Breaking News

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ที่สุดของสปอร์ตหรูในคราบซีดาน ที่ดุดันและหรูหรา

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition รถซีดานระดับ Luxury ขุมพลัง Plug-in Hybrid ให้พลังรวม 462 แรงม้า ราคา 7,790,000 บาท

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition

Panamera เวอร์ชั่นรีเฟรชที่อยู่กับเราตอนนี้ มาพร้อมกับสีน้ำตาลเมทัลลิค ‘Truffle Brown’ ซึ่งทั้งโดดเด่นสะดุดตาและให้ความรู้สึกคลาสสิคในเวลาเดียวกัน ซีดานคันหรูจาก Porsche กำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทว่าเงียบเชียบด้วยการใช้เพียงพลังไฟฟ้าอย่างเดียว รถรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับขุมพลัง Plug-in Hybrid คันนี้

จะเริ่มทำงานในโหมด E-Power (ไฟฟ้าล้วน) เป็นค่าเริ่มต้นเสมอ โดยสามารถวิ่งได้ราว 50 กม. ซึ่ง (สำหรับผม) เพียงพอสำหรับการใช้งานในกรุงเทพฯ หนึ่งวันเต็ม โดยไม่ต้องปลุกเครื่องยนต์สันดาปฯ ขึ้นมาร่วมวงแต่อย่างใด

มอเตอร์ไฟฟ้าให้พลัง 136 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรจะมีให้ใช้เต็มพิกัดเมื่อคุณกดคันเร่งลงไปราว 50 เปอร์เซ็นต์ และหากกดลึกเกินกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ เครื่องยนต์ก็จะเข้ามาร่วมทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้พลังมากพอสำหรับการเร่งแซง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นในการขับขี่ในเมือง

เพราะลำพังมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ก็ให้พละกำลังเหลือเฟือ แม้กดคันเร่งลงไปเพียงเล็กน้อยก็ตาม… Panamera ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าสามารถเร่งได้ทันใจ และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. โดยไม่ต้องเผาเชื้อเพลิงแม้แต่หยดเดียว!

Panamera 4 E-Hybrid ให้ความรู้สึกแบบรถ EV พันธุ์แท้ เมื่อขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วน และแม้เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องรถสปอร์ต ทว่า Porsche ก็ทำได้ดีเมื่อต้องสร้างยนตรกรรมระดับหรู… Panamera คันมหึมาเคลื่อนผ่านผิวทางขรุขระได้ราวกับลอยอยู่เหนือพื้น เมื่อรวมกับการตัดเสียงรบกวนภายนอกที่ยอดเยี่ยม, ความเงียบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า

และคุณภาพวัสดุตลอดจนการตกแต่งห้องโดยสารแบบพิเศษในเกรด ‘Platinum Edition’ ส่งให้การเดินทางในรถคันนี้อยู่ในขั้น First-class อย่างแท้จริง พวงมาลัยให้น้ำหนักเบามือแต่ยังคงฉับไวและตอบสนอง ร่วมด้วยอัตราเร่งทันใจจากมอเตอร์ไฟฟ้า คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ขับขี่ได้คล่องแคล่วไม่ต่างจากรถคอมแพคท์ แม้ตัวถังมีขนาดกว้างร่วม 2 เมตร และยาวถึง 5 เมตร ก็ตาม

หากพลังไฟฟ้าในแบตเตอรี่ของระบบไฮบริดยังเหลือเพียงพอ Panamera จะใช้โหมด E-Power ต่อไปโดยอัตโนมัติ แม้จะอยู่ที่ความเร็วราว 120 กม./ชม. บนมอเตอร์เวย์ (ที่เรากำลังใช้เพื่อมุ่งหน้าออกนอกเมือง) ก็ตาม ในโหมดนี้จะใช้เวลาพอสมควรในการเรียกขุมพลังเบนซิน V6 ความจุ 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่, 330 แรงม้า, 450 นิวตันเมตร ขึ้นมาร่วมทำงานขณะเร่งแซง

ต่างจากในโหมด Hybrid Auto ที่ทั้งสองแหล่งพลังงานจะสลับไปมาหรือร่วมมือกันทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน จะเกิดเป็นพลังรวมที่ 462 แรงม้า และทำแรงบิดได้ระดับพระกาฬถึง 700 นิวตันเมตร ส่ง Panamera จากจุดหยุดนิ่งสู่ 100 กม./ชม. ใน 4.4 วินาที และทะลุ 160 กม./ชม. ได้ภายในระยะทางไม่ถึง 400 เมตร!

