยากและวุ่นวาย แต่เกียร์ MCT ทำทั้งหมดนี้ให้คุณอัตโนมัติ… ระบบ Double-declutch ช่วยให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับอรรถรสแบบเกียร์ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปลี่ยนเกียร์เองในโหมด Manual ผ่านแพดเดิลหลังพวงมาลัย

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
คันทดสอบติดตั้งแพคเกจ AMG DYNAMIC PLUS มาให้ด้วย นั่นหมายถึงนอกจาก 5 โหมดมาตรฐาน (Slippery, Comfort, Sport, Sport+ และ Individual) แล้ว คุณยังได้โหมดพิเศษ “RACE” เพิ่มมาอีกด้วย ที่โหมดนี้ ระบบจะปรับให้รถพร้อมสำหรับการขับขี่เพื่อแข่งขันมากขึ้น ด้วยเครื่องยนต์และคันเร่งที่ตอบสนองฉับไวเป็นพิเศษ นอกจากนั้น ในแพคเกจยังมาพร้อมกับจุดยึดแท่นเครื่องแบบไดนามิกส์ ซึ่งสามารถแปรผันความยืดหยุ่นได้ตามรูปแบบการขับขี่ จากนุ่มนวลเพื่อการขับขี่ปกติไปจนถึงขึงตึงสำหรับใช้ในสนามแข่ง, เฟืองท้ายพร้อมลิมิเต็ดสลิปควบคุมด้วยอิเลกทรอนิกส์, ช่วงล่างเตี้ยกว่าเดิม 10 มม. และคาลิเปอร์เบรกสีเหลือง

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
ระบบบังคับเลี้ยวให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมเมื่อขับขี่แบบสปอร์ต ทั้งยังมีน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับแต่ละโหมดการขับขี่ พวงมาลัยสปอร์ตมีขนาดกำลังเหมาะมือและจัดวางในตำแหน่งที่ลงตัวกับนั่งอย่างยิ่ง แน่นอนว่ามาพร้อมกับปุ่มหมุน (และกดลงไปบนหน้าจอได้) สำหรับเลือกโหมดการขับขี่ที่ฝั่งขวาและเป็น Shortcut การปรับแต่งระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ อาทิ การเปลี่ยนเกียร์แบบ Manual, ปรับเสียงท่อไอเสีย, ปรับช่วงล่าง เป็นต้น ที่ปุ่มฝั่งซ้าย
MERCEDES-AMG SL43 2024
SL ใหม่ เป็นรถรุ่นของ Mercedes ที่ใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบมัลติลิงค์ ซึ่งมีจุดยึดทั้ง 5 ติดตั้งกระจายออกไปรอบๆ บริเวณด้านในของล้อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกลศาสตร์การเคลื่อนไหว (ของอาร์มต่างๆ) ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีการลดน้ำหนักใต้สปริงด้วยการใช้ฟอร์จอลูมิเนียมที่แขนยึดช่วงล่าง, ลูกหมาก และดุมล้อ ร่วมด้วยคอยล์สปริงที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยใช้วิธีขึ้นรูปแบบพิเศษและใช้กาวติดแผ่นรองสปริงเข้ากับขดสปริงโดยตรงเพื่อลดการสึกหรอ ช่วยตัดน้ำหนักออกไปได้ขดละ 2 ขีด หรือเมื่อรวมทั้ง 4 ล้อ เบากว่าเดิมถึง 0.8 กก. ทีเดียว! การลดน้ำหนักอื่นๆ ของช่วงล่างยังรวมไปถึงเหล็กกันโคลงแบบหลายระดับความหนา โดยส่วนที่หนาที่สุดจะมีเพียงบริเวณลูกยางยึดกันโคลงเท่านั้น เพื่อรับแรงเฉพาะโหลดสูงสุดเท่านั้น แดมเปอร์แบบอแดปทีฟก็ผลิตจากอลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักเช่นกัน มาพร้อมกับระบบควบคุมเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ทำงานได้แม่นยำและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
MERCEDES-AMG SL43 2024
ระบบเบรกใช้ดิสก์เหล็กร่วมกับคาลิเปอร์สีเหลือง (มาพร้อมแพคเกจ AMG DYNAMIC PLUS) ทำจากอลูมิเนียม และเชื่อมต่อกันด้วยพินแบบพิเศษ ด้วยวิธีนี้จึงทำให้มีพื้นที่ (ด้านหลังเบรก) มากขึ้น สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการระบายความร้อนระบบเบรก นอกจากนั้น ช่องระบายบนดิสก์ยังใช้การจัดเรียงแพทเทิร์นแบบใหม่ ซึ่งให้ผลดีถึง 4 ประการคือ ลดน้ำหนัก, กระจายความร้อนได้ดี, ตอบสนองเร็วยิ่งขึ้นขณะเบรกบนสภาพเปียก และไล่ฝุ่นออกจากระบบได้ดีกว่าเดิม ล้อขนาด 21 นิ้ว ในคันทดสอบของเรา เป็นอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษ

