รีวิว ลองขับ MINI John Cooper Works Hatch Classic สีใหม่ “Zesty Yellow” กำลังสูงสุด 231 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 6.1 วินาที
รีวิว ลองขับ MINI John Cooper Works Hatch Classic ราคา 3.468 ลบ.
MINI John Cooper Works Hatch Classic
Hot Hatch จาก Mini เวอร์ชั่นปรับโฉมล่าสุด ไม่มีอะไรให้พูดถึงนักทั้งในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงและสมรรถนะ แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด… ความยอดเยี่ยมของ Mini Hatchback ที่มาพร้อมกับอักษร J-C-Wทำให้เราประทับใจเสมอมา
การได้กลับมาอยู่ในรถรุ่นนี้อีกครั้ง – แม้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนัก – จึงเหมือนการได้หวนมาพบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่าที่รู้ใจ ไปไหนไปกัน และที่สำคัญก็คือ เพื่อนคนนี้เร็วเป็นขีปนาวุธเลยทีเดียว!
พละกำลังขนาด 231 แรงม้า อาจไม่หวือหวาอะไรนักในปัจจุบัน แต่อย่าลืมว่านี่คือ ‘Mini’ ยนตรกรรมที่คล่องแคล่วปราดเปรียว และให้ความสนุกในการขับขี่ได้ในวิถีที่เฉพาะเจาะจง แบบที่ไม่มีรถรุ่นใดในคลาสเดียวกันทำได้
คุณและเพื่อนซี้สี่ล้อคันจิ๋วฉวัดเฉวียนไปตามเส้นทางคดเคี้ยวอย่างกระฉับกระเฉง, เร่งออกจากโค้ง และทะยานตรงไปข้างหน้าเพื่อเผชิญกับโค้งอื่นๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ร่วมด้วยอะดรีนาลีนที่พุ่งพล่านไปทั่วตัว
นับจากวันแรกที่เข้ามาอยู่ภายใต้หลังคาของ BMW ยนตรกรรมจากอังกฤษรุ่นนี้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกมันทรงพลังยิ่งขึ้น, ขับสนุกยิ่งขึ้น และมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ผมยังจำความกระเด้งกระดอนและ Torque Steer ของ JCW รุ่นแรก ( Mini โดย BMW) ได้ดี
ความดิบและเดือดดานเหล่านี้ถูกลดทอนลง จนปัจจุบัน Mini JCW กลายเป็นรถที่เร็วเป็นพายุ ทว่าสามารถขับขี่ได้สบายขึ้นและใช้งานในชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องเกร็งไปทั้งตัวอีกต่อไป ต้องขอบคุณช่วงล่าง Adaptive
ซึ่งทำงานยอดเยี่ยม นุ่มนวลในการขับขี่ทั่วไปและขึงตึงยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ในโหมด “ความสนุก” ร่วมด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่เฉียบขาด, แม่นยำ และสื่อสารชัดเจน ส่งให้ Mini JCW ควบคุมง่าย จนคุณมอบความไว้ใจให้เต็มร้อย
คุณสามารถเร่งจากจุดหยุดนิ่งสู่ 100 กม./ชม. ได้ใน 6.1 วินาที และถ้ายังคงกดคันเร่งมิดพรมไว้อย่างนั้น Mini JCW จะพาคุณสู่ความเร็วสูงสุดของมันที่ 246 กม./ชม. ในเวลาไม่นานเกินรอ แรงบิดขนาด 320 นิวตันเมตร ที่มีให้ใช้เต็มพิกัดตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,450 รอบ/นาที และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราทดชิด
คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้รถมีความคล่องตัวเป็นพิเศษ คุณจะสัมผัสได้ถึงแรงดึงมหาศาลจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือรถที่มีเพียง 200 แรงม้านิดๆ
แน่นอนว่าเพื่อนเก่าคันนี้ของเราไม่เคยทำให้ผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเวอร์ชั่น JCW ที่เพิ่มดีกรีความสนุกในการขับขี่ขึ้นไปอีกขั้น แม้ปัจจุบันมีรถพละกำลังสูงกว่านี้ออกมาในตลาดมากมาย ทว่าเสน่ห์เฉพาะตัวของ Mini ยังคงมัดใจใครหลายคนไว้ได้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