ที่ความเร็วสูงในโหมด Sport ขึ้นไป ช่วงล่างถุงลมแบบ Adaptive จะปรับให้หมอบต่ำลง (และขึงตึงขึ้น) อัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะ น้ำหนักพวงมาลัยที่เพิ่มขึ้นร่วมด้วยการตอบสนองที่ถูกปรับให้ฉับไวกว่าเดิม ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการบังคับควบคุมได้เป็นอย่างดี ขณะที่เสียงจากท่อไอเสียปรับดังขึ้น (อีกเล็กน้อย) ให้อรรถรสขณะทำความเร็วได้ดีทีเดียว Panamera 4 E-Hybrid

เร่งไปข้างหน้าได้ราวกับพละกำลังของมันไม่มีจุดสิ้นสุด เพียงชั่วอึดใจคุณจะพบว่า ตัวเองกำลังเคลื่อนที่อยู่ด้วยความเร็วเกินกว่า 200 กม./ชม. ทว่าทุกอย่างยังคงดูง่ายดายและอยู่ในการควบคุมไม่ต่างจากการขับขี่ความเร็วปกติ นี่คือสิ่งที่แยก “รถแรง”

และ “รถสมรรถนะสูง” ออกจากกัน ประสบการณ์อันช่ำชองของ Porsche ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตรถสปอร์ตและซูเปอร์คาร์แถวหน้าของโลก ถูกถ่ายทอดมาสู่รถระดับ Luxury คันนี้ได้อย่างไร้ที่ติ เร็วแบบสายฟ้าฟาด ทว่าควบคุมได้เชื่องมือ

เช่นเดียวกับขณะอยู่บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยโค้ง Panamera ยังคงมอบความเชื่อมั่นให้กับคุณได้เต็มร้อย ผ่านระบบบังคับเลี้ยวที่ให้สัมผัสยอดเยี่ยม ตรงไปตรงมา, สื่อสารชัดเจน, ตอบสนองฉับไวและเฉียบคม ตลอดจนพลังมหาศาลจากคาลิเปอร์ 6 ลูกสูบ ที่ช่วยให้คุณเบรกได้ลึกกว่าปกติ

และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่คอยจัดสรรแรงบิดให้เหมาะสมอยู่เสมอตลอดโค้งไปจนถึงทางออก แม้น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากระบบไฮบริดจะทำให้เกิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์มากกว่าปกติจนคุณรับรู้ได้ ทว่า Panamera ยังคงแล่นผ่านโค้งได้ราวกับวิ่งอยู่บนราง

จากการจราจรขวักไขว่ในเมือง จนถึงการขับขี่บนขีดจำกัดสูงสุด Panamera แสดงให้เห็นว่ามันคือรถที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้งโลกแห่งการใช้งานและการทำความเร็ว Porsche ไม่เพียงอยู่ในกลุ่มหัวแถวของรถสปอร์ตเท่านั้น แต่ยังทำได้น่าประทับใจในหมวดยนตรกรรมระดับหรูอีกด้วย นี่คือรถที่เป็นได้ทั้งพาหนะสำหรับการเดินทาง และเปิดให้คุณได้สนุกกับการขับขี่ทุกเมื่อที่ต้องการ

ดังนั้น สำหรับเรา Panamera 4 E-Hybrid จึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของรถซีดานระดับ Luxury

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู
ดีไซน์ของ Panamera คือการนำเอากลิ่นอายของ 911 มาตีความใหม่ให้เหมาะกับการเป็นรถระดับ Executive ด้วยขนาดมหึมา ส่งให้ภาพรวมของรถดูน่าเกรงขาม ทว่ายังคงแฝงความเป็นสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของ Porsche เอาไว้อย่างครบถ้วน รูปทรงท้ายลาดยังคงให้พื้นที่เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเหลือเฟือ ทั้งยังมีห้องเก็บสัมภาระที่กว้างและยาวมากทีเดียว… คันทดสอบของเราเป็นรุ่นพิเศษ ‘Platinum Edition’ ที่มีอุปกรณ์ตกแต่งแตกต่างจากรุ่นมาตรฐาน และมาพร้อมกับสีใหม่สุดพิเศษ ‘Truffle Brown Metallic’ โดดเด่นเปล่งประกายงดงามอย่างยิ่งเมื่ออยู่กลางแจ้ง

