รีวิว ลองขับ New Mazda CX-8 รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ปรับเพิ่มออปชันให้มากขึ้น แต่ยังคงเน้นในเรื่องความหรูหรา และสะดวกสบายเอาไว้อย่างเช่นเดิม
รีวิว ลองขับ New Mazda CX-8 รุ่นปรับโฉม ปี 2022 บนเส้นทางหาดใหญ่ – เบตง
New Mazda CX-8 (MY2022)
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญสื่อมวลชนไปร่วมทดสอบ Mazda CX-8 รุ่นปรับโฉม ปี 2022 บนเส้นทางหาดใหญ่ – เบตง สุดเขตชายแดนใต้ โดย Mazda CX-8 มีการปรับเพิ่มออปชันให้มากขึ้น แต่ยังคงเน้นในเรื่องความหรูหรา และสะดวกสบายเอาไว้อย่างเช่นเดิม กับรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งที่มีตอนหลังนั่งได้จริงในไม่กี่รุ่นที่มีจำหน่ายในบ้านเรา
โดย Mazda CX-8 รุ่นปรับโฉม ปี 2022 อเนกประสงค์รุ่นนี้ยังคงเอกลักษณ์ของมาสด้าเอาไว้ สะท้อนภาพลักษณ์ความภูมิฐานและความสมบูรณ์แบบ ใหม่ด้วยการออกแบบกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ และเลือกใช้สีที่แตกต่างออกไปในรุ่นท็อปด้วยกระจังหน้าสีเทา Gun Metallic และรุ่นรองลงมากับสีดำเงา พร้อมการตกแต่งในรุ่นท็อปสุดด้วยคิ้วสีเงินโครเมียมบริเวณชายกันชนหน้าเพิ่มความหรูหราและแตกต่าง
นอกจากนี้ยังมีการปรับดีไซน์ใหม่กับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้าในรุ่นที่เป็นเบาะที่นั่งแบบ 6 ที่นั่ง มีประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ไฟหน้า Projector แบบ LED และมีไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ในรุ่นท็อปสุด
ไฟท้าย LED Signature ที่ตกแต่งเชื่อมทั้งสองฝั่งด้วยโครเมียม ราวหลังคาเฉพาะรุ่นท็อปเพิ่มความอเนกประสงค์ มิติตัวรถยาว 4,900 มม. กว้าง 1,840 มม. สูง 1,730 มม. ระยะฐานล้อ 2,930 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 200 มม. น้ำหนักรถโดยเฉลี่ย 1,781-1,924 กก.
ภายในห้องโดยสาร Mazda CX-8 รุ่นปรับโฉม ปี 2022 เพิ่มทางเลือกด้วยการเสนอห้องโดยสารทั้งหมด 3 แบบ โดยในรุ่น 6 ที่นั่ง (6-Seat) มาพร้อม 2 ทางเลือก ได้แก่ ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat แยกอิสระซ้าย ขวา (Captain seats with center walk-through (6-Seat) ที่สามารถเดินเชื่อมได้ถึงเบาะนั่งแถวที่สาม
และห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat ปรับไฟฟ้า (Power captain seats (6-Seat) พร้อมคอนโซลกลาง และแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (7-Seat) ปกติ
ฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ มาพร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด Mazda Connect รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว และควบคุมได้ด้วย Center Commander บริเวณคอนโซลกลาง มีการเพิ่มอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger ด้านหน้า และ USB สำหรับชาร์จไฟบริเวณเบาะนั่งแถวที่สาม
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri-Zone แยกซ้ายขวาและผู้โดยสารตอนหลัง และช่องปรับอากาศบริเวณใต้เบาะที่นั่งแถวที่สองสำหรับผู้โดยสารตอนที่สาม รุ่นท็อปยังคงมากับตัวเบาะที่นั่งหุ้มหนัง Nappa สีแดง Deep Red ส่วนรุ่นย่อยอื่น ๆ เป็นเบาะหุ้มหนังสีดำทั้งหมด
จากที่เล่าถึงออปชันต่างๆ ที่มีการเพิ่มเติมใน Mazda CX-8 รุ่นปรับโฉม ปี 2022 ไปแล้วก็มาดูการขับขี่ ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์เดินทางใหม่อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีค่ายรถจัดทดสอบรถบนเส้นทางหาดใหญ่ – เบตง เพราะด้วยความเชื่อว่าสามจังหวัดชายแดนอันตราย
ซึ่งในความเป็นจริงก็ยังมีการก่อการร้ายอยู่ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ที่นั่นก็สามารถใช้ชีวิตได้ปรกติ ซึ่งอาจจะมีเฉพาะบางเส้นทางที่เป็นจุดเสี่ยงแต่ในเส้นทางหลักไม่น่าเป็นห่วงนัก เพราะมีการวางกำลังและจุดตรวจตลอดเส้นทาง เพิ่มความอุ่นใจให้ผู้ใช้เส้นทางได้เป็นอย่างดี
บวกกับทางมาสด้ามีแนวคิดว่ารถมาสด้าต้องสามารถวิ่งได้ทั่วไทย จึงเป็นที่มาของการเดินทางสู่เบตงในครั้งนี้ นับเป็นอีกครั้งที่ทางมาสด้าได้สร้างปรกกฎการณ์ในการเดินทาง ซึ่งถือว่าเป็นอีกครั้งสำหรับความท้าทาย