นี่คือรถที่นิยามคำว่า “ขับสนุก” ได้แบบเห็นภาพชัดเจนที่สุด ดังนั้น ถ้าคุณชื่นชอบการขับขี่แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนล่ะก็… ตรงไปที่โชว์รูม Mini และลองไปหวด JCW ดูสัก 2-3 เกียร์ ครับ
ชุดไฟหน้าทรงกลมเอกลักษณ์สำคัญของ Mini ใช้ไฟส่องสว่างแบบ Matrix LED พร้อม DRL ที่เป็นไฟเลี้ยวในตัว ขณะที่ไฟท้าย Union Jack ทำหน้าที่บ่งบอกต้นกำเนิดที่น่าภาคภูมิใจของรถ
ไม่เพียงโดดเด่นเท่านั้น แต่ทุกช่องในกันชนล้วนมีหน้าที่ของมันทั้งสิ้น กระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมแถบคาดสีแดงและตราสัญลักษณ์ ‘John Cooper Works’ ถูกล้อมรอบด้วยช่องดักอากาศสำหรับลำเลียงไปยังแผงระบายความร้อนต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่ารถจะมีอุณหภูมิที่เหมาะสมเสมอแม้ขณะทำงานหนักเมื่ออยู่ในสนามแข่งก็ตาม
ในแง่ของอากาศพลศาสตร์ ชุดแอโรของ Mini JCW ได้รับการออกแบบขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อทำหน้าที่จัดการกับกระแสอากาศทั้งการลดแรงต้านและเพิ่มแรงกดเพื่อให้รถทรงตัวได้มั่นคงที่ความเร็วสูง… จากสปลิทเตอร์ที่ส่วนล่างของกันชนหน้า สู่สเกิร์ตข้าง, ดิฟฟิวเซอร์ที่กันชนหลัง และสปอยเลอร์บนหลังคา ทั้งหมดล้วนทำหน้าที่ด้านแอโรไดนามิกส์ทั้งสิ้น
เมื่อเป็นเวอร์ชั่น JCW ชิ้นส่วนต่างๆ ที่เคยเป็นโครเมี่ยม (ในรุ่นมาตรฐาน) จึงถูกเปลี่ยนเป็นสีดำเงา ‘Carbon Black’ ทั้งหมด
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ตัวเดียวกับที่มีอยู่ใน Cooper S รุ่นมาตรฐาน ได้รับการเพิ่มกำลังด้วยเทอร์โบที่สร้างขึ้นสำหรับรุ่น JCW โดยเฉพาะ ด้วยวัสดุที่ทนความร้อนสูงได้ดียิ่งขึ้น ติดตั้งรวมอยู่กับท่อร่วมไอเสียเพื่อลดระยะทางเดินของก๊าซ (ไอเสีย) ให้สั้นที่สุด เทอร์โบจึงติดบูสต์ได้เร็วยิ่งขึ้น ร่วมด้วยการเปลี่ยนมาใช้ลูกสูบแบบใหม่เพื่อลดกำลังอัดในห้องเผาไหม้ลง รองรับแรงบูสต์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
Mini JCW เริ่มเปลี่ยนจากเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (รุ่นปี 2015) มาเป็นเกียร์รุ่นใหม่ 8 จังหวะ (ตั้งแต่รุ่นปี 2017) ด้วยเหตุผลเรื่องการควบคุมมลพิษให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้น ข่าวร้ายก็คือ เกียร์ชุดใหม่ไม่ได้ช่วยให้ JCW เร็วขึ้น แต่ข่าวดีก็คือ คุณจะได้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลยิ่งขึ้นจากอัตราทดชิดกว่าเดิม ส่งให้รอบเครื่องตกลงมาเพียงเล็กน้อยเมื่อเปลี่ยนเกียร์ถัดไป นอกจากนั้นยังได้อัตราสิ้นเปลืองที่ดีขึ้นอีกเล็กน้อยอีกด้วย
ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า ให้สัมผัสที่ยอดเยี่ยม ทั้งเฉียบคม, แม่นยำ และสื่อสารความเป็นไปของล้อหน้ามาสู่มือได้อย่างชัดเจน และเพราะเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า Mini JCW จึงมาพร้อมฟังก์ชั่น Torque Steer Compensation ที่จะบังคับพวงมาลัยไปยังทิศทางตรงกันข้ามอัตโนมัติเพื่อหักล้างกับแรงบิดที่เกิดขึ้น (ทำให้พวงมาลัยดึงไปด้านซ้าย) ขณะเร่งความเร็ว