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู
ชุดไฟท้ายปรับดีไซน์ใหม่เล็กน้อย ส่วนไฟหน้าดวงหลักเป็นชนิด LED พร้อม Porsche Dynamic Light System และไฟสูงอัตโนมัติ ที่ขาดไม่ได้คือ DRL แบบ 4 จุด ล้อมรอบไฟหลัก อันเป็นเอกลักษณ์ของ Porsche พิเศษเฉพาะ Platinum Edition ด้วยการใช้กรอบสีดำแทนที่โครเมี่ยม ส่วนไฟเลี้ยวแยกติดตั้งไว้เป็นส่วนหนึ่งของครีบบริเวณช่องดักอากาศด้านข้างของกันชน

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู

รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู
ใช้สีดำ Satin Platinum แทนโครเมี่ยมที่ตัวอักษรตามจุดต่างๆ รอบคัน รวมไปถึงอักษร ‘PORSCHE’ ที่กลางชุดไฟท้าย และคิ้วล้อมรอบกรอบหน้าต่าง ส่วนตัวอักษร ‘Panamera 4’ และ ‘e-Hybrid’ ซ้อนด้านล่างด้วยสีเขียว ‘Acid Green’ ปลายท่อไอเสียก็เป็นสี Satin Platinum เช่นกัน โดยเสียงท่อสามารถปรับความดังได้ตามโหมดการขับขี่… ไม่ค่อยดังมากนัก แต่ก็ดีกว่าไม่มี…
รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู
โดยส่วนตัวผมชอบกระจกมองข้างแบบก้านคู่ซึ่งมีช่องเปิดตรงกลาง มากกว่ากระจกขาเดียวแบบปกติใน Porsche รุ่นใหม่อื่นๆ ที่เริ่มทยอยเปิดตัว… เปลือกตัวถังของรถ อาทิ แก้มหน้า-หลัง, ฝากระโปรงหน้า-หลัง และโครงหลังคา ผลิตจากอลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก
รีวิว ลองขับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition ซีดานคันหรู
เครื่องยนต์ V6 ความจุ 2.9 ลิตร ใช้เทอร์โบคู่แบบติดตั้งไว้กึ่งกลาง ‘V’ ของเสื้อสูบ ซึ่งให้ข้อดี 2 ประการหลักคือ ทำให้ท่อทางเดินจากเทอร์โบไปสู่ห้องเผาไหม้สั้นลง จึงตอบสนองคันเร่งได้อย่างรวดเร็ว อีกประการคือขนาดโดยรวมของเครื่องยนต์เล็กลง เพราะไม่มีเทอร์โบอยู่ด้านข้างเสื้อสูบอีกต่อไป จึงสามารถเลื่อนเครื่องยนต์ลงมาต่ำกว่าเดิมได้ ส่งผลให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง… Panamera Hybrid เริ่มต้นทำงานด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนเสมอ โดยติดเครื่องยนต์ขึ้นเมื่อกดคันเร่งเกิน 60 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น จนกระทั่งไฟในแบตเตอรี่เหลือน้อยถึงระดับที่กำหนด ระบบจะเปลี่ยนไปใช้โหมด Hybrid Auto โดยอัตโนมัติ เพื่อสลับใช้เครื่องยนต์เป็นระยะๆ ขณะเครื่องยนต์ทำงาน จะชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ไปด้วยในตัว เพื่อให้มีไฟเพียงพอสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าเสมอ
Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition
ใช้เวลาในการชาร์จจนเต็มประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ผ่านชาร์จเจอร์ 7.2 kW (AC) ใต้ห้องเก็บสัมภาระคือแบตเตอรี่ระบายความร้อนด้วยของเหลว ขนาด 19.7kWh เพิ่มขึ้นจาก 14.1kWh ของรุ่นปี 2017 ด้วยการเพิ่มเซลล์ เมื่อรวมกับการปรับโหมดการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งให้รถสามารถวิ่งได้ไกลเพิ่มขึ้นสูงสุด 30 เปอร์เซ็นต์ หรือมากถึง 65 กม. นอกจากนั้น แรงบิดสูงสุดยังมีให้ใช้เร็วขึ้นกว่าเดิม ด้วยการกดคันเร่งลงไป 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ที่ 80 เปอร์เซ็นต์