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
แม้สร้างมาเพื่อการขับขี่แบบสปอร์ต ทว่า SL43 ก็มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือขณะขับขี่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน โดยข้อมูลจากเซนเซอร์รอบคัน, กล้อง และเรดาร์ มาประมวลผลเพื่อควบคุมรถแบบกึ่งขับขี่อัตโนมัติ พร้อมแสดงผลแบบเรียลไทม์บนจอสำหรับผู้ขับขี่ สามารถมองเห็นรถ, ช่องทาง, เครื่องหมายช่องทางเดินรถ และผู้ใช้ถนนอื่นๆ เช่น รถยนต์ รถบรรทุก และรถสองล้อ ในรูปแบบ 3 มิติ
MERCEDES-AMG SL43 2024
ห้องโดยสารที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไว้ซึ่งความสปอร์ต แดชบอร์ดทรงปีกที่ดูแข็งแกร่งออกแบบให้แยกเป็นสองชั้น โดดเด่นด้วยช่องแอร์แบบกังหันตกแต่งด้วยสีกัลวาไนซ์และติดตั้งฝังลึกเข้าไปในรูปทรงโดม ช่วยให้มีภาพลักษณ์ที่ดูทรงพลัง คอนโซลกลางขนาดใหญ่ออกแบบให้ดูเชื่อมต่อกับแดชบอร์ดส่วนล่างและแบ่งค็อกพิตออกเป็น 2 ส่วนชัดเจน ตกแต่งห้องโดยสารด้วยแพคเกจ MANUFAKTUR ซึ่งมาพร้อมกับชิ้นส่วนสี Black Chrome ตามจุดต่างๆ ขณะที่เพดานหุ้มด้วยหนังไมโครไฟเบอร์ DINAMICA ส่วนบนของแดชบอร์ดและแผงประตูหุ้มหนังสังเคราะห์ ARTICO

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
เบาะนั่ง AMG Performance ทรงสปอร์ต หุ้มด้วยหนัง Nappa สุดหรู สามารถปรับได้หลายทิศทาง พร้อมระบบนวดและปีกเบาะที่สามารถปรับให้กระชับขึ้นได้อัตโนมัติเมื่อเลือกการขับขี่โหมด Sport ขึ้นไป และยังมีระบบ AIRSCARF ซึ่งใช้พัดลมทำหน้าที่ดูดอากาศ (จากด้านหลังพนักพิงศีรษะ) เข้ามาปล่อยในระดับคอของผู้นั่ง ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ในฤดูหนาว (ทั้งเปิดและปิดหลังคา) โดยอากาศอุ่นที่ปล่อยออกมาจะหมุนวนอยู่บริเวณรอบลำคอจนเหมือนกับ “ผ้าพันคออากาศ” ตามชื่อของมันนั่นเอง

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
จอแสดงผล LCD ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากอากาศยาน ติดตั้งฝังเข้าไปในแดชบอร์ดและล้อมรอบด้วยแผ่นบังแสงที่ออกแบบให้สามารถลดสะท้อนจากดวงอาทิตย์ในตำแหน่งต่างๆ ตลอดทั้งวันได้ แม้ขับขี่แบบเปิดหลังคาก็ตาม หน้าจอสามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้หลากหลายและเรียกดูข้อมูลสำคัญต่างๆ ได้ครบถ้วน ร่วมด้วยระบบ HUD แสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ ที่สามารถปรับแต่งการแสดงข้อมูลได้หลากหลายเช่นกัน

