รีวิว ลองขับ MG MAXUS 9 ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า 100% 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร วิ่งไกล 540 กิโลเมตร Model X ราคา 2,499,000 บาท
รีวิว ลองขับ MG MAXUS 9 PREMIUM e-MPV 7 ที่นั่ง รุ่น X รองท็อป
MG MAXUS 9
“การมาของ MAXUS 9 ทำให้รู้ว่าแบรนด์ MG เอาจริง เอาจัง กับการทำตลาด ยนตรกรรมพลังไฟฟ้า 100% ในบ้านเรามากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญ MG MAXUS 9 ก็ได้รับการตอบรับจากชาวไทยอย่างล้นหลามซะด้วย”
เรียกว่าเป็นการบุกเบิกตลาดครั้งสำคัญเลยก็ว่าได้ สำหรับ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย กับการมาของ MG MAXUS 9 ยนตรกรรอเนกประสงค์แบบ Luxury MPV 7 ที่นั่ง พลังไฟฟ้า 100%
ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มีจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นย่อยด้วยกัน คือ พระเอกของเรา Model X ค่าตัว 2,499,000 บาท และสูงสุดกับรุ่น Model V ราคา 2,699,000 บาท
โดยทั้ง 2 รุ่น จะมากับขนาดตัวถัง คือ ความยาว 5,270 มม., ความกว้าง 2,000 มม., ความสูง 1,840 มม. วางตัวบนความยาวฐานล้อ 3,200 มม. และความกว้างฐานล้อหน้า และล้อหลัง ที่ 1,690 มม. และ 1,712 มม. พร้อมความสูงใต้ท้องรถ 140 มม. ที่มากับความสปอร์ตด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยาง 235/55 R19
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกของทั้ง 2 รุ่น ประกอบด้วย ชุดไฟหน้าแบบ LED, ชุดไฟท้ายแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential, ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights),
ระบบควบคุมการ เปิด – ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว, ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง, สปอยเลอร์หลัง และหลังคาซันรูฟในด้านหน้า กับแบบพาโนรามิกในด้านหลัง
ส่วนอุปกรณ์ภายใน และความสะดวกสบายของทั้ง 2 รุ่นมีความต่างกันในบางรายละเอียด เช่น รุ่นท็อป Model V จะมีการเพิ่มเติม เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึก ระบบนวด และระบบปรับอุณหภูมิ กับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมระบบนวด และระบบปรับอุณหภูมิ
รวมถึงเบาะนั่งแถวสอง Captain Seats แบบ VIP พร้อมระบบนวด และระบบปรับอุณหภูมิ แล้วก็ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมระบบ Streaming Media Rearview Mirror มาให้ ขณะที่รุ่นเริ่มต้น Model X ซึ่งอยู่กับเราในตอนนี้จะไม่มีสิ่งต่างๆ ดังที่กล่าวไปข้างต้น
แต่สิ่งที่เรามองว่า “คุ้มค่า” และ “น่าสนใจ” ก็คือ ระบบความปลอดภัย เพราะไม่ว่าจะรุ่นเริ่มต้น หรือรุ่นสูงสุด ก็จัดมาให้แบบเท่าๆ กัน ไล่เรียงด้วย ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย, ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake),
ระบบป้องกันการไหลของรถ โดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold), ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist), ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System),
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System), ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
ต่อด้วยระบบเปิด – ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam Control), ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal), ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light), ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System),
ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System), ระบบช่วยเตือนการชน FCW และระบบช่วยเบรก AEB, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันACC (Adaptive Cruise Control), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist),
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning), ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA / BSD / RCTA / DOW),
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ที่นั่งแถวที่ 2 และ 3, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ตลอดจนสัญญาณเตือนระยะทั้งด้านหน้า และหลัง