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition
ใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ คลัตช์คู่ ส่วนชุดตัดต่อกำลังระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์เป็นแบบคลัตช์ไฟฟ้า ที่ทำงานได้รวดเร็วกว่าแบบไฮดรอลิกของรถรุ่นแรก พลังทั้งหมดถูกกระจายไปยังระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 รูปแบบ คือ E-power, Hybrid Auto, Sport และ Sport Plus ผ่านการหมุนปุ่มที่พวงมาลัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพคเกจ Sport Chrono ที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ปุ่มตรงกลางใช้สำหรับเพิ่มกำลังพิเศษ โดยการกดแต่ละครั้งจะให้พลังนานสูงสุด 10 วินาที นอกจากนั้น ในรุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมกับสองโหมดใหม่คือ E-Hold และ E-Charge ที่ต้องสั่งการจากหน้าจอส่วนกลางของรถ โหมดแรก จะหยุดการใช้พลังจากแบตเตอรี่จนกว่าจะใช้โหมด Boost ซึ่งดีสำหรับคุณหากต้องเก็บพลังไฟฟ้าไว้ใช้ขับขี่ในเมือง ส่วนอีกโหมดคือการใช้เครื่องยนต์ชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ไปด้วย ซึ่งจะเพิ่มโหลดให้เครื่องยนต์เล็กน้อย ทว่าการชาร์จกลับก็ทำได้เร็วและให้ปริมาณไฟกลับมาพอสมควร เนื่องจากระบบจะชาร์จไฟคงที่ ที่ 7.2kWh ส่วนในโหมด Sport Plus จะชาร์จอย่างหนักหน่วงขึ้นเป็น 12kWh เพื่อให้เพียงพอกับการป้อนให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานเต็มกำลัง ระบบจะชาร์จจนถึงปริมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของความจุแบตเตอรี่ เนื่องจากการชาร์จไฟเข้าไปมากกว่านั้น จะชาร์จได้ช้าลงและมีประสิทธิภาพการชาร์จลดลง
Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition
ระบบบังคับเลี้ยวแสดงศักยภาพอันน่าทึ่งให้เห็นเมื่ออยู่ในโค้ง คุณจะสัมผัสได้ถึงการสื่อสารความเป็นไปของล้อหน้าได้อย่างชัดเจนผ่านมือทั้งสองที่กำลังกุมพวงมาลัยอยู่ น้ำหนักที่ตึงมือและการตอบสนองของมัน ช่วยยกระดับความมั่นใจของคุณไปถึงขีดสุด และทำให้ Panamera เป็นรถที่ควบคุมทิศทางได้ง่ายมากๆ
Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition
ในเกรด Platinum Edition ได้ล้อลายพิเศษ ‘Exclusive Design’ ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะเกรดนี้เท่านั้น มีขนาด 21 นิ้วทั้งสี่ล้อ ลึกลงไปคือคาลิเปอร์อลูมิเนียมชิ้นเดียว 6 ลูกสูบ ร่วมกับดิสก์ขนาด 390 มม. ส่วนล้อหลังเป็นขนาด 4 ลูกสูบ และดิสก์ 365 มม. ให้พลังเบรกระดับพระกาฬเมื่อขับขี่แบบสปอร์ต ทว่ายังคงนุ่มนวลขณะใช้งานทั่วไป
Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition
ช่วงล่างอิสระสี่ล้อ ใช้ปีกนกอลูมิเนียมทั้งหมดเพื่อลดน้ำหนักใต้สปริง ส่งให้การตอบสนองของช่วงล่างแม่นยำและเฉียบคมขึ้น มาพร้อมแดมเปอร์ไฟฟ้าและถุงลม (Air Spring) แบบ 3 ชั้น ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบ ‘Porsche 4D Control’ ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์บัญชาการหลักให้กับช่วงล่าง โดยวิเคราะห์สถานการณ์การขับขี่ที่ในเกิดขึ้นขณะนั้นทั้ง 3 มิติ คือ แรงกระทำจากตามแนวนอน, แนวข้าง และแนวตั้ง แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาคำนวณและเตรียมไว้สำหรับให้ “มิติที่ 4”นั่นคือ ระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ระบบ PASM (Porsche Active Suspension Management), PDCC Sport (Porsche Dynamic Chassis Control Sport), ระบบกันโคลงแบบแอคทีฟ เป็นต้น ดึงข้อมูลไปใช้เพื่อปรับการทำงานให้สอดคล้องซึ่งกันและกันแบบเรียลไทม์ ความสูงของช่วงล่างจะปรับตามโหมดการขับขี่ที่เลือก และผู้ขับยังสามารถเลือกปรับความสูงได้เองผ่านระบบสัมผัสบนคอนโซลกลางอีกด้วย