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
ดีไซน์ของคอนโซลกลางเลียนแบบช่องดักอากาศทรง NACA ที่รถสปอร์ตในอดีตนิยมใช้… จอส่วนกลางแนวตั้งขนาดใหญ่ถึง 11.9 นิ้ว ระบบสัมผัส ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ MBUX เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด (เจเนอเรชั่นที่ 2) มีหลายฟังก์ชั่นที่นำมาจาก S-class จึงมั่นใจได้ในด้านความหรูหราสะดวกสบาย User Interface เป็นดีไซน์ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะรถตระกูล AMG เท่านั้น แน่นอนว่าทุกการควบคุมถูกรวบรวมไว้บนหน้าจอนี้ พร้อมซอฟต์แวร์ใหม่ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถเรียกดูข้อมูลต่างๆ ได้จากก้านควบคุมระบบสัมผัสแบบ Haptic บนพวงมาลัย หรือที่ทัชแพดบนคอนโซลกลาง ชุดลำโพงรอบทิศทาง Burmester 3D Surround Sound System ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024

MERCEDES-AMG SL43 2024
นอกจากระบบความบันเทิงแล้ว หน้าจอส่วนกลางยังเป็นพื้นที่สำหรับการแสดงผลด้านสมรรถนะของรถอีกด้วย เพียงกดปุ่ม “AMG” บนบาร์ระบบสัมผัสแบบ Haptic ใต้หน้าจอ คูณจะเข้าสู่เมนูการแสดงข้อมูลประสิทธิภาพและการทำงานต่างๆ ของรถ อาทิ แรงม้า, แรงบิด, แรงกระทำด้านข้าง ไปจนถึงสถานะของรถแบบเรียลไทม์ เช่น แรงดันลมยาง, อุณหภูมิของเหลว (น้ำมันเครื่อง, หม้อน้ำ เป็นต้น) นอกจากนั้น ยังมีเมนู AMG ‘TRACK PACE’ ซึ่งใช้ซอฟต์แวร์ร่วมกับระบบ MBUX เพื่อบันทึกข้อมูลของรถกว่า 80 รายการ อาทิ ความเร็ว, อัตราเร่ง, องศาพวงมาลัย, การเหยียบเบรก ฯลฯ ได้ถึง 10 ครั้งต่อวินาที ขณะขับขี่ในสนามแข่ง พร้อมการแสดงเวลาต่อรอบและเวลาแต่ละเซกชั่นของสนามขึ้นบนจอส่วนกลาง, กระจกหน้า (ผ่าน HUD) และจอสำหรับผู้ขับขี่ได้ โดยคุณสามารถบันทึกสนามของตัวเอง (เช่นสนามพีระฯ สนามช้างฯ เป็นต้น) เข้าไปในระบบได้ จากนั้นระบบจะแสดงองศาการเข้าโค้งและจุดเบรกที่เหมาะสมของสนาม เพื่อช่วยให้คุณสามารถหาไลน์ที่เหมาะสมได้ง่ายยิ่งขึ้น จากนั้น คุณสามารถบันทึกไลน์ต่างๆ ไว้ เพื่อให้ระบบนำขึ้นมาแสดงผลบนหน้าจอมัลติมีเดียเพื่อเป็นไกด์ในการปรับปรุงการขับขี่ของคุณต่อไปได้อีกด้วย

MERCEDES-AMG SL43 2024

SPECIFICATIONS:  MERCEDES-AMG SL43

  • Price: ฿12,000,000
  • Engine: 1991cc turbo inline-4, 381hp @ 6750rpm, 480Nm @ 3000-5000rpm
  • Transmission: 9-speed MCT automatic, rear-wheel drive
  • Performance: 4.9sec 0-100km/h, 275km/h top speed, 10.6-11.2km/l, 201-214g/km CO2
  • Weight: 1810kg

Check Also

Kia EV5 Earth Exclusive AWD 2024

รีวิว ลองขับ Kia EV5 Earth Exclusive AWD รถไฟฟ้าจากเกาหลี ที่เติมอรรถประโยชน์ในการใช้งานที่คุ้มค่า

รีวิว ลองขับ Kia EV5 Earth Exclusive AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตัน-เมตร …