MG MAXUS 9 ทั้ง 2 รุ่นย่อย ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า 100% จากแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดความจุ 90 กิโลวัตต์ สู่มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ที่มีกำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 245 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สามารถทำระยะทางวิ่งได้สูงสุด คือ 540 กิโลเมตร
โดยรองรับการชาร์จเร็วสูงสุดที่ 120 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จไฟจาก 30% – 80% ในเวลาเพียง 30 นาที และการชาร์จแบบธรรมดาสูงสุดที่ 11 กิโลวัตต์ ใช้เวลาจาก 5% – 100% ในเวลาราวๆ 8 ชั่วโมงครึ่ง
ขณะที่การควบคุมเป็นหน้าที่ของระบบพวงมาลัยแบบผ่อนแรง และควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) ตามด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท จับคู่กับด้านหลังแบบอิสระ มัลติลิงค์
ในเรื่องของ “ สมรรถนะ” เรียกได้ว่า “ถูกใจ” ทีเดียว ตั้งแต่เรื่องของงานออกแบบให้สามารถเข้า – ออก ตัวรถได้ง่าย อีกทั้งยังมีทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม จากลักษณะของตัวรถสไตล์ MPV ซึ่งทำให้การขับขี่ในเมืองไม่เป็นเรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป
เหนืออื่นใด คือ ความคล่องตัวอย่างคาดไม่ถึงในรถเอนกประสงค์ MPV เพราะอันดับแรกเลย คือ ทัศนวิสัยที่ดีสร้างความมั่นใจการขับขี่ได้มาก พร้อมด้วยการตอบสนองที่รวดเร็วทันใจ จากความสามารถของรถไฟฟ้า 100% ที่มีเรี่ยวแรงมาให้ใช้ทันทีเมื่อกดคันเร่ง
หลังจากสนุกสนานกับการขับขี่ในเมืองเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่เราจะลองขีดความสามารถในการเป็นรถเดินทางดูบ้าง ด้วยทางด่วนที่ใกล้ที่สุด เพียงอึดใจรถรา ที่ร่วมท้องถนนก็บางตา เอื้ออำนวยให้เราใช้ความเร็วได้มากขึ้น
ซึ่งบอกเลยว่าเรื่องความแรง ไม่ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นกับตัวเลข 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร แบบไม่มีรอบเครื่องให้หงุดหงุด จะทำเอาคุณลืมไปเลยว่ากำลังขับรถ MPV คันใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงจังหวะกดคันเร่ง เร่งแซง และ MG MAXUS 9 ก็หยิบยื่นความกระฉับกระเฉงให้ได้สัมผัสกันเลยทันที
อารมณ์ของช่วงล่าง ซึ่งมีพื้นฐานด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท จับคู่กับด้านหลังแบบอิสระ มัลติลิงค์ และแม้จะติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วมาให้เป็นมาตรฐานก็ตาม แต่รวมๆ แล้วค่อนข้างเป็นการปรับเซ็ทมาเพื่อรองรับสไตล์ความเป็นรถอเนกประสงค์ MPV ทำให้รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลที่มากกว่า เวลาขับขี่ในเมือง หรือในการใช้ความเร็วต่ำ
แล้วก็อาจจะตอบโจทย์ความได้ไม่เท่าที่คาดหวังไว้เท่าไหร่ เมื่อใช้ความเร็วสูง หรือ สับเปลี่ยนเลนไปมา แต่ถ้าหากวิ่งตรงๆ บอกเลยว่าคุณจะสัมผัสได้ถึงความ “นิ่ง” ที่ทำให้ผู้โดยสารถึงกับเอ่ยปากว่า “นั่งสบาย” แถมเราเองในฐานะผู้ขับขี่ ก็สามารถพูดได้เต็มปาก เต็มคำด้วยเช่นกันว่า “ขับสบาย” จนเราเองยังอยากได้ไว้ครอบครองซักคัน
เพราะหากพูดถึงเรื่องการใช้งานบอกได้เลยว่า “เข้าถึงไม่ยาก” เนื่องจากจุดเปลี่ยนหลักๆ ก็แค่เรื่องของพลังงานจาก “น้ำมัน” มาเป็น “ไฟฟ้า” ขณะที่เรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุม, ตำแหน่งของระบบส่งกำลังเองก็ยังเป็นอะไรที่คุ้นเคยทุกอย่าง จนแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรทั้งสิ้นในการขับขี่ ยกเว้นสิ่งเดียวก็คือพฤติกรรมของตัวเอง ที่อาจจะต้องใส่ใจวางแผนการเดินทางมากขึ้นอีกนิด
พร้อมกับเพิ่ม Application เข้าไปในสมาร์ทโฟน และเรียนรู้วิธีการใช้งานมากขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตร่วมกับ ยนตรกรรมพลังไฟฟ้า 100% ได้มีความสุขมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้าไปพักผ่อนต่างจังหวัด … ง่ายๆ เพียงเท่านั้น ก็สามารถทำให้คุณเข้าถึงความ “คุ้มค่า” ของ MG MAXUS 9 ได้ชัดเจนแล้วครับ
Specification: MG MAXUS 9
- Price: 2,499,000 BHT
- Electric Motor: 245 hp / 350 Nm
- Transmission: Electric Transmission
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight: N/A