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition
ห้องโดยสารให้ความรู้สึกล้ำสมัยด้วยการใช้ระบบสัมผัสที่คอนโซลกลาง เบาะคู่หน้าสามารถปรับได้ถึง 14 ทิศทาง และวางไว้ต่ำเพื่อให้ได้ตำแหน่งการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับรถสปอร์ต ทว่ายังคงมีทัศนวิสัยรอบด้านชัดและนั่งสบาย ขณะที่เบาะหลังหลังเป็นแบบแยก 2 ที่นั่งขนาดใหญ่ มีพื้นที่วางขาเหลือเฟือ ทั้งยังมีพื้นที่เหนือศีรษะมากพอสำหรับผู้ใหญ่ตัวสูงๆ แม้หลังคาจะเป็นทรงลาดก็ตาม ที่พนักพิงศีรษะตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์ ‘Porsche Crest’ ทุกที่นั่ง ขณะที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ติดตั้งมาให้เต็มพิกัด เช่นเดียวกับระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ที่มีมาให้ครบครัน

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition
มาตรวัดแบบเข็มอนาล็อกติดตั้งไว้กึ่งกลางของส่วนแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่ เพื่อสื่อให้เห็นถึงความสปอร์ตตามสไตล์รถแข่ง ขนาบซ้ายขวาด้วยจอดิจิตอลเต็มพื้นที่ขนาด 7 นิ้ว ทั้งคู่ หันทำมุมเข้าหาสายตาผู้ขับจึงอ่านค่าต่างๆ ได้ชัดเจน สามารถเรียกดูข้อมูลและปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลายผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย ส่วนนาฬิกาแบบอนาล็อกเข้าชุดกับมาตรวัด รวมอยู่ในแพคเกจ Sport Chrono ที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition
จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 12.3 นิ้ว แบบสัมผัส ของระบบ PCM (Porsche Communication Management) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลสำหรับทั้งเสียง, การสื่อสาร, การนำทาง และฟีเจอร์ต่างๆ ของรถ คุณอาจต้องใช้เวลาสักพักใหญ่เพื่อดูคุณสมบัติมากมายที่ระบบสามารถแสดงและเปิดให้คุณปรับแต่งได้ หน้าจอให้ความคมชัดสูงและตอบสนองฉับไวเทียบเท่าสมาร์ทโฟน โดยปัจจุบัน รถรุ่นใหม่นี้รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto มาพร้อมชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยมจาก Bose

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition

Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition
ระบบปรับอากาศแยก 4 โซน สำหรับผู้โดยสารแต่ละที่นั่งโดยเฉพาะ พร้อมแผ่นกรองคาร์บอนแบบแอคทีฟ ดักจับอนุภาคฝุ่น, ละอองเกสร และกลิ่น ตลอดจนกรองฝุ่นขนาดเล็กออกจากอากาศภายนอกได้อย่างทั่วถึง ช่องแอร์ส่วนกลางของทั้งผู้โดยสารหน้าและหลัง ควบคุมทิศทางลมได้ด้วยการ เลื่อน/ลาก ตำแหน่งบนจอแสดงผล ให้ความรู้สึกล้ำสมัยแต่ใช้งานยากจนน่าสงสัยว่า ดีและสะดวกกว่าการใช้มือปรับอย่างไร?

SPECIFICATIONS: PORSCHE PANAMERA 4 E-HYBRID PLATINUM EDITION

  • Price: from ฿7,790,000
  • Engine: 2894cc V6 biturbo, 330ps @ 5400-6400rpm, 450Nm @ 1800-5000rpm, with e-motor, 136ps, 400Nm (462ps, 700Nm combined)
  • Transmission: 8-speed PDK auto, all-wheel drive
  • Performance: 4.4sec 0-100km/h, 280km/h top speed, 49-47g/km Co2
  • Weight: n/a

Check Also

ISUZU MU-X 4x2 3.0 RS 2024

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS ลุคใหม่ที่สปอร์ตยิ่งกว่าเดิม เสริมความปลอดภัย ที่ยังคงเด่นในสมรรถนะและความประหยัดเฉกเช่นเดิม

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS A/T เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power 190 แรงม้า …