โดยเราบินมาลงที่หาดใหญ่เพื่อขับทดสอบ Mazda CX-8 รุ่นปรับโฉม ปี 2022 กันที่โชว์รูม Mazda Chookiatyont Hatyai เพื่อมุ่งหน้าสู่อำเภอเบตง จ.ยะลา สุดเขตชายแดนใต้ประเทศไทย โดยรุ่นที่ทางทีมงานได้โอกาสขับทดสอบในครั้งนี้เป็น Mazda CX-8 รุ่นย่อย 2.5SP ราคา 1,619,000 บาท
ที่มีขุมกำลัง Skyactiv-G เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดบวกลบที่คันเกียร์ และโหมด Sport ให้เลือกใช้งาน และตัวช่วยใหม่ ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ที่ทางมาสด้าติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
ซึ่งช่วยให้เราขับขี่ผ่านทางโค้งได้มั่นใจและแม่นยำขึ้น ซึ่งเหมาะกับการขับขี่ในครั้งนี้ทีเดียว เพราะมีหลายช่วงที่จะเจอเส้นทางโค้งคดเคี้ยวน้องๆ เส้นทางแม่ฮ่องสอน ในการเดินทางครั้งนี้รถเรามีผู้โดยสารถึง 5 ท่าน ประกอบกับรุ่นที่เราทดสอบ เบาะแถวสองเป็นรุ่นกัปตันซีท การเข้าออกแถวสามนั้นถือว่าไม่ยาก เพราะสามารถเดินทะลุผ่านตรงกลางแถวสองได้
โดยผู้ที่จะนั่งเบาะแถวสามควรจะมีความสูงไม่เกิน 175 ซม. จะดูเข้าทีกว่า เพราะถ้าสูงกว่านั้นต้องยอมรับว่าขาอาจจะติดเบาะหน้าได้ ด้วยขนาดของรถที่มีความหรูหราและกว้างขวางทำให้หมดปัญหาในเรื่องจำนวนคน แถมยังมีกระเป๋าสัมภาระของแต่ละคน ก็ยังมีพื้นที่บรรทุกได้อย่างเพียงพอ สมกับที่เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่จริงๆ
สำหรับการขับขี่โดยส่วนตัวคิดว่า เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 194 แรงม้า ก็ถือว่ามีพละกำลังพอตัวไม่อืดอาดเมื่อเทียบกับขนาดของตัวรถ แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่ากระฉับกระเฉงจนน่าประทับใจ แต่ถ้าเป็นการขับขี่แบบทั่วๆ ไป ก็ถือว่าเกินพอในการเร่งแซง
โดยส่วนตัวชื่นชอบในรุ่นดีเซลมากกว่า เพราะการตอบสนองของอัตราเร่งน่าจะดีกว่าพอสมควร เมื่อเทียบกับตัวรถ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าตัวที่แพงขึ้น อีกจุดเด่นนึงของ Mazda CX-8 คือเรื่องการเก็บเสียงที่ทำได้น่าประทับใจ รวมไปถึงความนุ่มนวลของช่วงล่างที่ถือว่าให้ความนุ่มนวลแล้วยังให้ความมั่นใจในการขับขี่
โดยเฉพาะเส้นทางที่คดเคี้ยวแบบนี้ Mazda CX-8 ถือว่าเอาอยู่สบายๆ โดยเฉพาะการมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ที่ช่วยให้การเข้าโค้งได้แม่นยำขึ้น ที่สำคัญทำให้การเดินทางครั้งนี้สนุกมากยิ่งขึ้น ส่วนของพวงมาลัยให้การตอบสนองแบบมาสด้า คือค่อนข้างคม และแม่นยำในการเข้าโค้ง พวงมาลัยเป็ยแบบไฟฟ้าแปรผันตามความเร็ว
ช่วยให้การเปลี่ยนเลนในความเร็วต่ำทำได้อย่างคล่องแคล่ว ในความเร็วสูงก็มีน้ำหนักที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี ส่วนระบบเบรกถือว่าออกแบบมาได้เพียงพอต่อการหยุดมวลของตัวรถกับแรงม้าที่มี โดยอัตราสื้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 13 กม./ลิตร เมื่อเทียบกับขนาดของรถกับเส้นทางที่ขับขี่มาถือว่าสมเหตุสมผล
ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้ เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างคนจีนและคนอิสลาม ได้เห็นวิถีวัฒนธรรมแม้จะแตกต่าง แต่ก็ไม่ได้แตกแยก สำหรับนักเดินทางทุกๆ ท่าน เมื่อเราไปอยู่ในสถานที่เขา อาจจะมีบางสิ่งที่เขาห้ามหรือเขาทำไม่เหมือนกับสถานที่เราเคยอยู่ เราต้องเคารพและให้เกียรติสถานที่นั้นๆ ด้วย เพราะความเชื่อ และการสอนของเราและเขาอาจะไม่เหมือนกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางมาสด้า ก็ได้พาเราไปเปิดใจได้เห็นอีกโลกที่เราไม่เคยได้เห็น เช่นเดียวกับ Mazda CX-8 ใหม่ รุ่นปรับโฉม ปี 2022 ที่ได้เพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเข้ามา และยังอัพเกรดระบบตัวช่วยการขับขี่ให้สามารถตอบสนองการใช้างานได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นรถอีกรุ่นที่ตอบสนองการเดินทางไกลได้อย่างน่าประทับใจ และให้ความหรูหราตอบโจทย์ชีวิตในเมืองได้เป็นอย่างดี