ช่วงล่างเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยการเปลี่ยนมาใช้ลูกปืนเพลาขับแบบ Swivel ที่รับแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่า ร่วมด้วยส่วนรองรับเพลาขับและปีกนกผลิตจากโลหะความแข็งแกร่งสูง ในขณะที่ช่วงล่างด้านหลังที่ใช้โลหะความแข็งแกร่งเพื่อลดการบิดตัวและลดน้ำหนักโดยรวม นอกจากนั้น ยังมีเหล็กกันโคลงทรงท่อทั้งหน้าและหลังผลิตขึ้นสำหรับ JCW โดยเฉพาะ ในขณะที่แดมเปอร์แบบ Adaptive เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด มีวาล์วสำหรับเพิ่มความนุ่มนวลในการไหลของน้ำมันขณะแดมเปอร์ยุบตัวอย่างรุนแรง เฟืองท้ายมาพร้อมระบบควบคุมอัตราการล็อคอัตโนมัติ (ทำงานคล้ายกับลิมิเต็ดสลิป) ส่วนระบบเบรกจาก Brembo ให้พลังเหลือเฟือสำหรับจัดการกับทั้ง 231 แรงม้า ใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว ร่วมกับยาง 205/40 ทั้งสี่ล้อ
จอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่ ให้ความคมชัดและอ่านค่าต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น จากการเคลือบด้านเพื่อลดเงาสะท้อน น่าเสียดายที่เปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ไม่มากนัก… นอกจากนั้นยังมี HUD ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สามารถแสดงตำแหน่งเกียร์ และวัดรอบพร้อมสัญญาณเตือนเปลี่ยนเกียร์เมื่อถึง Red Line ได้ ซึ่งยอดเยี่ยมอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง
จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 8.8 นิ้ว ระบบสัมผัส ได้รับการออกแบบกราฟฟิคต่างๆ ใหม่ และใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นอัพเดทล่าสุด ร่วมด้วย Live Widgets ที่ติดตั้งมาให้เป็นครั้งแรก สำหรับเลือกและควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ง่ายดายยิ่งขึ้นด้วยการปัดนิ้วบนหน้าจอ หรือสามารถสั่งการได้จากปุ่มบนพวงมาลัยและชุดควบคุมที่ติดตั้งไว้บริเวณคอนโซลกลาง นอกจากนั้น ยังเป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน สำหรับระบบเปลี่ยนสีพื้นหลังหน้าจอตามโหมดการขับขี่ โดยเปลี่ยนจากสีโทนฟ้าและเทอร์ควอยส์ไปเป็นโทนสีแดงเมื่อเลือกโหมดการขับขี่เป็น SPORT ชุดเครื่องเสียงจาก Harman Kardon ร่วมด้วยลำโพงรอบทิศทางรวม 12 ตัว ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
สวิตช์แบบคันโยกคืออีกหนึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Mini นอกจากให้ความรู้สึกคลาสสิคแล้ว ยังสามารถใช้งานได้สะดวกโดยไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนน ระบบปรับอากาศแบบแยก 2 โซน ซึ่งเป็นออปชั่นในตลาดต่างประเทศ ถูกติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในไทย
แม้จะคันเล็กจิ๋วและเน้นไปที่การขับขี่ ทว่า Mini JCW ก็มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยเพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็น หลังคาพาโนรามิค, ระบบชาร์จไร้สาย, ระบบโทรฉุกเฉิน, ไฟหน้าพร้อมระบบปรับทิศทางส่องสว่างอัตโนมัติ, ฟังก์ชั่น Start & Stop ไปจนถึงระบบควบคุมขณะขับขี่และระบบทำให้เบรกแห้งหลังจากลุยน้ำ
แน่นอนว่าห้องโดยสารไม่ได้กว้างขวางนัก ตามสไตล์ของ Mini แต่หากพับเบาะหลังก็จะมีพื้นที่มากพอสำหรับใส่สัมภาระต่างๆ เบาะแบบสปอร์ตดีไซน์พิเศษสำหรับเวอร์ชั่น JCW หุ้มด้วยผ้า Dinamica สี Carbon Black โอบกระชับและมีขนาดใหญ่พอสำหรับคนตัวโตๆ ทั้งยังนั่งได้สบายอีกด้วย
Price: ฿3,468,000
Engine: 1998cc turbocharged four-cylinder, 231hp @ 5200-6200rpm, 320Nm @ 1450-4800rpm
Transmission: 8-speed automatic, front-wheel drive
Performance: 6.1sec 0-100km/h, 246km/h top speed, 15.9km/l, 150g/km CO2
Weight: 1275kg